ASTVผู้จัดการรายวัน - โฟร์โมสต์ จ่อปรับราคานมโคพร้อมดื่มขึ้น หลังมิลล์บอร์ดไฟเขียวขึ้นราคา 1 บาท หรือ 18 บาทต่อกก. ระบุยื่นปรับราคาสินค้าตั้งแต่ปลายปี กัดฟันแบกรับต้นทุนมา 2 เดือน ชี้เป็นไปตามกลไกตลาด วัตถุดิบขึ้นราคาก็ต้องขึ้น ยันเมื่อน้ำนมดิบลงพร้อมปรับราคาลง ชูแผนกระตุ้นคนไทยดื่มนมเพิ่ม อัด 200 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญ”โฟร์โมสต์ สุขภาพดี 24ชั่วโมง”สิ้นปียอดขายโตมากกว่าตลาด
นายชนินทร์ อรรจนานันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า หลังจากราคาน้ำนมดิบในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 16.50บาทต่อกก. เป็น 17บาทต่อกก. บริษัทก็ได้ยื่นต่อกรมการค้าภายใน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อขอปรับราคานมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์ขึ้นแต่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือให้ตรึงราคาสินค้ากระทั่งสิ้นเดือนมีนาคม 2554 อย่างไรก็ตาม การปรับราคานมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมหรือมิลล์บอร์ด ว่าจะอนุมัติปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นหรือไม่
ล่าสุดวานนี้ (1 มี.ค.) ที่ประชุมมิลล์บอร์ด ได้พิจารณาการปรับราคาน้ำนมดิบ ตามที่คณะอนุกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเสนอในอัตรากก.ละ 1บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเป็น 18บาทต่อกก. จากปัจจุบันราคา 17บาทต่อกก. ทั้งนี้การขึ้นราคาครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาถึงต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาสินค้า อย่างไรก็ตามการขึ้นราคานมพร้อมดื่มเป็นไปตามกลไกของตลาด ในช่วง 2ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำนมดิบก็ปรับเพิ่มขึ้น 18บาทต่อกก.มาแล้ว ซึ่งบริษัทก็ปรับราคาเพิ่มขึ้น ตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่เมื่อราคาน้ำนมดิบลดลง ราคาสินค้าก็ปรับลดตามต้นทุนที่เกิดขึ้น
“การขึ้นราคาของน้ำนมดิบ 18บาทต่อกก.เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2ปีที่ผ่านมา ผมมองว่าเป็นไปตามกลไกของตลาด เมื่อวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น สินค้าก็ปรับเพิ่มขึ้น เมื่อราคาวัตถุดิบลง ราคาสินค้าก็ปรับลดลง ขณะเดียวกันบริษัทก็เน้นการบริหารต้นทุนต่างๆ ควบคู่ไปด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลในเบื้องต้น การปรับเพิ่มราคานมดิบ ส่งผลให้ราคานมยูเอชทีและนมถุงราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมนมยูเอชที่มีราคาที่กล่องละ 7.40 บาทเป็นราคา 7.61 บาท และนมถุงราคาราคาที่ 6.16 บาทเป็นถุงละ 6.37 บาท
เอ็มดีใหม่ลุยกระตุ้นคนไทยดื่มนม
นายชนินทร์ กล่าวต่อถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจภายหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งนับว่าเป็นคนไทยรายแรกที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวว่า การทำตลาดเน้นกระตุ้นให้คนไทยดื่มนมเพิ่มขึ้น ด้วยการป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประโยชน์จากการดื่มนม เพื่อสร้างตลาดนมพร้อมดื่มมูลค่า 36,974หมื่นล้านบาท ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปีโดยพบว่า คนไทยดื่มนมน้อยเพียง 12-13ลิตรต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ 20ลิตรต่อคนต่อปี ญี่ปุ่น 39ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉลี่ย 14 ลิตรต่อคนต่อปี
บริษัทได้ทุ่มงบ 200ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ”โฟร์โมสต์ สุขภาพดี 24ชั่วโมง” ตอกย้ำกลยุทธ์การรณรงค์ให้คนไทยดื่มนม โดยให้ความรู้ด้านโภชนาการและบริการตรวจสุขภาพฟรีทั่วประเทศ ด้วยการสื่อสารถึงคุณประโยชน์หลากหลายของนมที่ผู้บริโภคไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน 24 ชั่วโมง
จากที่ผ่านมาคนไทยมีการรับรู้ถึงประโยชน์ของนมเพียงแค่เสริมสร้างแคลเซียม หรือรองท้องเวลาหิว ทำให้อัตราการบริโภคนมยังน้อยมาก
พร้อมกันนี้เปิดตัวแอมบาสเดอร์”ณเดชน์ คูกิมิยะ และญาญ่า อุรัสยา” โดยภาพยนตร์โฆษณาจะสื่อสารถึงประโยชน์ของนมผ่านไลฟ์สไตล์ รวมสื่อสารแบบครบวงจร ทั้งสื่อโฆษณทางกลางแจ้ง สื่อออนไลน์ สื่อในร้านค้า และสื่อเคเบิลทีวี คาดว่ากลุ่มผู้บริโภคจะสร้างการรับรู้ 1 ล้านคน และการจัดกิจกรรมโรดโชว์สร้างการรับรู้ 2 แสนคน
