ที่รัฐสภา วานนี้(8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 145 เครือข่ายภาคประชาชน จากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ และกทม. ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ประมาณ 1,000 คน เคลื่อนขบวนมายังอาคารรัฐสภา เพื่อยื่นนโยบายภาคประชาชนให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้บรรจุนโยบายดังกล่าวลงในนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น เครือข่ายสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูล เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง และเครือข่ายสมานฉันท์แรงงานไทย เป็นต้น โดยบางส่วนได้เดินทางมาจากภาคเหนือด้วยขบวนรถจักรยานยนต์และรถซาเล้ง และได้เคลื่อนขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นรัฐบาลชุดใหม่ เรียกร้องให้เดินหน้านโยบายสิทธิชุมชนและธนาคารที่ดิน ตามที่ได้ดำเนินการมาแล้ว โดยไม่ต้องการให้มีปัญหาเรื่องการเมือง เพราะสองนโยบายดังกล่าวริเริ่มโดยพรรคประชาธิปัตย์ เกรงว่าจะมีการหยุดชะงัก พร้อมทั้งเรียกร้องให้จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ และยุติการดำเนินคดีกับเกษตรกรอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนี้ เครื่อข่ายสลัม 4 ภาคและสมัชชาคนชน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลนำที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรให้คนจนอยู่อาศัยและทำกิน เช่น ที่บริเวณการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมยังเน้นหนักเรื่องการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมยั่งยืน
จนเวลา 13.00 น. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารับข้อเสนอ
โดยนายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมารับข้อเสนอของทางเครือข่ายฯ เบื้องต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงความเป็นห่วงพี่น้องที่เดินทางมาและฝากความระลึกถึงมายังสมาชิกเครือข่ายฯด้วย ทั้งนี้ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะหาช่องทางเพื่อหารือกับเครือข่ายฯ อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับราษฎร ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ระลึกว่า เพราะทางสมาชิกเครือข่ายฯได้ร่วมอุ้มชู ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ถึง 265 เสียง อย่างไรก็ตามปัญหาที่ทางเครือข่ายฯ เสนอ เฉพาะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยคงจะทำไม่สำเร็จ ดังนั้นต้องขอความร่วมมือกับเครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายภายใน 4 หรือ 8 ปีนี้
"เรื่องที่ประชาชนเสนอนั้น ส่วนหนึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเตรียมดำเนินการ อย่างไรก็ตามคงต้องมีการคุยในรายละเอียดอีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนกรณีที่เครือข่ายฯ เสนอให้นำข้อเรียกร้องไปทำเป็นนโยบายรัฐบาลด้วยนั้น ผมยืนยันว่าจะรับไปดำเนินการอย่างแน่นอน" นายปลอดประสพ กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากนี้จะนัดประชุมเพื่อยืนยันกฎหมายที่ค้างสภาฯ โดยจะรับรองภายใน 60 วันเพื่อไม่ให้กฎหมายตกไป โดยในส่วนของ พ.ร.บ.สัญชาติฯ จะมีการรับรองและผ่านเป็นกฎหมายแน่นอน ส่วนกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ ขณะนี้อยู่ในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมทั้ง 2 สภา ว่าจะดำเนินการต่อไปหากทางเครือข่ายฯ ต้องการให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ส่งสัญญาณมา เพื่อพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณา
ทั้งนี้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น เครือข่ายสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูล เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง และเครือข่ายสมานฉันท์แรงงานไทย เป็นต้น โดยบางส่วนได้เดินทางมาจากภาคเหนือด้วยขบวนรถจักรยานยนต์และรถซาเล้ง และได้เคลื่อนขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นรัฐบาลชุดใหม่ เรียกร้องให้เดินหน้านโยบายสิทธิชุมชนและธนาคารที่ดิน ตามที่ได้ดำเนินการมาแล้ว โดยไม่ต้องการให้มีปัญหาเรื่องการเมือง เพราะสองนโยบายดังกล่าวริเริ่มโดยพรรคประชาธิปัตย์ เกรงว่าจะมีการหยุดชะงัก พร้อมทั้งเรียกร้องให้จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ และยุติการดำเนินคดีกับเกษตรกรอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนี้ เครื่อข่ายสลัม 4 ภาคและสมัชชาคนชน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลนำที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรให้คนจนอยู่อาศัยและทำกิน เช่น ที่บริเวณการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมยังเน้นหนักเรื่องการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมยั่งยืน
จนเวลา 13.00 น. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารับข้อเสนอ
โดยนายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมารับข้อเสนอของทางเครือข่ายฯ เบื้องต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงความเป็นห่วงพี่น้องที่เดินทางมาและฝากความระลึกถึงมายังสมาชิกเครือข่ายฯด้วย ทั้งนี้ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะหาช่องทางเพื่อหารือกับเครือข่ายฯ อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับราษฎร ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ระลึกว่า เพราะทางสมาชิกเครือข่ายฯได้ร่วมอุ้มชู ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ถึง 265 เสียง อย่างไรก็ตามปัญหาที่ทางเครือข่ายฯ เสนอ เฉพาะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยคงจะทำไม่สำเร็จ ดังนั้นต้องขอความร่วมมือกับเครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายภายใน 4 หรือ 8 ปีนี้
"เรื่องที่ประชาชนเสนอนั้น ส่วนหนึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเตรียมดำเนินการ อย่างไรก็ตามคงต้องมีการคุยในรายละเอียดอีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนกรณีที่เครือข่ายฯ เสนอให้นำข้อเรียกร้องไปทำเป็นนโยบายรัฐบาลด้วยนั้น ผมยืนยันว่าจะรับไปดำเนินการอย่างแน่นอน" นายปลอดประสพ กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากนี้จะนัดประชุมเพื่อยืนยันกฎหมายที่ค้างสภาฯ โดยจะรับรองภายใน 60 วันเพื่อไม่ให้กฎหมายตกไป โดยในส่วนของ พ.ร.บ.สัญชาติฯ จะมีการรับรองและผ่านเป็นกฎหมายแน่นอน ส่วนกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ ขณะนี้อยู่ในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมทั้ง 2 สภา ว่าจะดำเนินการต่อไปหากทางเครือข่ายฯ ต้องการให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ส่งสัญญาณมา เพื่อพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณา
