ASTVผู้จัดการรายวัน- โปรดเกล้าฯ"สมศักดิ์" ประธานสภาฯ"เจริญ-วิสุทธิ์" รองประธานฯ เลือกนายกฯ 5 ส.ค.นี้ "ยิ่งลักษณ์" เตรียมรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ ที่พรรค ยันไม่ลืม"เหลิม" แต่ยังไม่บอกจะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้หรือไม่ ปรามสส.อิสานใจเย็นๆ "โอฬาร" ขอนั่งที่ปรึกษานายกฯ "วิชิต"นั่งก.คลัง
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฏร นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2
ทั้งนี้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระบรมราชโองการ มาที่บริเวณพิธี จากนั้นได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฏร โดยมีใจความว่า
ประกาศแต่งตั้งประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ( พระปรมาภิไธย ) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ 1. นายสมศักดิ์เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฏร 2. นายเจริญ จรรย์โกมล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง 3.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง
จึงแต่งตั้งให้ผู้มีนามดังกล่าว เป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามความในมาตรา 124 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 2 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายสมศักดิ์ พร้อมด้วยนายเจริญ และนายวิสุทธิ์ รับสนองพระบรมราชโองการ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการ นายสมศักดิ์ ได้เดินออกไปแสดงความขอบคุณข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร และเพื่อนส.ส.ที่มาร่วมพิธี
**"ขุนค้อน"มั่นใจทำหน้าที่เป็นกลาง
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนและรองประธานสภาทั้ง 2 คน จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ซึ่งได้หารือกับรองประธานสภาทั้ง 2 คนแล้วว่า จะบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมสภาอย่างเคร่งครัด
ด้านการควบคุมการประชุม สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำคือ เรื่ององค์ประชุมที่ต้องทำให้ส.ส.ให้ความร่วมมือ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะมีส.ส.หน้าใหม่มีมาก และคงมีจิตสำนึก แต่ถ้ามีปัญหาก็จะขอความร่วมมือโดยอาจจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนข้อบังคับการประชุมเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ในประเด็นวิธีการนับองค์ประชุม อาจจะต้องแก้ไขโดยนับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประชุม เป็นองค์ประชุมทั้งหมดด้วย
เมื่อถามว่าสภามีพรรคประชาธิปัตย์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เป็นฝ่ายค้าน ห่วงว่าจะมีการตีรวนหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องใช้ข้อบังคับการประชุม ส่วนจะต้องใช้ค้อน ควบคุมการประชุมหรือไม่นั้น ตนคิดว่า คงไม่ต้องใช้ ซึ่งอันที่จริงในอดีต ตนก็ไม่เคยใช้
เมื่อถามว่านายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาฯ ฝากรัฐบาลใหม่ให้ความสนใจการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งตนจะขอความร่วมมือไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้ความร่วมมือในการตอบกระทู้ในสภา
** เลือกนายกฯวันที่ 5 ส.ค.
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้นัดประชุมส.ส.เพื่อเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ซึ่งไม่ได้ถือฤกษ์ยามอะไร ขั้นตอนในการเลือกคือ ส.ส.จะเสนอชื่อบุคคลให้เป็นนายกฯ โดยใช้เสียงรับรอง 1 ใน 5 และใช้การโหวตโดยเปิดเผย ผู้ที่ได้รับเลือกต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสภา จากนั้นจะนำรายชื่อผู้ได้รับเลือกขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
** "นิพิฎฐ์" แนะกู้ภาพลักษณ์สภา
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภานายเจริญ จรรย์โกมล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ เป็นรองประธานสภาฯ อย่างไรก็ดี ตนอยากให้มาตรฐานฝ่ายนิติบัญญัติดีกว่าเก่า เพราะคราวที่แล้วคนเอือมระอาฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภา หรือสภาผู้แทนราษฎรมาก มาตรฐานของสภาฯ ซึ่งระยะหลังลดลง เช่น การอภิปรายใช้ถ้อยคำรุนแรง ใช้คำหยาบ มีการทำร้ายร่างกาย แสดงพฤติกรรมจะใช้รองเท้าเขวี้ยงกัน ทำให้มาตรฐานต่ำมาก ไม่ควรเกิดขึ้นมา จะยุติสิ่งเหล่านี้ได้ คือประธานต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ถ้าไปนั่งประชุมทุกครั้ง ความเป็นกลางจะหายไป เพราะรู้ข้อมูลต่างๆ ของพรรคหมดและมีผลต่อการตัดสินใจ เสนอให้จัดความถี่ห่างระหว่างพรรคให้ดี
ในกรณีมีการเสนอชื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล รมว.วธ. กล่าวว่า ส่วนตัวมองต่างจากพรรคประชาธิปัตย์บ้างบางส่วน ตนยินดีที่คนเสื้อแดง เข้ามาอยู่ในระบบ เพราะคนส่วนหนึ่งที่เลือกพรรคเพื่อไทย เลือกคนเสื้อแดงคือต้องการให้บ้านเมืองสงบ มาอยู่ในกรอบเสีย อย่าอยู่ข้างถนน อยู่ราชประสงค์ แต่มาอยู่ถนนอู่ทองใน อยู่ในอาคารรัฐสภา บ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ตนดีใจที่ทุกอย่างเข้ามาในระบบรัฐสภา ไม่รังเกียจและยินดีทำงานร่วมกัน
