วานนี้ (9 ส.ค) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้เอกอัครราชทูตจาก 8 ประเทศ ประจำประเทศไทย ประกอบด้วย อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เปรู ปานามา เม็กซิโก อินโดนีเซีย และกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นางยู ออย เอกอัครราชทูตประเทศกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้นำหนังสือแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการจากสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มอบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งหนังสือฝากแสดงความยินดีของนายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตกัมพูชายังเสนอให้ไทยและกัมพูชาแยกความขัดแย้งทางการเมืองกับเรื่องเศรษฐกิจออกจากกัน โดยเฉพาะข้อพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร เพื่อให้การค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาดังกล่าว และแก้ปัญหาตามกรอบของอาเซียน เพื่อความปรองดองของทั้ง 2 ประเทศ เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าเป็นประชาคมอาเซียนอีก 4 ปีข้างหน้า
**ฮุนเซนสั่งห้ามทำสงครามสื่อถล่มปู
สำนักข่าวต่างประเทศ อ้างนาย เขียว กันหฤทธิ์ รัฐมนตรีว่ากกรระทรวงข้อมูลข่าวสารของกัมพูชา ว่าสมเด็จฮุนเซน ได้สั่งให้สื่อทุกสำนักในประเทศละเว้นการเสนอข่าวที่มีเนื้อหาโจมตีหรือให้ร้ายต่อรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย
"สมเด็จ ฮุนเซนไม่ต้องการให้มีการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลใหม่ของไทย ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมยกเลิก การทำ "สงครามสื่อ"ทุกรูปแบบที่รัฐบาลกัมพูชาเคยนำมาใช้กับรัฐบาลไทยในช่วงที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการขอความร่วมมือไปสั่งสื่อทุกสำนัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ตลอดแนวชายแดนหันมาส่งเสริมจิตวิญญษณแห่งความร่วมือของชาติเพื่อนบ้าน
**สะพัดปูเยือนเขมรอิสรภาพคนไทย
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย ได้ทำการศึกษากรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังในข้อหาจารกรรมมายาวนานว่า อาจได้รับอิสรภาพ เร็วๆนี้
มีการระบุว่า เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีบุคคลระดับผู้ใหญ่ของพรรค แต่ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเจรจาโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน เพื่อขอให้ปล่อยตัวทั้งสอง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ
“ทั้ง 2 คน อาจจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เช่นเดียวกับกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย โดยคาดว่าจะมีการปล่อยตัวหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้พบกับสมเด็จฮุนเซน อย่างเป็นทางการที่กัมพูชา”รายงานข่าวระบุ
**อุปฑูตลาตินแสดงความยินดี
ต่อมา นาย โมฮัมมัด ฮัตต้า เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ นายกฯยิ่งลักษณ์ โดยได้แสดงความยินดีที่ได้รับโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยได้อ่านคำกล่าวแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีอินโดนีเซียให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ฟังด้วย พร้อมได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-อินโดนีเซียมีความแน่นแฟ้นมานาน ฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 60 ปี เมื่อปีที่แล้ว ปีที่แล้วการค้าสองฝ่ายไทย-อินโดนีเซีย อยู่ที่ 13,024.37 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมองว่าการค้าสองฝ่ายยังขยายตัวได้อีกมาก โดยในช่วงวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2554 อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEAN Summit ที่บาหลี ซึ่งหวังว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์จะมีโอกาสได้พบปะกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในช่วงนั้น และหากมีเวลาอยากเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการด้วย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่สนับสนุนไทยในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด และขอยืนยันที่จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป
จากนั้นเวลา10.30น.คณะเอกอัครราชและอุปทูตกลุ่มประเทศลาตินอเมริกัน 6 ประเทศ ประกอบด้วย อาร์เจนตินา,บราซิล ,เปรู เม็กซิโก ชิลีและปานามา ได้มาเข้าพบแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เอกอัครราชทูตเปรูได้มอบเหรียญที่ระลึก“Seal of Amazon”ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีให้กับน.ส. ยิ่งลักษณ์ด้วย
