พะเยา - เครือข่ายปฏิรูปที่ดินพะเยา จี้ รัฐบาลใหม่เดินหน้า “โฉนดชุมชน” นัดยื่นหนังสือทีม ส.ส.พะเยาเสนอ 7 เงื่อนไขกฎหมายที่ดินสู่วาระแห่งชาติช่วยเหลือเกษตรกรไม่มีที่ดินทำกิน
วันนี้(6 ส.ค.) นายกำธร โพธิ์ศรี ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรรายย่อยจังหวัดพะเยาที่ไร้ที่ดินทำกินหรือมีที่ดินไม่เพียงทำกิน ขณะที่ทุนนิยมและปัจจัยอื่น ๆ ได้ส่งให้ที่ดินในพื้นที่ชนบทมีการกระจุกตัวอยู่กับคนที่มีกำลังทรัพย์ที่ไม่ใช่เกษตรกรเพียงไม่กี่ราย สภาพดังกล่าวทำให้ที่ดินหลายแปลงถูกทิ้งว่างเปล่าไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวจึงต้องมีการปฏิรูปที่ดินอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม ถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในสังคมไทย และต้องเป็นวาระแห่งชาติโดยประชาชนทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิดการผลักดันเป็นกฎหมายที่ดินว่าด้วยโฉนดชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูป ฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางเครือข่าย ฯ ได้จัดทำแถลงการณ์เครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา เพื่อเสนอต่อว่าที่รัฐบาลใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยผ่าน ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย(พท.) ทั้งสามคน ประกอบด้วย นายไพโรจน์ ตันบรรจง ,นางสาวอรุณี ชำนาญยา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯคนที่ 2 โดยจะมีผู้นำเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยาไม่ต่ำกว่า 60 คน มาร่วมขับเคลื่อนในกิจกรรมครั้งนี้ อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)
แต่เดิมทางเครือข่าย ฯ นัดจะยื่นหนังสือถึงทีม ส.ส.พะเยา ในวันที่ 4 สิงหาคม 2554 แต่เนื่องจากว่าได้มีการประชุมสภาฯและเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ทีม ส.ส.พะเยา ติดภารกิจ จึงต้องประสานงานในวันที่สะดวกอีกครั้ง แต่ได้รับการตอบรับจากนายวิสุทธิ์ว่าต้องการมารับหนังสือด้วยตนเอง
นายกำธร กล่าวอีกว่า ทางเครือข่าย ฯ ได้มีการกำหนดเงื่อนไขโดยกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรต้องสูญเสียที่ดินทำกิน จำนวน 7 ประเด็น คือ 1.ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พะเยาทั้งหมด ผลักดันข้อเสนอของชาวบ้าน เข้าไปบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในเวลาอันใกล้นี้ 2.ให้มีการจัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรให้เป็นข้อมูลสาธารณะ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการที่ดิน ให้เกิดประโยชน์และเกิดความเป็นธรรม 3. ให้ดำเนินการจัดที่ดินโดยชุมชน ในรูปแบบของโฉนดชุมชน เพื่อป้องกันการบุกรุกป่าเพิ่ม และป้องกันที่ดินหลุดมือจากเกษตรกร 4.ให้จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดิน เพื่อทำหน้าที่จัดซื้อที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ขาดแคลนและไร้ที่ดินทำกิน 5.ให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้า เพื่อลดแรงจูงใจในการสะสมที่ดินไว้โดยไม่ทำประโยชน์ 6.ให้มีการยกเลิกคดีคนจน ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีที่ดินทำกินในเขตป่า และที่ดินรกร้างว่างเปล่า และ 7.ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งเป็นมติที่สร้างความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
“แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีการดำเนินการเรื่องโฉนดชุมชนไปบ้างแล้ว แต่ปรากฏว่าในทางปฏิบัติจริงประชาชนบางส่วนยังถูกจับกุมเรื่องการถือครองที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตรงนี้ขอฝากถึงรัฐบาลใหม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนด้วย เพราะว่าที่รัฐบาลคือความหวังของคนรากหญ้า และเชื่อมั่นว่าหากความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลงแล้ว ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความปรองดองจะเกิดตามมาอย่างแน่นอน” ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา กล่าว
