“มิสซิสฟลาวเวอร์” ปรับเกม หลังตลาดชอกโกแลตพรีเมียมไทยไม่โต หันหน้ารุกต่างประเทศ พร้อมปรับตำแหน่งเป็นพรีเมียมจับต่างชาติ เปิดสาขาใหม่ย่านจังหวัดท่องเที่ยว
นายธารัส สุทธิคำ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มิสซิสฟลาวเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายช็อกแลตโฮมเมดแบรนด์ มิสซิสฟลาวเวอร์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรทางการค้าในประเทศนั้น เพื่อให้สามารถควบคุมการดำเนินงานได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายราย
ทั้งนี้บริษัทต้องปรับระบบการทำงานต่างๆ ทั้งระบบการผลิตที่ทำให้ต้นทุนต่ำลง การหาวัตถุดิบใหม่ๆ การปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นชอคโกแลตพรีเมียม แต่เป็นแบรนด์ของคนไทย
“การรุกกต่างประเทศเพราะว่า การบริโภคช็อกโกแลตของคนไทยต่ำมาก หรือน้อยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 ก็ว่าได้ เพราะประเทศไทยเราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ เหมือนญี่ปุ่น อินเดีย จึงทำให้ประเทศเหล่านั้น คุ้นเคยและนิยมทานช็อกโกแลตกันมาก และแม้ว่าเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า จะช่วยลดภาษีนำเข้าช็อกโกแลตเข้ามาในประเทศไทยจาก 30% เหลือ 0%
ส่งผลให้แบรนด์ช็อกโกแลตจากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น แต่ตลาดช็อกโกแลตระดับพรีเมี่ยมก็ไม่เติบโตเท่าที่ควร ขณะที่ตลาดช็อกโกแลตระดับล่างกลับเติบโตต่อเนื่อง เพราะราคาและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยนั่นเอง บริษัทจึงปรับตัวทำเป็นสินค้าของชำร่วย ของฝาก สำหรับชาวต่างชาติ” นายธารัส กล่าว
นอกจากนั้นยังได้ปรับปรุงร้านค้าเดิมให้มีความทันสมัย และขยายสาขาใหม่แบบพรีเมี่ยมจับลูกค้าชาวต่างชาติ ล่าสุดขยายสาขาสุวรรณภูมิ บนถนนร่มเกล้า เนื้อที่กว่า 200 ตารางเมตร และวางแผนขยายสาขาใหม่ในเมืองท่องเที่ยวอีกที่ พัทยา และ ภูเก็ต อีก 2 – 3 สาขาลงทุนสาขาละ 2 – 3 ล้านบาท รวมเป็นเงินมากกว่า 10 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15 – 20% ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจาก ส่งออก 40% และ ในประเทศ 60% ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวของขวัญสำหรับวันแม่ ด้วยช็อกโกแลตสูตรพิเศษกลิ่นมะลิ เป็นครั้งแรก พร้อมแพ็คเกจผ้าไหม ผลิตจำหน่ายจำกัดแค่ 1,200 ชุด
นายธารัส สุทธิคำ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มิสซิสฟลาวเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายช็อกแลตโฮมเมดแบรนด์ มิสซิสฟลาวเวอร์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรทางการค้าในประเทศนั้น เพื่อให้สามารถควบคุมการดำเนินงานได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายราย
ทั้งนี้บริษัทต้องปรับระบบการทำงานต่างๆ ทั้งระบบการผลิตที่ทำให้ต้นทุนต่ำลง การหาวัตถุดิบใหม่ๆ การปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นชอคโกแลตพรีเมียม แต่เป็นแบรนด์ของคนไทย
“การรุกกต่างประเทศเพราะว่า การบริโภคช็อกโกแลตของคนไทยต่ำมาก หรือน้อยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 ก็ว่าได้ เพราะประเทศไทยเราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ เหมือนญี่ปุ่น อินเดีย จึงทำให้ประเทศเหล่านั้น คุ้นเคยและนิยมทานช็อกโกแลตกันมาก และแม้ว่าเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า จะช่วยลดภาษีนำเข้าช็อกโกแลตเข้ามาในประเทศไทยจาก 30% เหลือ 0%
ส่งผลให้แบรนด์ช็อกโกแลตจากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น แต่ตลาดช็อกโกแลตระดับพรีเมี่ยมก็ไม่เติบโตเท่าที่ควร ขณะที่ตลาดช็อกโกแลตระดับล่างกลับเติบโตต่อเนื่อง เพราะราคาและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยนั่นเอง บริษัทจึงปรับตัวทำเป็นสินค้าของชำร่วย ของฝาก สำหรับชาวต่างชาติ” นายธารัส กล่าว
นอกจากนั้นยังได้ปรับปรุงร้านค้าเดิมให้มีความทันสมัย และขยายสาขาใหม่แบบพรีเมี่ยมจับลูกค้าชาวต่างชาติ ล่าสุดขยายสาขาสุวรรณภูมิ บนถนนร่มเกล้า เนื้อที่กว่า 200 ตารางเมตร และวางแผนขยายสาขาใหม่ในเมืองท่องเที่ยวอีกที่ พัทยา และ ภูเก็ต อีก 2 – 3 สาขาลงทุนสาขาละ 2 – 3 ล้านบาท รวมเป็นเงินมากกว่า 10 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15 – 20% ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจาก ส่งออก 40% และ ในประเทศ 60% ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวของขวัญสำหรับวันแม่ ด้วยช็อกโกแลตสูตรพิเศษกลิ่นมะลิ เป็นครั้งแรก พร้อมแพ็คเกจผ้าไหม ผลิตจำหน่ายจำกัดแค่ 1,200 ชุด
