ผบช.ส.ยันตำรวจสันติบาลโปร่งใสไม่เคยทำโพลเลือกตั้ง ปัดมีคนนำไปพูดกันเอง ยันเป็นข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง รับทำงานด้านข่าว เพื่อรายงานตรงต่อ ผบ.ตร. แต่ไม่ใช่รูปแบบโพล พร้อมให้ตรวจสอบและชี้แจงเรื่องนี้กับ “วิเชียร” โดยตรง
วันนี้ (13 มิ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เปิดเผยถึงกรณีการทำโพลสำรวจคะแนนนิยมการเลือกตั้งของกองบัญชาการตำรวจสันติบาลว่า ตนขอยืนยีนว่าตำรวจสันติบาลไม่เคยทำโพลในลักษณะดังกล่าวแม้แต่ครั้งเดียว แต่อาจจะมีคนนำไปพูดกันเอง โดยตำรวจสันติบาลเป็นหน่วยงานราชการ ไม่มีหน้าที่จัดทำโพลที่ว่าแน่นอน อีกทั้งตำรวจสันติบาลเป็นข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้น่าจะมีการเข้าใจผิด และนำชื่อของตำรวจสันติบาลไปแอบอ้าง แต่บอกไม่ได้ว่าจะมีโพลนี้หรือไม่ และไม่ทราบว่าเป็นของหน่วยงานใด แต่ยอมรับว่าตำรวจสันติบาลต้องทำงานด้านการข่าว เพื่อรายงานตรงต่อ ผบ.ตร. แต่ไม่ใช่รูปแบบของโพล ซึ่งหากจเรตำรวจมาสอบตนก็พร้อมจะชี้แจงและยืนยันถึง ผบ.ตร.ว่าไม่มีโพลที่ว่านี้แน่นอน
พล.ต.ท.ตรีทศกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (13 มิ.ย.) จะเรียกผู้ใต้บังคับบัญชามาชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะตนเพิ่งเดินทางกลับจากราชการต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก โดยหลังจากนั้นจะเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเรื่องนี้ต่อไป
สั่งสอบข่าวลือโพลสันติบาล
ทางด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นขอยืนยันว่าได้มีการทำโพลออกไปจากทางตำรวจสันติบาลอย่างแน่นอน ซึ่งในเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการทำโพลตามที่เป็นข่าวหรือไม่ หากมีการทำโพลจริง โดยจัดทำขึ้นในลักษณะใด และทำเพื่ออะไร พร้อมกับสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลรายงานเรื่องดังกล่าว เข้ามาภายใน 3 วันด้วย
สำหรับสถิติการทำลายป้ายหาเสียง ในขณะนี้มีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว 1,527 ป้าย มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 37 คดี ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.ที่ประสานขอตำรวจคุ้มครองความปลอดภัย ล่าสุด มีตัวเลขอยู่ที่ 319 คน ซึ่งได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลแล้ว 660 นาย
ส่วนสถิติการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งขณะนี้มี 7 คดี ส่วนมากเป็นการกระทำผิดในมาตรา 53 ในเรื่องของการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ แก่ผู้สมัครทำให้มีผลต่อคะแนนนิยม ส่วนพื้นที่ที่จะจต้องจับตาเป็นพิเศษยังคงเท่าเดิมคือ 40 เขต ใน 24 จังหวัด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการจับตาในเรื่องของการหาเสียงผ่านเว็บไซต์ว่า ได้มีการเฝ้าระวังเว็บไซต์อยู่ 500-600 URL ที่อาจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้