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตมากกว่าตลาดหรือมากกว่า 7% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 1หมื่นล้านบาท โดยแต่ละเซกเมนต์ต้องเติบโตมากกว่าตลาด ซึ่งปัจจุบัน โฟร์โมสต์ เป็นผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มครองส่วนแบ่ง 21% ดัชมิลล์ 19% และเอฟแอนด์เอ็น 11% ขณะที่นมโคพร้อมดื่มมูลค่า 8,000 ล้านบาท โฟร์โมสต์ ครองส่วนแบ่ง 56%
นายชนินทร์ อรรจนานันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า หลังจากราคาน้ำนมดิบในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 16.50บาทต่อกก. เป็น 17บาทต่อกก. บริษัทก็ได้ยื่นต่อกรมการค้าภายใน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อขอปรับราคานมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์ขึ้นแต่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือให้ตรึงราคาสินค้ากระทั่งสิ้นเดือนมีนาคม 2554 อย่างไรก็ตาม การปรับราคานมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมหรือมิลล์บอร์ด ว่าจะอนุมัติปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นหรือไม่
ล่าสุดวานนี้ (1 มี.ค.) ที่ประชุมมิลล์บอร์ด ได้พิจารณาการปรับราคาน้ำนมดิบ ตามที่คณะอนุกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเสนอในอัตรากก.ละ 1บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเป็น 18บาทต่อกก. จากปัจจุบันราคา 17บาทต่อกก. ทั้งนี้การขึ้นราคาครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาถึงต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาสินค้า อย่างไรก็ตามการขึ้นราคานมพร้อมดื่มเป็นไปตามกลไกของตลาด ในช่วง 2ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำนมดิบก็ปรับเพิ่มขึ้น 18บาทต่อกก.มาแล้ว ซึ่งบริษัทก็ปรับราคาเพิ่มขึ้น ตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่เมื่อราคาน้ำนมดิบลดลง ราคาสินค้าก็ปรับลดตามต้นทุนที่เกิดขึ้น
“การขึ้นราคาของน้ำนมดิบ 18บาทต่อกก.เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2ปีที่ผ่านมา ผมมองว่าเป็นไปตามกลไกของตลาด เมื่อวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น สินค้าก็ปรับเพิ่มขึ้น เมื่อราคาวัตถุดิบลง ราคาสินค้าก็ปรับลดลง ขณะเดียวกันบริษัทก็เน้นการบริหารต้นทุนต่างๆ ควบคู่ไปด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลในเบื้องต้น การปรับเพิ่มราคานมดิบ ส่งผลให้ราคานมยูเอชทีและนมถุงราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมนมยูเอชที่มีราคาที่กล่องละ 7.40 บาทเป็นราคา 7.61 บาท และนมถุงราคาราคาที่ 6.16 บาทเป็นถุงละ 6.37 บาท
เอ็มดีใหม่ลุยกระตุ้นคนไทยดื่มนม
นายชนินทร์ กล่าวต่อถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจภายหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งนับว่าเป็นคนไทยรายแรกที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวว่า การทำตลาดเน้นกระตุ้นให้คนไทยดื่มนมเพิ่มขึ้น ด้วยการป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประโยชน์จากการดื่มนม เพื่อสร้างตลาดนมพร้อมดื่มมูลค่า 36,974หมื่นล้านบาท ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปีโดยพบว่า คนไทยดื่มนมน้อยเพียง 12-13ลิตรต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ 20ลิตรต่อคนต่อปี ญี่ปุ่น 39ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉลี่ย 14 ลิตรต่อคนต่อปี
บริษัทได้ทุ่มงบ 200ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ”โฟร์โมสต์ สุขภาพดี 24ชั่วโมง” ตอกย้ำกลยุทธ์การรณรงค์ให้คนไทยดื่มนม โดยให้ความรู้ด้านโภชนาการและบริการตรวจสุขภาพฟรีทั่วประเทศ ด้วยการสื่อสารถึงคุณประโยชน์หลากหลายของนมที่ผู้บริโภคไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน 24 ชั่วโมง
จากที่ผ่านมาคนไทยมีการรับรู้ถึงประโยชน์ของนมเพียงแค่เสริมสร้างแคลเซียม หรือรองท้องเวลาหิว ทำให้อัตราการบริโภคนมยังน้อยมาก
พร้อมกันนี้เปิดตัวแอมบาสเดอร์”ณเดชน์ คูกิมิยะ และญาญ่า อุรัสยา” โดยภาพยนตร์โฆษณาจะสื่อสารถึงประโยชน์ของนมผ่านไลฟ์สไตล์ รวมสื่อสารแบบครบวงจร ทั้งสื่อโฆษณทางกลางแจ้ง สื่อออนไลน์ สื่อในร้านค้า และสื่อเคเบิลทีวี คาดว่ากลุ่มผู้บริโภคจะสร้างการรับรู้ 1 ล้านคน และการจัดกิจกรรมโรดโชว์สร้างการรับรู้ 2 แสนคน
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตมากกว่าตลาดหรือมากกว่า 7% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 1หมื่นล้านบาท โดยแต่ละเซกเมนต์ต้องเติบโตมากกว่าตลาด ซึ่งปัจจุบัน โฟร์โมสต์ เป็นผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มครองส่วนแบ่ง 21% ดัชมิลล์ 19% และเอฟแอนด์เอ็น 11% ขณะที่นมโคพร้อมดื่มมูลค่า 8,000 ล้านบาท โฟร์โมสต์ ครองส่วนแบ่ง 56%