xs
xsm
sm
md
lg

ฝากถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

การใช้เวลา 49 วันเข้าสู่การเมืองแล้วเป็นนายกรัฐมนตรีของปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้นไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์อะไร ไม่ต้องไปวิเคราะห์วิจัยเพื่อหาสาเหตุของปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เพราะคำตอบเดียวคือ เธอเป็นน้องสาวของทักษิณและทักษิณเลือกเธอ และประชาชนที่เลือกเธอเพราะเชื่อว่า ถ้าได้เธอเป็นนายกฯ ก็เหมือนได้ทักษิณเป็นนายกฯ นั่นเอง

อาจมีคำถามที่ต้องถามบ้างก็คือ ปรากฏการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นในประเทศอื่นได้หรือไม่

มีคนพยายามนำเรื่องของนายกฯ ปูไปเปรียบเทียบกับกรณีของนางเคอิโกะ ฟูจิโมริ ลูกสาวของนายอัลแบร์โต ฟูจิโมริ อดีตผู้นำเปรู ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเปรู และเธอประกาศว่า หากชนะเลือกตั้ง จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้นายฟูจิโมริผู้พ่อ ที่กำลังติดคุกในข้อหาคอร์รัปชันและกฎหมายอาญา แต่สุดท้ายนางฟูจิโมริก็พ่ายแพ้นายโอลลันตา ฮูมาลา คู่ชิงประธานาธิบดีคนใหม่ ไปแบบเฉียดฉิว

คนเปรูไม่เลือกนางฟูจิโมริ ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้ลอยมาจากฟ้าเหมือนกับนายกฯ ปู-ยิ่งลักษณ์ แต่เคยมีที่มาที่ไปทางการเมืองมาก่อน

ดังนั้นผมไม่เชื่อว่า “ปรากฏการณ์ปู-ยิ่งลักษณ์” จะเกิดขึ้นได้ง่ายในโลกใบนี้นอกจากประเทศไทยที่เดียว เพราะเหตุการณ์เสนอคุณปู-ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนั้นเหมือนกับละครตบตาที่โกหกคนทั้งประเทศและทั้งโลก แต่ภายใต้ละครที่เราแม้จะรู้ว่าโกหกนี้ก็มีลัทธิประชาธิปไตยเป็นตัวบงการให้เรายอมรับผลที่จะตามมาอยู่

อาจจะมีคนบอกว่า เพราะคนในประเทศของเราส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ในสิทธิตามกฎหมายที่มีอยู่ของตัวเอง ไม่เข้าใจในบทบาทและความสำคัญของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เช่นนั้นคนเราไม่มีวันที่จะเลือกคนที่ไม่เคยรู้จักตัวตนและฝีไม้ลายมือมาก่อนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศได้เลย

ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้มันจึงสะท้อนกลับไปยังความรับรู้และความไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ความหมายและความสำคัญของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนไทยอยู่ไม่น้อย

แต่ผมไม่อยากเชื่อเช่นนี้ เพราะจะเป็นการดูถูกสติปัญญาของเพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่จนเกินไป เพราะแท้จริงมันมีคำตอบและเหตุผลของมันอยู่แล้วว่า คนที่เขาเลือกปู-ยิ่งลักษณ์ทั้งที่ไม่รู้ว่า ปู-ยิ่งลักษณ์จะมีความสามารถหรือไม่นั้น เขาเลือกยิ่งลักษณ์เพราะรู้ว่าเลือกยิ่งลักษณ์ก็เหมือนได้ทักษิณเป็นนายกฯ

เขาเลือกยิ่งลักษณ์ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสำนึกในมโนธรรม ว่า คนที่หนีคุกทำความผิดนั้นไม่เพียงแต่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เราควรไม่ไว้วางใจเขาด้วยซ้ำไป แต่เขาเลือกยิ่งลักษณ์ก็เพราะเชื่อว่า ทักษิณไม่ได้กระทำความผิด แต่ถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจ

จะโทษประชาชนว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ว่าทักษิณทำความผิดอะไร เพราะสองปีกว่าๆเกือบสามปีที่มีอำนาจรัฐบาลอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นคู่ต่อกรไม่เคยเลยที่จะทำให้ชาวบ้านรู้ถึงความผิดพลาดชั่วร้ายที่ทักษิณได้ทำลงไป ยิ่งกว่านั้นฝีมือและการบริหารงานของอภิสิทธิ์ต่างหากที่ทำให้คนส่วนใหญ่โหยหาทักษิณ

เพราะไม่ว่าทำโพลกี่ครั้งในสมัยอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ คนไทยก็บอกว่า มีนายกฯ แบบนี้สู้มีคนโกงแต่ทำงานเป็นเสียดีกว่า

กระแสฟีเวอร์ทักษิณไป การช่วงชิงเก้าอี้นายกฯ ครั้งแรกนั้น เกิดจากความไม่เอาไหนของชวน หลีกภัย เชื่องช้า งุ่มง่าม ไม่กล้าตัดสินใจ ยิ่งลักษณ์ก็มีต้นทุนตรงนี้จากการทำงานไม่เป็นของอภิสิทธิ์ อาจเป็นโชคดีของปู-ยิ่งลักษณ์ที่พูดไม่เก่ง บทพิสูจน์จึงต้องแลกด้วยการทำงานไม่ใช่การปาฐกถา