**รับสนองฯแต่งตั้งนายกฯที่พรรค
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 ส.ค.นี้แล้ว คาดว่าจะใช้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เป็นสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีเสียงแตกภายในพรรคหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคที่จะมีการพูดคุยให้เรียบร้อย หากมีฝ่ายค้านร่วมโหวตให้ตนด้วย ก็ต้องขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้ว่าจะรับร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่
ส่วนกลุ่มส.ส.อีสานในพรรค ที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ขอให้ ส.ส.ทุกคนใจเย็นๆ พรรคเพื่อไทยจะไม่ลืมผู้ที่ร่วมทุกข์สุขกันมา โดยตนและกรรมการบริหารพรรค จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
**"ปู"ยันไม่เคยลืม"เหลิม"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พรรคไม่เคยลืมร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะร.ต.อ.เฉลิม มีความรู้ความสามารถ ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยมานาน และขณะนี้ก็ไม่ได้สรุปว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ขอให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นก่อน จึงพิจารณาเรื่องการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี
**"โอฬาร" ขอนั่งที่ปรึกษานายกฯ
สำหรับความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในครม."ยิ่งลักษณ์ 1 "นั้น หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมอบหมายให้ทางพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ไปหารือกันเองภายในพรรคก่อน ในเรื่องของตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะจะต้องมีการปรับให้มีความเหมาะสม ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังไม่นิ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากตำแหน่งต่างๆได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ตามสถานการณ์ โดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่จะไปนั่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยจะดูภาพรวมนั้น นายโอฬาร ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งในครม. แต่ขอไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเป็นนักการเมืองใหม่ จึงจะต้องมีคนที่ช่วยเหลือ ในการแนะนำ และให้คำปรึกษาหารือ อีกทั้งนายโอฬาร ก็ต้องการไปดูภาพรวมนโยบายต่างๆ ที่ตนเองเป็นคนดำเนินการมาตั้งแต่ต้น
ส่วนนายสุชาติ ธาราดำรงเวช ที่เคยมีชื่อว่าจะนั่ง รมว.คลังนั้น มีแนวโน้มจะไปนั่งตำแหน่งอื่นแทน แต่เกี่ยวกับการดูแลด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ส่วนรมว.คลัง ในรัฐบาล "ปู1" ค่อนข้างชัดว่า จะให้นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเป็นคนนอก เข้ามานั่งตำแหน่งนี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฏร นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2
ทั้งนี้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระบรมราชโองการ มาที่บริเวณพิธี จากนั้นได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฏร โดยมีใจความว่า
ประกาศแต่งตั้งประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ( พระปรมาภิไธย ) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ 1. นายสมศักดิ์เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฏร 2. นายเจริญ จรรย์โกมล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง 3.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง
จึงแต่งตั้งให้ผู้มีนามดังกล่าว เป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามความในมาตรา 124 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 2 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายสมศักดิ์ พร้อมด้วยนายเจริญ และนายวิสุทธิ์ รับสนองพระบรมราชโองการ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการ นายสมศักดิ์ ได้เดินออกไปแสดงความขอบคุณข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร และเพื่อนส.ส.ที่มาร่วมพิธี
**"ขุนค้อน"มั่นใจทำหน้าที่เป็นกลาง
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนและรองประธานสภาทั้ง 2 คน จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ซึ่งได้หารือกับรองประธานสภาทั้ง 2 คนแล้วว่า จะบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมสภาอย่างเคร่งครัด
ด้านการควบคุมการประชุม สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำคือ เรื่ององค์ประชุมที่ต้องทำให้ส.ส.ให้ความร่วมมือ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะมีส.ส.หน้าใหม่มีมาก และคงมีจิตสำนึก แต่ถ้ามีปัญหาก็จะขอความร่วมมือโดยอาจจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนข้อบังคับการประชุมเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ในประเด็นวิธีการนับองค์ประชุม อาจจะต้องแก้ไขโดยนับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประชุม เป็นองค์ประชุมทั้งหมดด้วย
เมื่อถามว่าสภามีพรรคประชาธิปัตย์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เป็นฝ่ายค้าน ห่วงว่าจะมีการตีรวนหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องใช้ข้อบังคับการประชุม ส่วนจะต้องใช้ค้อน ควบคุมการประชุมหรือไม่นั้น ตนคิดว่า คงไม่ต้องใช้ ซึ่งอันที่จริงในอดีต ตนก็ไม่เคยใช้
เมื่อถามว่านายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาฯ ฝากรัฐบาลใหม่ให้ความสนใจการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งตนจะขอความร่วมมือไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้ความร่วมมือในการตอบกระทู้ในสภา
** เลือกนายกฯวันที่ 5 ส.ค.
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้นัดประชุมส.ส.เพื่อเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ซึ่งไม่ได้ถือฤกษ์ยามอะไร ขั้นตอนในการเลือกคือ ส.ส.จะเสนอชื่อบุคคลให้เป็นนายกฯ โดยใช้เสียงรับรอง 1 ใน 5 และใช้การโหวตโดยเปิดเผย ผู้ที่ได้รับเลือกต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสภา จากนั้นจะนำรายชื่อผู้ได้รับเลือกขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
** "นิพิฎฐ์" แนะกู้ภาพลักษณ์สภา
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภานายเจริญ จรรย์โกมล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ เป็นรองประธานสภาฯ อย่างไรก็ดี ตนอยากให้มาตรฐานฝ่ายนิติบัญญัติดีกว่าเก่า เพราะคราวที่แล้วคนเอือมระอาฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภา หรือสภาผู้แทนราษฎรมาก มาตรฐานของสภาฯ ซึ่งระยะหลังลดลง เช่น การอภิปรายใช้ถ้อยคำรุนแรง ใช้คำหยาบ มีการทำร้ายร่างกาย แสดงพฤติกรรมจะใช้รองเท้าเขวี้ยงกัน ทำให้มาตรฐานต่ำมาก ไม่ควรเกิดขึ้นมา จะยุติสิ่งเหล่านี้ได้ คือประธานต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ถ้าไปนั่งประชุมทุกครั้ง ความเป็นกลางจะหายไป เพราะรู้ข้อมูลต่างๆ ของพรรคหมดและมีผลต่อการตัดสินใจ เสนอให้จัดความถี่ห่างระหว่างพรรคให้ดี
ในกรณีมีการเสนอชื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล รมว.วธ. กล่าวว่า ส่วนตัวมองต่างจากพรรคประชาธิปัตย์บ้างบางส่วน ตนยินดีที่คนเสื้อแดง เข้ามาอยู่ในระบบ เพราะคนส่วนหนึ่งที่เลือกพรรคเพื่อไทย เลือกคนเสื้อแดงคือต้องการให้บ้านเมืองสงบ มาอยู่ในกรอบเสีย อย่าอยู่ข้างถนน อยู่ราชประสงค์ แต่มาอยู่ถนนอู่ทองใน อยู่ในอาคารรัฐสภา บ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ตนดีใจที่ทุกอย่างเข้ามาในระบบรัฐสภา ไม่รังเกียจและยินดีทำงานร่วมกัน
**รับสนองฯแต่งตั้งนายกฯที่พรรค
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 ส.ค.นี้แล้ว คาดว่าจะใช้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เป็นสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีเสียงแตกภายในพรรคหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคที่จะมีการพูดคุยให้เรียบร้อย หากมีฝ่ายค้านร่วมโหวตให้ตนด้วย ก็ต้องขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้ว่าจะรับร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่
ส่วนกลุ่มส.ส.อีสานในพรรค ที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ขอให้ ส.ส.ทุกคนใจเย็นๆ พรรคเพื่อไทยจะไม่ลืมผู้ที่ร่วมทุกข์สุขกันมา โดยตนและกรรมการบริหารพรรค จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
**"ปู"ยันไม่เคยลืม"เหลิม"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พรรคไม่เคยลืมร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะร.ต.อ.เฉลิม มีความรู้ความสามารถ ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยมานาน และขณะนี้ก็ไม่ได้สรุปว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ขอให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นก่อน จึงพิจารณาเรื่องการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี
**"โอฬาร" ขอนั่งที่ปรึกษานายกฯ
สำหรับความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในครม."ยิ่งลักษณ์ 1 "นั้น หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมอบหมายให้ทางพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ไปหารือกันเองภายในพรรคก่อน ในเรื่องของตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะจะต้องมีการปรับให้มีความเหมาะสม ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังไม่นิ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากตำแหน่งต่างๆได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ตามสถานการณ์ โดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่จะไปนั่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยจะดูภาพรวมนั้น นายโอฬาร ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งในครม. แต่ขอไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเป็นนักการเมืองใหม่ จึงจะต้องมีคนที่ช่วยเหลือ ในการแนะนำ และให้คำปรึกษาหารือ อีกทั้งนายโอฬาร ก็ต้องการไปดูภาพรวมนโยบายต่างๆ ที่ตนเองเป็นคนดำเนินการมาตั้งแต่ต้น
ส่วนนายสุชาติ ธาราดำรงเวช ที่เคยมีชื่อว่าจะนั่ง รมว.คลังนั้น มีแนวโน้มจะไปนั่งตำแหน่งอื่นแทน แต่เกี่ยวกับการดูแลด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ส่วนรมว.คลัง ในรัฐบาล "ปู1" ค่อนข้างชัดว่า จะให้นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเป็นคนนอก เข้ามานั่งตำแหน่งนี้