xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าจะให้ดี..การโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีจะต้องทำอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา มีข่าวลือและการโจษจันที่ไม่เป็นมงคลทั่วประเทศไทย อันเกิดจากอวิชชาหรือความไม่รู้กับความอวดรู้หรือดื้อดึงของคนไทยพวกหนึ่งที่เคยกับความมักง่ายและเอาแต่ใจตน เพราะโดนสั่งสอนผิดๆ จากผู้นำของตนว่า ถ้ากฎหมายหรือธรรมเนียมใดก่อให้เกิดความขัดข้องไม่สะดวกก็ไม่ต้องไปเคารพมัน ให้ล้มเลิกหรือไม่ก็ทำเฉยๆ เสีย อีกหน่อยก็จะเคยเอง

มีเหตุการณ์สำคัญ 2 อย่างเกิดขึ้นในวันนั้น อย่างหนึ่งผิดปกติ อีกอย่างหนึ่งไม่ผิดปกติ แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่รู้สึกอย่างหนึ่ง และไม่เข้าใจหรือบิดเบือนอีกอย่างหนึ่ง

ทั้ง 2 เรื่องนี้ผมไม่เห็นแต่ได้ยินมา เท็จจริงอยู่ที่ผู้เล่า แต่ผมใคร่อธิบายให้คนไทยได้เข้าใจดังต่อไปนี้

เรื่องที่ผิดปกติ ก็คือ เรื่องนางสาวยิ่งลักษณ์แต่งตัวใส่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ตนไม่มีสิทธิไปในงานราชพิธีเปิดรัฐสภา และที่พรรคเพื่อไทยเพื่อคอยรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เรื่องนี้ผมไม่ได้เห็นด้วยตา และไม่รู้นางสาวยิ่งลักษณ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นใด ณ วันที่นำมาแต่งนั้น ถ้านำสิ่งซึ่งตนจะมิได้รับและไม่มีสิทธิแต่ง ก็คงจะต้องเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้

มาตรา 146 “ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล หรือไม่มีสิทธิใช้ยศ ตำแหน่ง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือสิ่งที่หมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทำการเช่นนั้น เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ปัญหาก็คือนางสาวยิ่งลักษณ์ได้กระทำผิดจริงหรือเปล่า

ถ้าจริงก็เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะบุคคลระดับนี้และพรรคการเมืองพรรคนี้พากันแกล้งนางสาวยิ่งลักษณ์ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือจงใจจะเชิดชูยกย่องหรือทำลายกันอย่างใดหรือไม่ หรือทั้งพรรคไม่มีคนรู้เรื่องนี้สักคนเดียวเชียวหรือ หรือรู้แต่ยังขืนกระทำเพราะถือว่าพรรคมีอำนาจยิ่งใหญ่แล้วอยากทำอะไรก็จะทำใครจะทำไม หรือนางสาวยิ่งลักษณ์มีนิสัยเหมือนพี่ชายคือชอบท้าทายกฎหมายหรือทำลายกฎหมายอยู่บ่อยๆ

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องถามว่าบุคคลเช่นนี้สมควรจะเป็นผู้นำประเทศหรือ

เรื่องที่ไม่ผิดปกติก็คือ เรื่องนางสาวยิ่งลักษณ์รอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เก้อที่พรรคเพื่อไทย บรรดาลูกพรรคเลยอดฉลองและสำแดงความคิดเห็นที่ไม่รับผิดชอบต่างๆ นานา จนข่าวอัปมงคลกระจายไปทั่วประเทศไทย

เรื่องรอพระบรมราชโองการเก้อนี้พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ ก็โดนมาแล้ว และอดเป็นนายกรัฐมนตรีไปเลย เพราะไปโมเมกันเอาเองว่ากำลังจะมีพระบรมราชโองการมา โดยยังมิได้มีการนัดหมายจากสำนักพระราชวังหรือสำนักราชเลขาธิการ และมิได้ดำเนินการตามประเพณี ครรลองหรือขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการโปรดเกล้าฯ แต่อย่างใด

ฟังดู คราวนี้ก็ไม่ต่างกัน คือมีผู้รู้ ผู้อาวุโสและมียศชั้นและดีกรี กล่าวกันว่าคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงที่ไปอ้างว่าได้รับยืนยันมาจากรองสมุหราชองครักษ์ท่านหนึ่งที่โรงพยาบาลศิริราช นี่ก็เป็นข่าวโคมลอยและผิดครรลอง ราชองครักษ์ไม่มีหน้าที่ใดๆ นอกเหนือถวายอารักขาพระเจ้าอยู่หัว ถ้าผิดไป ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้เกี่ยวอะไร ก็ขออภัยด้วย

ผมได้สอบถามไปยังอดีตประธานรัฐสภาหลายท่านว่าตามประเพณี และกฎหมายขั้นตอนก่อนการโปรดเกล้าฯ ควรจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเลือกผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรีประธานสภาฯ ในฐานะประธานรัฐสภา จะขอพระราชทานวโรกาสเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลรายงาน และขอพระราชทานพระบรมราชโองการฯ

2. ก่อนเข้าเฝ้าฯ ประธานรัฐสภาจะต้องส่งเรื่องขอให้สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับรัฐมนตรีอื่นๆ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็คือตำแหน่งรัฐมนตรีเหมือนคนอื่นๆ เป็นแต่เพียงว่า นายกรัฐมนตรีเป็นหมายเลขหนึ่งในบรรดาคนที่เท่ากันเท่านั้น (First Among Equals)

3. ในกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ หากไม่นับความผิดในมาตรา 146 ซึ่งเพิ่งเกิด (ถ้าหากจริง) ก็น่าจะต้องรายงานข้อยุติ หรือข้อมูลในเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหา คือข้อกล่าวหาและชี้มูลว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ซุกหุ้น ให้การเท็จต่อศาล และถูกกล่าวหาฟ้องร้องว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นต้น ถ้าหากทั้งหมดนี้มีข้อยุติที่เป็นคุณแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ก็จะเป็นความโล่งใจของทุกฝ่ายที่จำเป็นจะต้องเคารพและกระทำตามกฎหมาย

4. เมื่อมีผลอย่างไรในข้อ 3 คณะองคมนตรีก็น่าจะได้มีโอกาสกระทำความเห็นและสรุปเรื่องถวายรายงานฯ เช่นเดียวกับการแต่งตั้งในระดับสูงของประเทศหลายอื่นๆ เช่น การแต่งตั้งทหาร ปลัดกระทรวง รัฐมนตรี เป็นต้น

ในเมื่อยังไม่มีอะไรไปตามขั้นตอนข้างต้นซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาและจำเป็น ก็จะต้องเข้าใจ ไม่ใช่ไปเป่าข่าวเล่าลือและใส่ร้ายว่าสถาบันกลั่นแกล้ง อำมาตย์ขัดขวาง ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่มีมูล และไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ท่านผู้อ่านคงจำได้ว่าการมักง่าย ไม่ดำเนินการตามครรลองที่กฎหมายกำหนดว่าต้องดำเนินการไปก่อนและโดยพลัน ในกนณีที่พรรคพลังประชาชนและ กกต.ดึงดันตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนฯ ให้ทำหน้าที่สนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้วต้องมาถูกสอยออกจากตำแหน่งทีหลัง ความเสียหายและแตกร้าวของบ้านเมืองในภายหลังซึ่งสาหัสสากรรจ์มหาศาล จะหาใครมารับผิดชอบสักคนเดียวก็ไม่มี

อย่าลืมว่าประชาชนที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยนั้นมีมากกว่าประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย และนี่มิใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง การที่พรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนจะใจร้อนอย่างไรก็น่าเห็นใจและเข้าใจได้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากเห็นคนอื่นเคารพกฎหมาย ตนเองก็จะต้องเคารพกฎหมายเสียก่อน หากจะเอาการเมืองเป็นใหญ่และกฎหมายเป็นรองบ้านเมืองก็จะอยู่ลำบาก

ขอให้พรรคเพื่อไทยใจเย็นๆ และอดใจรอ และขอให้พี่น้องคนไทยอย่าตื่นข่าวลือโจษจัน และโทษโน่นโทษนี่ให้อื้ออึงไป สู้ให้ความรู้ที่ถูกต้องให้ประชาชนไว้เป็นทุนดีกว่า โปรดอธิบายให้เข้าใจอย่างทั่วถึงจะดีกว่า เมื่อเริ่มอย่างถูกต้องแล้วถึงช้าไปนิดทุกอย่างก็จะถูกต้องตามกันมา

อย่าให้สังคมและการเมืองไทยกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดอย่างที่เคยอีกเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น