นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจในปี 54 รายได้รวมทำได้เกินกว่า 2,200 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มีคำสั่งซื้อในมือแล้วกว่า 1,850 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศและของโลก จากรายได้ปีก่อนอยู่ที่ 1,520 ล้านบาท
นอกจากนั้นในครึ่งหลังปีนี้บริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานมูลค่า 6,200 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานมากกว่า 20% หรือ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมทั้งหน่วยงานเอกชน และต่างประเทศ
นายสัมพันธ์คาดว่า รายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีรายได้กว่า 1,100 ล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 917 ล้านบาท ส่วนกำไรก็น่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 74.24 ล้านบาท เพราะประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในไตรมาส 3 ปี 54 และไตรมาส 4 ปี 54 มีโอกาสเพิ่มมาที่ 27-28% ดีกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับ 26% เพราะรายรับจากโครงการครึ่งปีหลังเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง
นายสัมพันธ์ กล่าวว่าบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาการขยายกำลังการผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่เนื่องจากคำสังซื้อมีเข้ามามากถึง 1,300 ล้านบาท หรือเกินกำลังการผลิตไปแล้ว 30% คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาภายในปลายปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาผู้ร่วมทุนในประเทศ 2-3 รายเพื่อจะทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งน่าจะมีโอกาสเกิดได้สูงกว่าโครงการพลังงานลม และเงินลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ก็ต่ำลง คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนงาน 5 ปี ( จากปี 54-58 ) ตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 10% และในปี 58 จะมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านบาท
นอกจากนั้นในครึ่งหลังปีนี้บริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานมูลค่า 6,200 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานมากกว่า 20% หรือ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมทั้งหน่วยงานเอกชน และต่างประเทศ
นายสัมพันธ์คาดว่า รายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีรายได้กว่า 1,100 ล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 917 ล้านบาท ส่วนกำไรก็น่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 74.24 ล้านบาท เพราะประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในไตรมาส 3 ปี 54 และไตรมาส 4 ปี 54 มีโอกาสเพิ่มมาที่ 27-28% ดีกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับ 26% เพราะรายรับจากโครงการครึ่งปีหลังเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง
นายสัมพันธ์ กล่าวว่าบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาการขยายกำลังการผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่เนื่องจากคำสังซื้อมีเข้ามามากถึง 1,300 ล้านบาท หรือเกินกำลังการผลิตไปแล้ว 30% คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาภายในปลายปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาผู้ร่วมทุนในประเทศ 2-3 รายเพื่อจะทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งน่าจะมีโอกาสเกิดได้สูงกว่าโครงการพลังงานลม และเงินลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ก็ต่ำลง คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนงาน 5 ปี ( จากปี 54-58 ) ตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 10% และในปี 58 จะมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านบาท