นางยู ออย เอกอัครราชทูตประเทศกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้นำหนังสือแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการจากสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มอบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งหนังสือฝากแสดงความยินดีของนายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตกัมพูชายังเสนอให้ไทยและกัมพูชาแยกความขัดแย้งทางการเมืองกับเรื่องเศรษฐกิจออกจากกัน โดยเฉพาะข้อพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร เพื่อให้การค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาดังกล่าว และแก้ปัญหาตามกรอบของอาเซียน เพื่อความปรองดองของทั้ง 2 ประเทศ เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าเป็นประชาคมอาเซียนอีก 4 ปีข้างหน้า
**ฮุนเซนสั่งห้ามทำสงครามสื่อถล่มปู
สำนักข่าวต่างประเทศ อ้างนาย เขียว กันหฤทธิ์ รัฐมนตรีว่ากกรระทรวงข้อมูลข่าวสารของกัมพูชา ว่าสมเด็จฮุนเซน ได้สั่งให้สื่อทุกสำนักในประเทศละเว้นการเสนอข่าวที่มีเนื้อหาโจมตีหรือให้ร้ายต่อรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย
"สมเด็จ ฮุนเซนไม่ต้องการให้มีการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลใหม่ของไทย ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมยกเลิก การทำ "สงครามสื่อ"ทุกรูปแบบที่รัฐบาลกัมพูชาเคยนำมาใช้กับรัฐบาลไทยในช่วงที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการขอความร่วมมือไปสั่งสื่อทุกสำนัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ตลอดแนวชายแดนหันมาส่งเสริมจิตวิญญษณแห่งความร่วมือของชาติเพื่อนบ้าน
**สะพัดปูเยือนเขมรอิสรภาพคนไทย
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย ได้ทำการศึกษากรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังในข้อหาจารกรรมมายาวนานว่า อาจได้รับอิสรภาพ เร็วๆนี้
มีการระบุว่า เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีบุคคลระดับผู้ใหญ่ของพรรค แต่ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเจรจาโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน เพื่อขอให้ปล่อยตัวทั้งสอง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ
“ทั้ง 2 คน อาจจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เช่นเดียวกับกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย โดยคาดว่าจะมีการปล่อยตัวหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้พบกับสมเด็จฮุนเซน อย่างเป็นทางการที่กัมพูชา”รายงานข่าวระบุ
**อุปฑูตลาตินแสดงความยินดี
ต่อมา นาย โมฮัมมัด ฮัตต้า เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ นายกฯยิ่งลักษณ์ โดยได้แสดงความยินดีที่ได้รับโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยได้อ่านคำกล่าวแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีอินโดนีเซียให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ฟังด้วย พร้อมได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-อินโดนีเซียมีความแน่นแฟ้นมานาน ฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 60 ปี เมื่อปีที่แล้ว ปีที่แล้วการค้าสองฝ่ายไทย-อินโดนีเซีย อยู่ที่ 13,024.37 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมองว่าการค้าสองฝ่ายยังขยายตัวได้อีกมาก โดยในช่วงวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2554 อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEAN Summit ที่บาหลี ซึ่งหวังว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์จะมีโอกาสได้พบปะกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในช่วงนั้น และหากมีเวลาอยากเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการด้วย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่สนับสนุนไทยในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด และขอยืนยันที่จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป
จากนั้นเวลา10.30น.คณะเอกอัครราชและอุปทูตกลุ่มประเทศลาตินอเมริกัน 6 ประเทศ ประกอบด้วย อาร์เจนตินา,บราซิล ,เปรู เม็กซิโก ชิลีและปานามา ได้มาเข้าพบแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เอกอัครราชทูตเปรูได้มอบเหรียญที่ระลึก“Seal of Amazon”ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีให้กับน.ส. ยิ่งลักษณ์ด้วย