แต่ผมอยากบอกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า อย่าพูดเรื่องทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดนี้บ่อยเกินไป

จริงอยู่การเมืองกับเรื่องโกหกนั้นอาจเป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก เพราะนักการเมืองต้องเริ่มต้นด้วยคำมั่นสัญญาต่างๆ นานากับชาวบ้านเพื่อให้เลือกตั้งเข้ามา แม้ว่ารู้ทั้งรู้และถูกหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็คล้อยตามไปกับคำมั่นสัญญาลมๆ แล้งๆ นั้น

แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่นายกฯ ปูจะพูดโกหกในเรื่องนี้เลย เพราะยิ่งโกหกมากมันจะทำลายความคิดสร้างสรรค์ด้านอื่น เพราะสมองจะต้องเสียเวลาไปประดิดประดอยเรื่องโกหกมากเกินไป และในทางจิตวิทยาเรื่องโกหกมันปกปิดไม่ได้ผ่านการแสดงออกและการจัดความสัมพันธ์ทางร่างกาย

นักจิตวิทยาได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง การโกหก กับ การแสดงออกทางร่างกาย พบว่า การโกหกทำให้เกิดความกลัว และความกังวล ส่งผลให้กลายเป็นพฤติกรรมที่สังเกตได้หลายๆ ทาง และการโกหกที่ต้องใช้กระบวนการคิดและการทำงานของสมองที่ซับซ้อนนี้เอง ทำให้การแสดงออกทางร่างกายแตกต่างกัน

นักจิตวิทยายังพบว่า การโกหกสามารถสังเกตได้ด้วยภาษากายต่างๆ มากมาย เช่น เวลาโกหกจะไม่กะพริบตาระหว่างพูด เอามือแตะที่จมูกเพราะเมื่อจะพูดโกหกการไหลของเลือดมากขึ้น เอามือแตะที่หู หรือคอเพื่อแก้เขิน กลืนน้ำลายอย่างแรง การพูดจาซ้ำๆ หรือการรู้สึกเศร้าจากการสังเกตที่มุมปาก ฯลฯ

เพื่อพิสูจน์ว่าการวิจัยครั้งนี้เป็นจริงหรือไม่ เราน่าจะนำไปใช้สังเกตนักการเมือง โดยเฉพาะในวันที่สาบานตนว่าจะซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติไม่ทุจริตคอร์รัปชัน หรือจะไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง เพราะเชื่อได้เลยว่า นักการเมืองเหล่านั้นอาจจะแทบไม่กะพริบตาระหว่างพูดเลยก็ได้

ผมไม่รู้ว่า ใครสังเกตหรือไม่ว่านายกฯ ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กะพริบตากี่ครั้งและมีอากัปกิริยาอย่างไรระหว่างที่พูดว่า ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการจัด ครม.ครั้งนี้ แต่ที่เราได้ยินโดยไม่ต้องสังเกตก็คือ เธอพูดย้ำคำนี้บ่อยมาก

มีคนกล่าวหาว่า นายกฯ ปูเป็นนายกฯ ท่องสคริปต์(บท)ก็สังเกตด้วยตาได้ว่าเธอกะพริบตาบ่อยหรือไม่ เพราะการที่เธอต้องท่องจำบทที่คนอื่นสอนมาก็อาจทำให้เธอกะพริบตาน้อยลงไปด้วย เพราะบทที่คนอื่นเขียนให้ย่อมไม่ได้มาจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง สมองต้องนึกถึงบทที่จำมาตลอดเวลา

ผมคิดว่าไม่มีใครในประเทศนี้เชื่อคำของนายกฯ ปูที่ว่า ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการจัด ครม.ครั้งนี้ และผมคิดว่านายกฯ ปูก็น่าจะรู้ นี่อาจเป็นเหตุผลเชิงจิตวิทยาที่ทำให้เธอย้ำบ่อยขึ้น เพราะกลัวว่าคนไม่เชื่อ และเมื่อพูดบ่อยขึ้นก็เข้าหลักการของคนชอบโกหกนั่นเอง

ความจริงแล้วนายกฯ ปูไม่จำเป็นต้องปิดบังเลยว่าพี่ชายของเธออยู่เบื้องหลังการจัดตั้ง ครม.ทั้งหมด เพราะคนทั้งประเทศก็รู้อยู่แล้วว่า เธอได้รับเลือกตั้งให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุดก็เพราะเป็นน้องสาวของทักษิณ

คุณปูไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้อีก วันนี้ ครม.ชุดนี้หลายคนบอกว่าพอรับได้เมื่อเทียบกับ ครม.ชุดอภิสิทธิ์ และโชคดีที่ได้เป็นนายกฯ ต่อจากนายกฯ ที่ทำงานไม่เป็นให้เป็นภาพเปรียบเทียบอยู่

ผมหวังเพียงว่า คุณปูจะช่วยทำลายค่านิยมผิดๆ ของคนไทยที่ว่า มีนายกฯ ที่โกงแต่ทำงานเป็น ดีกว่ามีนายกฯ ที่ทำงานไม่เป็น ด้วยการลบภาพโกงของพี่ชาย และการทำงานไม่เป็นแบบอภิสิทธิ์ไปพร้อมๆ กัน
กำลังโหลดความคิดเห็น