ASTVผู้จัดการรายวัน- “พิชัย” ส่งสัญญาณฟื้นชีพโครงการแลนด์บริดจ์ภาคใต้ ดันลงทุนกิจการพลังงานก้าวสู่ฮับภูมิภาคอาเซียน แทนไปลงทุนที่ทวาย พม่า พร้อมถกแบงก์ชาติดึงเงินทุนสำรองลุยลงทุนน้ำมัน ทองคำ กระจายความเสี่ยง ลุ้นร่วมมือกัมพูชาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะสานต่อนโยบายพรรคเพื่อไทยเพื่อผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ภาคใต้ให้เป็นแหล่งลงทุนใหม่ของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันที่จะมีระบบท่อเชื่อมโยงทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เพื่อยกระดับไทยให้เป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การขนส่งทางเรือและการขนส่งน้ำมันแห่งใหม่ของภูมิภาคอาเซียน โดยส่วนของการลงทุนที่ทวาย พม่าเป็นเรื่องของเอกชนเป็นหลัก
“ผมเห็นว่าโครงการทวายที่พม่านั้น ก็สนับสนุน แต่ถ้าเลือกที่จะโต เราควรจะโตเองดีกว่า เพราะอนาคตญี่ปุ่นก็จะย้ายฐานการผลิตเข้ามามาก ไทยเองสามารถเลือกอุตสาหกรรมที่ไม่มีมลภาวะได้ โดยแลนด์บริดจ์เป็นสิ่งที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งคงจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อทำให้ทุกอย่างเจริญขึ้น ส่วนจะให้บมจ.ปตท.เป็นหัวหอกในการลงทุนหรือไม่คงจะต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยยังเตรียมจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Fund) เพื่อนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยุ่กว่า 1.87 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำที่มีแนวโน้มราคาสูงต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากเงินทุนสำรองผูกติดกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่ามากเกินไป
ขณะเดียวกันไทยจะต้องวางแผนสร้างระบบคลังสำรองน้ำมันเพิ่มควบคู่กับหาพลังงานไทยในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับกับความต้องการในอนาคตที่เพิ่มสูง แต่แหล่งปิโตรเลียมในไทย โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่เริ่มจะทยอยหมดลงใน 10 ปี ข้างหน้า ดังนั้น จึงมองการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาที่ไทยจะต้องสร้างความร่วมมือให้เป็นลักษณะเดียวกับการพัฒนาพื้นที่ไทย-มาเลเซีย เพื่อความมั่นคงระยะยาว
สำหรับระยะสั้น กระทรวงฯ พร้อมที่จะดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โดยเตรียมแผนที่จะลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใน 3 ชนิด ได้แก่ เบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ภายในก.ย.นี้ ส่วนพลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ หากราคาไม่จูงใจการใช้เพิ่มจากการที่ไม่ได้ลดเงินเข้ากองทุนฯ ก็จะมาดูแลภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับแอลพีจีครัวเรือน ขนส่ง และเอ็นจีวีจะตรึงต่อไป ส่วนมาตรการใช้ไฟฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อหน่วย คงจะต้องมาดูว่าจะทบทวนหรือไม่ เพราะหลักการจะช่วยชั่วคราว แต่รัฐบาลที่ผ่านมา นำมาเป็นมาตรการถาวร
“สุดท้ายแล้ว ในระยะยาวจะต้องลอยตัวราคาพลังงานทุกอย่างตามกลไกตลาด เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ดังนั้น ระยะสั้น เราก็จะช่วยประชาชนตามที่หาเสียงไว้ ก็ยอมรับว่าทำให้ประชาชนไม่ประหยัดพลังงาน เราก็คงจะต้องมาเน้นการส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดเพิ่มด้วย”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะสานต่อนโยบายพรรคเพื่อไทยเพื่อผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ภาคใต้ให้เป็นแหล่งลงทุนใหม่ของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันที่จะมีระบบท่อเชื่อมโยงทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เพื่อยกระดับไทยให้เป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การขนส่งทางเรือและการขนส่งน้ำมันแห่งใหม่ของภูมิภาคอาเซียน โดยส่วนของการลงทุนที่ทวาย พม่าเป็นเรื่องของเอกชนเป็นหลัก
“ผมเห็นว่าโครงการทวายที่พม่านั้น ก็สนับสนุน แต่ถ้าเลือกที่จะโต เราควรจะโตเองดีกว่า เพราะอนาคตญี่ปุ่นก็จะย้ายฐานการผลิตเข้ามามาก ไทยเองสามารถเลือกอุตสาหกรรมที่ไม่มีมลภาวะได้ โดยแลนด์บริดจ์เป็นสิ่งที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งคงจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อทำให้ทุกอย่างเจริญขึ้น ส่วนจะให้บมจ.ปตท.เป็นหัวหอกในการลงทุนหรือไม่คงจะต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยยังเตรียมจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Fund) เพื่อนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยุ่กว่า 1.87 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำที่มีแนวโน้มราคาสูงต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากเงินทุนสำรองผูกติดกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่ามากเกินไป
ขณะเดียวกันไทยจะต้องวางแผนสร้างระบบคลังสำรองน้ำมันเพิ่มควบคู่กับหาพลังงานไทยในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับกับความต้องการในอนาคตที่เพิ่มสูง แต่แหล่งปิโตรเลียมในไทย โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่เริ่มจะทยอยหมดลงใน 10 ปี ข้างหน้า ดังนั้น จึงมองการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาที่ไทยจะต้องสร้างความร่วมมือให้เป็นลักษณะเดียวกับการพัฒนาพื้นที่ไทย-มาเลเซีย เพื่อความมั่นคงระยะยาว
สำหรับระยะสั้น กระทรวงฯ พร้อมที่จะดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โดยเตรียมแผนที่จะลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใน 3 ชนิด ได้แก่ เบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ภายในก.ย.นี้ ส่วนพลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ หากราคาไม่จูงใจการใช้เพิ่มจากการที่ไม่ได้ลดเงินเข้ากองทุนฯ ก็จะมาดูแลภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับแอลพีจีครัวเรือน ขนส่ง และเอ็นจีวีจะตรึงต่อไป ส่วนมาตรการใช้ไฟฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อหน่วย คงจะต้องมาดูว่าจะทบทวนหรือไม่ เพราะหลักการจะช่วยชั่วคราว แต่รัฐบาลที่ผ่านมา นำมาเป็นมาตรการถาวร
“สุดท้ายแล้ว ในระยะยาวจะต้องลอยตัวราคาพลังงานทุกอย่างตามกลไกตลาด เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ดังนั้น ระยะสั้น เราก็จะช่วยประชาชนตามที่หาเสียงไว้ ก็ยอมรับว่าทำให้ประชาชนไม่ประหยัดพลังงาน เราก็คงจะต้องมาเน้นการส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดเพิ่มด้วย”นายพิชัยกล่าว