ศูนย์ข่าวภูมิภาค - "เหนือ-อีสาน"อ่วม เจอพิษพายุโซนร้อนนกเตน หลายจังหวัดสั่งปิดเรียนชั่วคราว ชาวอุดรฯสั่งเวยพิษนกเตนแล้ว 1 ศพ เตือนชาวเชียงใหม่น้ำปิงเริ่มทะลัก ขณะที่รถไฟสายเหนือ "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" หยุดวิ่งทุกขบวนหลังน้ำท่วมดินสไลด์ทับรางรถไฟที่ลำปาง "แม่ฮ่องสอน" อพยพนักท่องเที่ยวหนีหลังเกสต์เฮ้าส์-รีสอร์ตที่ปายโดนน้ำท่วมกว่า 10 แห่ง ปภ.จับตาพายุตัวใหม่ “มุยฟ้า” มีแนวโน้มเข้าเวียดนามอีกลูก
หลายจังหวัดส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือยังคงถูกน้ำท่วมอย่างหนัก อันเนื่องมาจากอิทธิพลพายุโซนร้อน"นกเตน"โดยเฉพาะที่ จ.หนองคาย หลังจากที่ตลอดทั้งคืนวันที่ 31 ก.ค.จนถึงวานนี้ (1 ส.ค.) ทางเทศบาลเมืองหนองคาย ได้เร่งระดมสูบน้ำลงแม่น้ำโขงจนทำให้ขณะนี้น้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ยังคงท่วมเป็นบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองหนองคาย ย่านธุรกิจ และสถานที่ราชการ และมีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ 4 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา โรงเรียนเทศบาล 4 ฉลองรัตน โรงเรียนฮั่วเคียวกงฮัก โรงเรียนอนุบาลนิจจานุเคราะห์ และได้ประกาศหยุดเรียนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหนองคายหลายร้อยหลังคาเรือนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมี 30 ครอบครัวต้องอพยพข้าวของมาอาศัยอยู่ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองหนองคาย เนื่องจากน้ำท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตร
นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า อิทธิพลของพายุนกเตน ได้ส่งผลกระทบกับ จ.หนองคาย เป็นอย่างมาก ทำให้ฝนตกหนักจนตั้งรับไม่ทัน ซึ่งจากสภาพน้ำท่วมในใจกลางเมืองหนองคายช่วง 2 วันที่ผ่านมาทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทักภัยนั้นตนได้สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
**นครพนมสั่งปิดเรียนจนกว่าน้ำลด
ส่วน จ.นครพนม น้ำป่าจากเทือกเขาภูลังกาได้ไหลทะลักลงมาจากสันเขาอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถระบายสู่น้ำโขงได้ ส่งผลให้เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขต ต.นางัว และ ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง โดยที่บ้านพืชผล ต.นางัว กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนในหมู่บ้าน และที่หนักที่สุดน้ำยังทะลักท่วมบริเวณโรงเรียนบ้านพืชผลตั้งแต่อาคารเรียน โรงอาหาร สนามกีฬา ห้องน้ำจมใต้น้ำลึก 40-50 ซม. นายทินกร โพธิ์ศรี ผอ.โรงเรียนบ้านพืชผล เผยว่า ขณะนี้ตนได้สั่งปิดโรงเรียนโดยไม่มีกำหนดจนกว่าน้ำจะลด
**ฤทธิ์นกเตนทำคนอุดรตาย1ศพ
ที่ จ.อุดรธานี นายเมธา ศิริรำไพวงศ์ นายอำเภอน้ำโสม ได้รับรายงานจากนายวันชัย คันที ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 6 ต.น้ำโสม อ.น้ำโสมว่า เมื่อเวลา 22.00น. คืนวันที่ 31 ก.ค.มีคนลื่นตกลงไปในลำห้วยน้ำโสมจมหายไปกับกระแสน้ำและขณะนี้ก็ยังหาศพผู้ตายยังไม่พบ สำหรับผู้เสียชีวิตทราบชื่อว่า นายทองม้วน โยธากุล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.6 บ้านโนนสวรรค์ ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่ริมห้วยน้ำโสมที่เกิดเหตุ
**รถไฟสายเหนือหยุดวิ่งชั่วคราว
ส่วนทางภาคเหนือก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะที่ จ.ลำปาง นายยศ อินทสุก วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางรถไฟเขตลำปาง ได้นำเจ้าหน้าที่กองช่าง เดินทางไปตามเส้นทางรถไฟ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 679 ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟขุนตาล-แม่ตาน้อย เขตบ้านแม่ตาลน้อย อ.ห้างฉัตร หลังรับแจ้งว่าจุดดังกล่าวได้เกิดดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทาง ก่อนเข้าอุโมงค์ขุนตาล ทำให้รถไฟไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ โดยรถขบวนแรกที่จอดที่จุดที่ดินถล่มตัวลงมาคือ ขบวนรถไฟด่วนพิเศษที่ 11 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่และคนขับต้องวิ่งย้อนกลับพาผู้โดยสารกว่า 122 คนมาที่สถานีรถไฟนครลำปางเพื่อให้ขึ้นรถบัสปรับอากาศเดินทางไปยังเชียงใหม่แทน
เมื่อเจ้าหน้าที่กองช่างของรถไฟเขตลำปางไปถึงได้เร่งนำดินออกจากเส้นทาง เพื่อให้เปิดเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถเปิดเส้นทางรถไฟที่ดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทางได้ แต่ขบวนรถไฟยังไม่สามารถสสิ่งตามปกได้ เนื่องจากบริเวณกิโลเมตรที่ 550 สถานีรถไฟบ้านบิน-แก่งหลวง เขต อ.ลอง จ.แพร่ น้ำป่าไหลาก เกิดท่วมรางรถไฟความสูงกว่า 20 เซ็นติเมตร ทำให้ทางกองบำรุงทางรถไฟเขตลำปาง ที่ดูแลเส้นทางรถไฟ ตั้งแต่พิษณุโลก มาจนถึงลำปาง ต้องประกาศหยุดเดินรถไฟในสายเหนือทุกขบวน
**ย้ายด่วนผู้อพยพศูนย์ฯแม่สุรินทร์
ขณะที่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทางอำเภอขุนยวมได้เร่งอพยพผู้หนีภัยจากการสู้รบที่ 2,047 คนที่อยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่สุรินทร์ ต.แม่เงา อ.ขุนยวม ให้มาอยู่บนพื้นที่สูงและได้สั่งปิดโรงเรียนภายในศูนย์ที่พักพิงฯ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ปริมาณน้ำในลำห้วยแม่สุรินทร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสถานการณ์น้ำใน อ.ปาย ยังน่าเป็นห่วงโดยระดับน้ำในแม่น้ำปายยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงเกสต์เฮ้าส์ และรีสอร์ต ที่อยู่บริเวณริมน้ำปายถูกน้ำท่วม 15 แห่งโดย อบต.เวียงใต้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขนย้ายข้าวของและเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติออกจาเกสต์เฮ้าส์ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
**จับตาแม่น้ำปิงล้นท่วมเมืองเชียงใหม่
นายสายชล เกตุเพชร หน.สำรวจอุทกวิทยา ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคเหนือตอนบน เผยว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำปิงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 18.00 น.(1ส.ค.) ที่สถานีวัดระดับน้ำ P1 สะพานนวรัฐ อ.เมือง วัดได้ 3.23 เมตร และปริมาณการไหลของน้ำประมาณ 349 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าในเวลา 03.00-04.00 น.วันที่ 2 ส.ค.ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในจุดวิกฤตที่ 3.70 เมตรที่สถานีวัดเชิงสะพานนวัฐ และจะส่งผลให้น้ำปิงล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำ ซึ่งศูนย์อุทกฯได้ประสานไปยัง ปภ.เชียงใหม่และเทศบาลนครเชียงใหม่ให้เตรียมความพร้อมรับมือแล้ว
**คาดอีก3วันนกเตนถึงจะหมดฤทธิ์
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ให้สัมภาษณ์ถึงอิทธิพลพายุโซนร้อนนกเตนว่า ขณะนี้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งหมด 10 จังหวัด อาทิ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี แพร่ น่าน ส่วนจังหวัดใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบจากเหตุฝนตกเช่นกันอาจกินบริเวณถึงภาคกลางถึง จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรีได้
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลอันดามันและปกคลุมพื้นที่อ่าวไทยตอนบนทำให้มีฝนตกหนักในบางจังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนได้เกือบ 100 มิลลิเมตร ส่วนความเสียหายที่ได้รับรายงานเบื้องต้นมีน้ำท่วมขังในเขตอำเภอเมืองหลายจังหวัด ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่อิทธิพลของพายุทั้งสองลูกไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทยมีเมื่อที่ผ่านมา ขณะที่ความช่วยเหลือ กรม ปภ.ได้ต้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันวาตภัยดินโคลนถล่มไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อประเมินสถานการณ์พายุที่จะเข้ามาในประเทศ และประสานไปยังอีก 11 ศูนย์อำนวยการฯทั่วประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากพายุทั้งสองลูก ให้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนทันที อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุทั้งสองลูกคาดว่าจะอ่อนกำลังลงในช่วง 3 วันนี้
อธิบดีกรม ปภ.กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังจับตาดูพายุตัวใหม่ที่กำลังก่อตัวชื่อ “มุยฟ้า”ซึ่งมีแนวโน้มเคลื่อนตัวมาจากประเทศไต้หวัน และอาจจะเข้าประเทศเวียดนามว่า จะเป็นพายุโซนร้อน หรือดีเปรสชั่น หรือมีผลกระทบกับประเทศไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งกรม ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเกาะติดพายุตัวนี้เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนจะมีการแจ้งประชาชนให้ทราบอีกครั้ง
**สธ.สั่งสำรองยา-แผนอพยพผู้ป่วย
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่นนกเตนว่า จากรายงานสำนักงานสาธารณสุขภูมิภาค ล่าสุดสถานการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ไม่มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนัก โดยเฉพาะ จ.หนองคาย ระดับน้ำท่วมสูงเริ่มลดลงต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเปิดศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังน้ำท่วม หรือ วอร์รูม
"แต่ก็ได้กำชับให้ทุกจังหวัดติดตามพยากรณ์อากาศและรายงานสถานการณ์น้ำท่วมทุกวัน โดยย้ำให้โรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และที่เคยถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปีก่อน เร่งดำเนินการแผนป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรับเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรน้ำ คาดการณ์ไว้ว่า ปีนี้ประเทศไทยจะมีฝนตกหนัก และพายุเข้าหลายระลอก นอกจากนี้ ยังให้เตรียมการและซักซ้อมแผนอพยพผู้ป่วย แผนเคลื่อนย้ายเครื่องมือแพทย์ รวมถึงสำรองยา ไฟฟ้าและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไว้ด้วย
**นายกฯสั่ง ปภ.เร่งช่วยน้ำท่วม
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข่าวหลังการประชุม ครม.วาระพิเศษว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งยังสั่งให้ส่วนราชการต่างๆ ประสานงานและดำเนินการเร่งรัดช่วยเหลือประชาชนและเร่งระบายน้ำ รวมทั้งยังระบุให้ผู้ว่าฯใช้งบฉุกเฉินไปช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว .
หลายจังหวัดส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือยังคงถูกน้ำท่วมอย่างหนัก อันเนื่องมาจากอิทธิพลพายุโซนร้อน"นกเตน"โดยเฉพาะที่ จ.หนองคาย หลังจากที่ตลอดทั้งคืนวันที่ 31 ก.ค.จนถึงวานนี้ (1 ส.ค.) ทางเทศบาลเมืองหนองคาย ได้เร่งระดมสูบน้ำลงแม่น้ำโขงจนทำให้ขณะนี้น้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ยังคงท่วมเป็นบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองหนองคาย ย่านธุรกิจ และสถานที่ราชการ และมีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ 4 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา โรงเรียนเทศบาล 4 ฉลองรัตน โรงเรียนฮั่วเคียวกงฮัก โรงเรียนอนุบาลนิจจานุเคราะห์ และได้ประกาศหยุดเรียนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหนองคายหลายร้อยหลังคาเรือนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมี 30 ครอบครัวต้องอพยพข้าวของมาอาศัยอยู่ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองหนองคาย เนื่องจากน้ำท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตร
นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า อิทธิพลของพายุนกเตน ได้ส่งผลกระทบกับ จ.หนองคาย เป็นอย่างมาก ทำให้ฝนตกหนักจนตั้งรับไม่ทัน ซึ่งจากสภาพน้ำท่วมในใจกลางเมืองหนองคายช่วง 2 วันที่ผ่านมาทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทักภัยนั้นตนได้สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
**นครพนมสั่งปิดเรียนจนกว่าน้ำลด
ส่วน จ.นครพนม น้ำป่าจากเทือกเขาภูลังกาได้ไหลทะลักลงมาจากสันเขาอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถระบายสู่น้ำโขงได้ ส่งผลให้เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขต ต.นางัว และ ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง โดยที่บ้านพืชผล ต.นางัว กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนในหมู่บ้าน และที่หนักที่สุดน้ำยังทะลักท่วมบริเวณโรงเรียนบ้านพืชผลตั้งแต่อาคารเรียน โรงอาหาร สนามกีฬา ห้องน้ำจมใต้น้ำลึก 40-50 ซม. นายทินกร โพธิ์ศรี ผอ.โรงเรียนบ้านพืชผล เผยว่า ขณะนี้ตนได้สั่งปิดโรงเรียนโดยไม่มีกำหนดจนกว่าน้ำจะลด
**ฤทธิ์นกเตนทำคนอุดรตาย1ศพ
ที่ จ.อุดรธานี นายเมธา ศิริรำไพวงศ์ นายอำเภอน้ำโสม ได้รับรายงานจากนายวันชัย คันที ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 6 ต.น้ำโสม อ.น้ำโสมว่า เมื่อเวลา 22.00น. คืนวันที่ 31 ก.ค.มีคนลื่นตกลงไปในลำห้วยน้ำโสมจมหายไปกับกระแสน้ำและขณะนี้ก็ยังหาศพผู้ตายยังไม่พบ สำหรับผู้เสียชีวิตทราบชื่อว่า นายทองม้วน โยธากุล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.6 บ้านโนนสวรรค์ ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่ริมห้วยน้ำโสมที่เกิดเหตุ
