ASTVผู้จัดการรายวัน – ไอ.ซี.ซี. ติดเบรก โกอินเตอร์ หลังเจ็บตัว เหตุพันธมิตรไม่เก่งพอและสินค้าไม่โดนใจคนท้องถิ่นนั้น หยุดพักเลียแผลหวังสร้างความพร้อมก่อนตั้งหลักใหม่ แต่ยันไม่ทิ้งแผนสร้าง บีเอสซี ให้เป็นโกลบอลแบรนด์
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯตัดสินใจชะลอแผนการรุกตลาดต่างประเทศด้วยการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายออกไปก่อน เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
สาเหตุที่ต้องชะลอการรุกต่างประเทศออกไปก่อนมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ 1. ความไม่ชำนาญเพียงพอในการทำตลาดและจัดจำหน่ายของบริษัทพันธมิตร 2.รูปแบบของสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
จากนี้ไปบริษัทฯคงต้องหันกลับมาทบทวนและใช้ความระมัดระวังในการทำตลาดมากขึ้นเพื่อให้เกิดความพร้อมในการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในอนาคต ควบคู่ไปกับการศึกษาความต้องการของตลาดให้รอบคอบ เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ
“การโกอินเตอร์หรือการทำตลาดต่างประเทศไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆเลย เพราะว่าเราจะต้องมีความพร้อมทุกรูปแบบ ทั้งบุคลากรที่ต้องมีศักยภาพในการร่วมทำงาน ต้องมีการผลิตสินค้าที่นอกจากจะดีแล้วยังต้องตรงกับความต้องการของตลาดด้วย รวมทั้งต้องมีพันธมิตรคู่ค้าที่ดีมีความชำนาญ ซึ่งจากนี้เราต้องมีความตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกโดยตอนนี้ก็คงขยายตลาดเพื่อนบ้านใกล้ๆไปก่อน แต่ในส่วนของการสร้างแบรนด์ให้เป็นโกลบอลแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ บีเอสซี นั้นก็จะยังดำเนินการต่อเนื่อง” นายบุญเกียรติกล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 4-5% เท่านั้น สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯจะเน้นการผลิตสินค้าที่มีดีไซน์เข้าทำตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลาย เพราะหลังจากที่บริษัทฯได้หันมาผลิตสินค้าที่ใส่ใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อนเอง ดังนั้นบริษัทฯจึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้รวงมประมาณ 13,000 ล้านบาท
มีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 12% ส่วนครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้เติบโตประมาณ 14% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 12%
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯตัดสินใจชะลอแผนการรุกตลาดต่างประเทศด้วยการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายออกไปก่อน เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
สาเหตุที่ต้องชะลอการรุกต่างประเทศออกไปก่อนมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ 1. ความไม่ชำนาญเพียงพอในการทำตลาดและจัดจำหน่ายของบริษัทพันธมิตร 2.รูปแบบของสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
จากนี้ไปบริษัทฯคงต้องหันกลับมาทบทวนและใช้ความระมัดระวังในการทำตลาดมากขึ้นเพื่อให้เกิดความพร้อมในการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในอนาคต ควบคู่ไปกับการศึกษาความต้องการของตลาดให้รอบคอบ เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ
“การโกอินเตอร์หรือการทำตลาดต่างประเทศไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆเลย เพราะว่าเราจะต้องมีความพร้อมทุกรูปแบบ ทั้งบุคลากรที่ต้องมีศักยภาพในการร่วมทำงาน ต้องมีการผลิตสินค้าที่นอกจากจะดีแล้วยังต้องตรงกับความต้องการของตลาดด้วย รวมทั้งต้องมีพันธมิตรคู่ค้าที่ดีมีความชำนาญ ซึ่งจากนี้เราต้องมีความตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกโดยตอนนี้ก็คงขยายตลาดเพื่อนบ้านใกล้ๆไปก่อน แต่ในส่วนของการสร้างแบรนด์ให้เป็นโกลบอลแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ บีเอสซี นั้นก็จะยังดำเนินการต่อเนื่อง” นายบุญเกียรติกล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 4-5% เท่านั้น สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯจะเน้นการผลิตสินค้าที่มีดีไซน์เข้าทำตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลาย เพราะหลังจากที่บริษัทฯได้หันมาผลิตสินค้าที่ใส่ใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อนเอง ดังนั้นบริษัทฯจึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้รวงมประมาณ 13,000 ล้านบาท
มีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 12% ส่วนครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้เติบโตประมาณ 14% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 12%
