ASTVผู้จัดการรายวัน - "ซีคอน กรุ๊ป" ได้ฤกษ์บุกตลาดจัดสรร กทม. ปักธงศรีนครินทร์รัศมีไม่เกิน 10 กม.จากซีคอนสแควร์ เผยเตรียมงัดที่ดินแลนด์แบงก์ในมือกว่า 10 แปลงเนื้อที่รวมกว่า 200 ไร่ทยอยพัฒนาภายใต้แบรนด์ "ดิ เอสเตท" ประเดิมโครงการแรกทาวน์โฮมหน้ากว้าง 10 ม. ภายใน ซ.อ่อนนุช 46 จำนวน 44 ยูนิต มูลค่ารวม 250 ล้านบาท
นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีคอน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทหวนกลับมาพัฒนาโครงการจัดสรรในกรุงเทพมหานครอีกครั้งหลังจากที่เคยพัฒนาโครงการแรกของเมืองไทย "หมู่บ้านมิตรภาพ" เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้หยุดการพัฒนาโครงการจัดสรรไป และดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่องในนามบริษัท ซีคอนโฮม จำกัด กระทั่งเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจจัดสรรอีกครั้งที่ จ.ภูเก็ต โดยพัฒนาในรูปแบบโครงการวิลลา ระดับราคา 15-20 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ภายใต้บริษัท "Erawana" ซึ่งได้พัฒนามาแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่หันมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าในทำเลศรีนครินทร์ เริ่มมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงเส้นทางคมนาคม ซึ่งทางกลุ่มซีคอน และในนามครอบครัวมีที่ดินสะสมในย่านนี้กว่า 10 แปลง เนื้อที่กว่า 200 ไร่ จึงมีแนวคิด ที่จะนำมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินและโอกาสในการทำธุรกิจ
สำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน กทม.นั้นจะใช้แบรนด์ "ดิ เอสเตท" ภายใต้การบริหารงานของซีคอน กรุ๊ป ส่วนการก่อสร้างนั้นจะใช้ซีคอน โฮมเป็นผู้ก่อสร้างบ้านให้ ในขณะที่ที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้นจะนำที่ดินสะสมของครอบครัว และของกลุ่มซีคอน กรุ๊ป ซึ่งจะทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ดินต่ำ รวมไปถึงต้นทุนการก่อสร้างที่สามารถควบคุมได้จากการมีโรงงานสำเร็จรูปและเทคโนโลยีในการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดได้ไม่ยาก
ส่วนนโยบายในการพัฒนานั้น จะเน้นที่การใช้งานได้จริงในทุกฟังก์ชัน อยู่สบาย คุ้มค่า การเดินทางสะดวกโดยจะต้องอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไม่เกิน 3 กิโลเมตร ในช่วงแรกของการพัฒนาจะเน้นทำเลถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากซีคอนสแควร์ เนื่องจากมีที่ดินแลนด์แบงก์อยู่เป็นจำนวนมาก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ ดิ เอสเตท ศรีนครินทร์ ซ.อ่อนนุช 46 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นบนเนื้อที่ 5 ไร่ จำนวน 41 ยูนิต และบ้านเดี่ยวอีก 3 ยูนิต รวมเป็น 44 ยูนิต ระดับราคา 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 20% และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในระยะเวลา 6 เดือนและเชื่อว่าจะสามารถขายหมดภายใน 6 เดือนเช่นกัน ส่วนการพัฒนาโครงการที่ 2 และ 3 มีแผนจะเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า โดยจะอยู่ในซอยถัดไป
นายปิยะกล่าวต่อว่า จากการสำรวจตลาด ที่อยู่อาศัยบนถนนศรีนครินทร์รัศมีโดยรอบซีคอนสแควร์ พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีโครงการที่เหลือขายและอยู่ระหว่างพัฒนาออกสู่ตลาดภายใน 18 เดือนข้างหน้าจำนวน 25 โครงการ จำนวน 3,500 ยูนิต มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราการขายในย่านนี้จะดีกว่าในหลายทำเล ซึ่งสินค้าจำนวนดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดูดซับประมาณ 2 ปีครึ่ง
สำหรับแผนการดำเนินงานจะอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะดูจากความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการ ความพร้อมของตลาด และสถานะด้านการเงินของบริษัท ซึ่งในช่วงเริ่มต้นจะพัฒนาครั้งละไม่เกิน 2 โครงการ และภายใน 6 เดือนหลังจากนี้จะก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อดูแลและบริหารจัดการในด้านการพัฒนา ที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ ส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นนั้นจะดูที่ความเหมาะสมของตลาดและศักยภาพของที่ดินเป็นหลัก เพราะในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าการพัฒนาคอนโดมิเนียมในย่านนี้จะคุ้มค่ากว่าตามการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน โดยปัจจุบันราคาจะปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% โดยราคาที่ดินติดถนนใหญ่จะอยู่ที่ 1-2 แสนบาท/ตร.ว. ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดิน ส่วนที่ดินในซอย ราคา 30,000-40,000 บาท/ตร.ว.