วันนี้(6 ส.ค.) นายกำธร โพธิ์ศรี ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรรายย่อยจังหวัดพะเยาที่ไร้ที่ดินทำกินหรือมีที่ดินไม่เพียงทำกิน ขณะที่ทุนนิยมและปัจจัยอื่น ๆ ได้ส่งให้ที่ดินในพื้นที่ชนบทมีการกระจุกตัวอยู่กับคนที่มีกำลังทรัพย์ที่ไม่ใช่เกษตรกรเพียงไม่กี่ราย สภาพดังกล่าวทำให้ที่ดินหลายแปลงถูกทิ้งว่างเปล่าไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวจึงต้องมีการปฏิรูปที่ดินอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม ถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในสังคมไทย และต้องเป็นวาระแห่งชาติโดยประชาชนทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิดการผลักดันเป็นกฎหมายที่ดินว่าด้วยโฉนดชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูป ฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางเครือข่าย ฯ ได้จัดทำแถลงการณ์เครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา เพื่อเสนอต่อว่าที่รัฐบาลใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยผ่าน ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย(พท.) ทั้งสามคน ประกอบด้วย นายไพโรจน์ ตันบรรจง ,นางสาวอรุณี ชำนาญยา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯคนที่ 2 โดยจะมีผู้นำเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยาไม่ต่ำกว่า 60 คน มาร่วมขับเคลื่อนในกิจกรรมครั้งนี้ อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)
แต่เดิมทางเครือข่าย ฯ นัดจะยื่นหนังสือถึงทีม ส.ส.พะเยา ในวันที่ 4 สิงหาคม 2554 แต่เนื่องจากว่าได้มีการประชุมสภาฯและเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ทีม ส.ส.พะเยา ติดภารกิจ จึงต้องประสานงานในวันที่สะดวกอีกครั้ง แต่ได้รับการตอบรับจากนายวิสุทธิ์ว่าต้องการมารับหนังสือด้วยตนเอง
นายกำธร กล่าวอีกว่า ทางเครือข่าย ฯ ได้มีการกำหนดเงื่อนไขโดยกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรต้องสูญเสียที่ดินทำกิน จำนวน 7 ประเด็น คือ 1.ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พะเยาทั้งหมด ผลักดันข้อเสนอของชาวบ้าน เข้าไปบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในเวลาอันใกล้นี้ 2.ให้มีการจัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรให้เป็นข้อมูลสาธารณะ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการที่ดิน ให้เกิดประโยชน์และเกิดความเป็นธรรม 3. ให้ดำเนินการจัดที่ดินโดยชุมชน ในรูปแบบของโฉนดชุมชน เพื่อป้องกันการบุกรุกป่าเพิ่ม และป้องกันที่ดินหลุดมือจากเกษตรกร 4.ให้จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดิน เพื่อทำหน้าที่จัดซื้อที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ขาดแคลนและไร้ที่ดินทำกิน 5.ให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้า เพื่อลดแรงจูงใจในการสะสมที่ดินไว้โดยไม่ทำประโยชน์ 6.ให้มีการยกเลิกคดีคนจน ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีที่ดินทำกินในเขตป่า และที่ดินรกร้างว่างเปล่า และ 7.ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งเป็นมติที่สร้างความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
“แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีการดำเนินการเรื่องโฉนดชุมชนไปบ้างแล้ว แต่ปรากฏว่าในทางปฏิบัติจริงประชาชนบางส่วนยังถูกจับกุมเรื่องการถือครองที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตรงนี้ขอฝากถึงรัฐบาลใหม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนด้วย เพราะว่าที่รัฐบาลคือความหวังของคนรากหญ้า และเชื่อมั่นว่าหากความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลงแล้ว ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความปรองดองจะเกิดตามมาอย่างแน่นอน” ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา กล่าว
