ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - หัวหน้าอุทยานฯทับลาน เผยตำรวจสันติบาล-ผบก.ปราจีนบุรี แจ้งเตือนพบกลุ่มมือปืนเคลื่อนไหวในพื้นที่จ้องลงมือสังหาร สั่งเพิ่มมาตรการ รปภ.เข้ม เชื่อสาเหตุมาจากลุยปราบผู้บุกรุกป่าทำให้เสียประโยชน์ ลั่นไม่หวั่นไหว ด้านผู้ว่าฯสั่งเร่งคดี 22 รีสอร์ต “เขาแผงม้า”แห่งรุกป่าสงวนฯ พร้อมส่งนิติกรลงช่วย ดึงอัยการเป็นที่ปรึกษา
วานนี้ (18 ส.ค.) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยถึงการดำเนินการกับเจ้าของรีสอร์ต บ้านพักบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ดำเนินการติดป้ายประกาศอุทยานแห่งชาติตามอำนาจมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 สั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตอุทยานฯทับลาน แล้วจำนวน 38 แห่ง จากจำนวนผู้บุกรุกมีสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 55 แห่ง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะติดป้ายประกาศให้แล้วเสร็จได้ทั้งหมด
จากนั้นจะทยอยติดป้ายประกาศฯรื้อถอนพืชเกษตรในส่วนกลุ่มผู้บุกรุกอุทยานฯที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอีก 59 แห่งให้ครบเช่นกัน จากจำนวนผู้บุกรุกอุทยานฯทับลานทั้งที่มีสิ่งปลูกสร้างและไม่มีสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งสิ้น 114 แห่งและขณะนี้มีผู้ประกอบการบ้านพัก รีสอร์ต ยื่นอุทธรณ์แล้วกว่า 20 ราย ส่วนการที่ทาอุทยานฯยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับคดีกรณีที่คดีสิ้นสุดแล้ว ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
“รีสอร์ต บ้านพักที่ได้ติดป้ายประกาศอุทยานฯ สั่งให้รื้อถอนไปแล้ว ต้องดำเนินการรื้อถอนออกไปภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ทั้งหมด หากยังนิ่งเฉยทางอุทยานฯ เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการรื้อถอนเอง ตามอำนาจ ม.22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากให้เวลาผู้ประกอบการเป็นเวลาค่อนข้างนานแล้ว”
นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกับกับการ1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ได้เข้ามาแจ้งเตือนให้ตนเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น เนื่องจากพบมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนใกล้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้แจ้งเตือนตรงกันว่าพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนเข้ามาในพื้นที่จริง และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงได้มีคำสั่งให้เพิ่มมาตรการในการป้องกันเหตุ
ทั้งนี้ ได้ประสานให้ สภ.วังขอนแดง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจเข้ามาตรวจตราบริเวณที่ทำการอุทยานฯทับลาน ถี่มากขึ้น ขณะเดียวกันทางอุทยานฯ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก อย่างเข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน
นายเทวินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุคิดว่าน่าจะมาจากการทำงานในการปราบปรามกลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานฯทับลานอย่างจริงจัง ซึ่งอาจทำให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวลงขันฆ่าตนที่ออกมาก่อนหน้านี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จะไปปรักปรำใครคงไม่ได้เพราะเราไม่ทราบแน่ชัด แต่เมื่อมีข่าวเช่นนี้ออกมาก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น หากไม่จำเป็นจะไม่เดินทางออกนอกที่ทำการอุทยานฯ แต่หากจำเป็นต้องเดินทางไป ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยติดตามเฝ้าระวังความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก 2-3 คน
เมื่อถามว่าพบการเคลื่อนไหวผิดปกติในพื้นที่หรือไม่ นายเทวินทร์ กล่าวว่า บริเวณที่ทำการอุทยานฯทับลาน เปิดรับทุกคนเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ราชการใครก็สามารถเข้ามาได้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะแอบแฝงเข้ามาหาข่าวในรูปของนักท่องเที่ยวหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาพบผู้ประกอบการรีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเข้ามาในอุทยานฯ แต่ไม่ทราบว่ามาดูลาดเลาหรือมาสอดแนมอะไร แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราคนเข้าออกและรถยนต์โดยจดทะเบียนรถพร้อมขอบัตรประชาชนผู้เข้าออกอุทยานฯ ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาในยามวิกาลต้องสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน
ด้านนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้าคดี 22 รีสอร์ตบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียวว่า การสอบสวนคดีอาญานั้นมีนายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตนไม่อยากเข้าไปแทรกแซง อยากให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน แต่ได้สั่งให้เร่งรัดการสอบสวนเพราะเป็นคดีด้านสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนให้ความสนใจ และการดำเนินการทางคดีต้องมีฝ่ายปกครองและป่าไม้เข้าไปร่วมด้วย ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดฯนั้นได้ส่งนิติกรเข้าไปช่วยและเชิญอัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ (19 ส.ค.) สำนักงานผู้การตรวจการแผ่นดิน นำโดยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะเจ้าหน้าที่ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงสภาพพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวงและอุทยานแห่งชาติทับลาน พร้อมร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีปัญหาการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ทั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนบริเวณ อ.วังน้ำเขียวว่า ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากการดำเนินการจะทำการจับกุม รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