นอกจากนี้ นายปิยะยังได้กล่าวถึงการพัฒนา ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตว่า ปัจจุบัน Erawana อยู่ระหว่าง เปิดขาย 1 โครงการ และเตรียมที่จะเปิดใหม่อีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการเพกา วิลลา จำนวน 6 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละ 20 ล้านบาท และโครงการโตนด 3 จำนวน 15 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 20 ล้านบาท/หลัง มูลค่าขาย 300 ล้านบาท
นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีคอน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทหวนกลับมาพัฒนาโครงการจัดสรรในกรุงเทพมหานครอีกครั้งหลังจากที่เคยพัฒนาโครงการแรกของเมืองไทย "หมู่บ้านมิตรภาพ" เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้หยุดการพัฒนาโครงการจัดสรรไป และดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่องในนามบริษัท ซีคอนโฮม จำกัด กระทั่งเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจจัดสรรอีกครั้งที่ จ.ภูเก็ต โดยพัฒนาในรูปแบบโครงการวิลลา ระดับราคา 15-20 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ภายใต้บริษัท "Erawana" ซึ่งได้พัฒนามาแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่หันมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าในทำเลศรีนครินทร์ เริ่มมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงเส้นทางคมนาคม ซึ่งทางกลุ่มซีคอน และในนามครอบครัวมีที่ดินสะสมในย่านนี้กว่า 10 แปลง เนื้อที่กว่า 200 ไร่ จึงมีแนวคิด ที่จะนำมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินและโอกาสในการทำธุรกิจ
สำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน กทม.นั้นจะใช้แบรนด์ "ดิ เอสเตท" ภายใต้การบริหารงานของซีคอน กรุ๊ป ส่วนการก่อสร้างนั้นจะใช้ซีคอน โฮมเป็นผู้ก่อสร้างบ้านให้ ในขณะที่ที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้นจะนำที่ดินสะสมของครอบครัว และของกลุ่มซีคอน กรุ๊ป ซึ่งจะทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ดินต่ำ รวมไปถึงต้นทุนการก่อสร้างที่สามารถควบคุมได้จากการมีโรงงานสำเร็จรูปและเทคโนโลยีในการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดได้ไม่ยาก
ส่วนนโยบายในการพัฒนานั้น จะเน้นที่การใช้งานได้จริงในทุกฟังก์ชัน อยู่สบาย คุ้มค่า การเดินทางสะดวกโดยจะต้องอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไม่เกิน 3 กิโลเมตร ในช่วงแรกของการพัฒนาจะเน้นทำเลถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากซีคอนสแควร์ เนื่องจากมีที่ดินแลนด์แบงก์อยู่เป็นจำนวนมาก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ ดิ เอสเตท ศรีนครินทร์ ซ.อ่อนนุช 46 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นบนเนื้อที่ 5 ไร่ จำนวน 41 ยูนิต และบ้านเดี่ยวอีก 3 ยูนิต รวมเป็น 44 ยูนิต ระดับราคา 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 20% และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในระยะเวลา 6 เดือนและเชื่อว่าจะสามารถขายหมดภายใน 6 เดือนเช่นกัน ส่วนการพัฒนาโครงการที่ 2 และ 3 มีแผนจะเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า โดยจะอยู่ในซอยถัดไป
นายปิยะกล่าวต่อว่า จากการสำรวจตลาด ที่อยู่อาศัยบนถนนศรีนครินทร์รัศมีโดยรอบซีคอนสแควร์ พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีโครงการที่เหลือขายและอยู่ระหว่างพัฒนาออกสู่ตลาดภายใน 18 เดือนข้างหน้าจำนวน 25 โครงการ จำนวน 3,500 ยูนิต มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราการขายในย่านนี้จะดีกว่าในหลายทำเล ซึ่งสินค้าจำนวนดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดูดซับประมาณ 2 ปีครึ่ง
สำหรับแผนการดำเนินงานจะอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะดูจากความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการ ความพร้อมของตลาด และสถานะด้านการเงินของบริษัท ซึ่งในช่วงเริ่มต้นจะพัฒนาครั้งละไม่เกิน 2 โครงการ และภายใน 6 เดือนหลังจากนี้จะก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อดูแลและบริหารจัดการในด้านการพัฒนา ที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ ส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นนั้นจะดูที่ความเหมาะสมของตลาดและศักยภาพของที่ดินเป็นหลัก เพราะในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าการพัฒนาคอนโดมิเนียมในย่านนี้จะคุ้มค่ากว่าตามการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน โดยปัจจุบันราคาจะปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% โดยราคาที่ดินติดถนนใหญ่จะอยู่ที่ 1-2 แสนบาท/ตร.ว. ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดิน ส่วนที่ดินในซอย ราคา 30,000-40,000 บาท/ตร.ว.
นอกจากนี้ นายปิยะยังได้กล่าวถึงการพัฒนา ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตว่า ปัจจุบัน Erawana อยู่ระหว่าง เปิดขาย 1 โครงการ และเตรียมที่จะเปิดใหม่อีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการเพกา วิลลา จำนวน 6 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละ 20 ล้านบาท และโครงการโตนด 3 จำนวน 15 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 20 ล้านบาท/หลัง มูลค่าขาย 300 ล้านบาท