วานนี้ (18 ส.ค.) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยถึงการดำเนินการกับเจ้าของรีสอร์ต บ้านพักบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ดำเนินการติดป้ายประกาศอุทยานแห่งชาติตามอำนาจมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 สั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตอุทยานฯทับลาน แล้วจำนวน 38 แห่ง จากจำนวนผู้บุกรุกมีสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 55 แห่ง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะติดป้ายประกาศให้แล้วเสร็จได้ทั้งหมด
จากนั้นจะทยอยติดป้ายประกาศฯรื้อถอนพืชเกษตรในส่วนกลุ่มผู้บุกรุกอุทยานฯที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอีก 59 แห่งให้ครบเช่นกัน จากจำนวนผู้บุกรุกอุทยานฯทับลานทั้งที่มีสิ่งปลูกสร้างและไม่มีสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งสิ้น 114 แห่งและขณะนี้มีผู้ประกอบการบ้านพัก รีสอร์ต ยื่นอุทธรณ์แล้วกว่า 20 ราย ส่วนการที่ทาอุทยานฯยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับคดีกรณีที่คดีสิ้นสุดแล้ว ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
“รีสอร์ต บ้านพักที่ได้ติดป้ายประกาศอุทยานฯ สั่งให้รื้อถอนไปแล้ว ต้องดำเนินการรื้อถอนออกไปภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ทั้งหมด หากยังนิ่งเฉยทางอุทยานฯ เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการรื้อถอนเอง ตามอำนาจ ม.22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากให้เวลาผู้ประกอบการเป็นเวลาค่อนข้างนานแล้ว”
นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกับกับการ1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ได้เข้ามาแจ้งเตือนให้ตนเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น เนื่องจากพบมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนใกล้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้แจ้งเตือนตรงกันว่าพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนเข้ามาในพื้นที่จริง และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงได้มีคำสั่งให้เพิ่มมาตรการในการป้องกันเหตุ
ทั้งนี้ ได้ประสานให้ สภ.วังขอนแดง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจเข้ามาตรวจตราบริเวณที่ทำการอุทยานฯทับลาน ถี่มากขึ้น ขณะเดียวกันทางอุทยานฯ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก อย่างเข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน
นายเทวินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุคิดว่าน่าจะมาจากการทำงานในการปราบปรามกลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานฯทับลานอย่างจริงจัง ซึ่งอาจทำให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวลงขันฆ่าตนที่ออกมาก่อนหน้านี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จะไปปรักปรำใครคงไม่ได้เพราะเราไม่ทราบแน่ชัด แต่เมื่อมีข่าวเช่นนี้ออกมาก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น หากไม่จำเป็นจะไม่เดินทางออกนอกที่ทำการอุทยานฯ แต่หากจำเป็นต้องเดินทางไป ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยติดตามเฝ้าระวังความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก 2-3 คน
เมื่อถามว่าพบการเคลื่อนไหวผิดปกติในพื้นที่หรือไม่ นายเทวินทร์ กล่าวว่า บริเวณที่ทำการอุทยานฯทับลาน เปิดรับทุกคนเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ราชการใครก็สามารถเข้ามาได้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะแอบแฝงเข้ามาหาข่าวในรูปของนักท่องเที่ยวหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาพบผู้ประกอบการรีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเข้ามาในอุทยานฯ แต่ไม่ทราบว่ามาดูลาดเลาหรือมาสอดแนมอะไร แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราคนเข้าออกและรถยนต์โดยจดทะเบียนรถพร้อมขอบัตรประชาชนผู้เข้าออกอุทยานฯ ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาในยามวิกาลต้องสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน
ด้านนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้าคดี 22 รีสอร์ตบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียวว่า การสอบสวนคดีอาญานั้นมีนายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตนไม่อยากเข้าไปแทรกแซง อยากให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน แต่ได้สั่งให้เร่งรัดการสอบสวนเพราะเป็นคดีด้านสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนให้ความสนใจ และการดำเนินการทางคดีต้องมีฝ่ายปกครองและป่าไม้เข้าไปร่วมด้วย ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดฯนั้นได้ส่งนิติกรเข้าไปช่วยและเชิญอัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ (19 ส.ค.) สำนักงานผู้การตรวจการแผ่นดิน นำโดยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะเจ้าหน้าที่ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงสภาพพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวงและอุทยานแห่งชาติทับลาน พร้อมร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีปัญหาการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ทั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนบริเวณ อ.วังน้ำเขียวว่า ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากการดำเนินการจะทำการจับกุม รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