**รถไฟสายเหนือหยุดวิ่งชั่วคราว
ส่วนทางภาคเหนือก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะที่ จ.ลำปาง นายยศ อินทสุก วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางรถไฟเขตลำปาง ได้นำเจ้าหน้าที่กองช่าง เดินทางไปตามเส้นทางรถไฟ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 679 ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟขุนตาล-แม่ตาน้อย เขตบ้านแม่ตาลน้อย อ.ห้างฉัตร หลังรับแจ้งว่าจุดดังกล่าวได้เกิดดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทาง ก่อนเข้าอุโมงค์ขุนตาล ทำให้รถไฟไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ โดยรถขบวนแรกที่จอดที่จุดที่ดินถล่มตัวลงมาคือ ขบวนรถไฟด่วนพิเศษที่ 11 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่และคนขับต้องวิ่งย้อนกลับพาผู้โดยสารกว่า 122 คนมาที่สถานีรถไฟนครลำปางเพื่อให้ขึ้นรถบัสปรับอากาศเดินทางไปยังเชียงใหม่แทน
เมื่อเจ้าหน้าที่กองช่างของรถไฟเขตลำปางไปถึงได้เร่งนำดินออกจากเส้นทาง เพื่อให้เปิดเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถเปิดเส้นทางรถไฟที่ดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทางได้ แต่ขบวนรถไฟยังไม่สามารถสสิ่งตามปกได้ เนื่องจากบริเวณกิโลเมตรที่ 550 สถานีรถไฟบ้านบิน-แก่งหลวง เขต อ.ลอง จ.แพร่ น้ำป่าไหลาก เกิดท่วมรางรถไฟความสูงกว่า 20 เซ็นติเมตร ทำให้ทางกองบำรุงทางรถไฟเขตลำปาง ที่ดูแลเส้นทางรถไฟ ตั้งแต่พิษณุโลก มาจนถึงลำปาง ต้องประกาศหยุดเดินรถไฟในสายเหนือทุกขบวน
**ย้ายด่วนผู้อพยพศูนย์ฯแม่สุรินทร์
ขณะที่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทางอำเภอขุนยวมได้เร่งอพยพผู้หนีภัยจากการสู้รบที่ 2,047 คนที่อยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่สุรินทร์ ต.แม่เงา อ.ขุนยวม ให้มาอยู่บนพื้นที่สูงและได้สั่งปิดโรงเรียนภายในศูนย์ที่พักพิงฯ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ปริมาณน้ำในลำห้วยแม่สุรินทร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสถานการณ์น้ำใน อ.ปาย ยังน่าเป็นห่วงโดยระดับน้ำในแม่น้ำปายยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงเกสต์เฮ้าส์ และรีสอร์ต ที่อยู่บริเวณริมน้ำปายถูกน้ำท่วม 15 แห่งโดย อบต.เวียงใต้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขนย้ายข้าวของและเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติออกจาเกสต์เฮ้าส์ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
**จับตาแม่น้ำปิงล้นท่วมเมืองเชียงใหม่
นายสายชล เกตุเพชร หน.สำรวจอุทกวิทยา ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคเหนือตอนบน เผยว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำปิงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 18.00 น.(1ส.ค.) ที่สถานีวัดระดับน้ำ P1 สะพานนวรัฐ อ.เมือง วัดได้ 3.23 เมตร และปริมาณการไหลของน้ำประมาณ 349 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าในเวลา 03.00-04.00 น.วันที่ 2 ส.ค.ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในจุดวิกฤตที่ 3.70 เมตรที่สถานีวัดเชิงสะพานนวัฐ และจะส่งผลให้น้ำปิงล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำ ซึ่งศูนย์อุทกฯได้ประสานไปยัง ปภ.เชียงใหม่และเทศบาลนครเชียงใหม่ให้เตรียมความพร้อมรับมือแล้ว
**คาดอีก3วันนกเตนถึงจะหมดฤทธิ์
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ให้สัมภาษณ์ถึงอิทธิพลพายุโซนร้อนนกเตนว่า ขณะนี้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งหมด 10 จังหวัด อาทิ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี แพร่ น่าน ส่วนจังหวัดใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบจากเหตุฝนตกเช่นกันอาจกินบริเวณถึงภาคกลางถึง จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรีได้
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลอันดามันและปกคลุมพื้นที่อ่าวไทยตอนบนทำให้มีฝนตกหนักในบางจังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนได้เกือบ 100 มิลลิเมตร ส่วนความเสียหายที่ได้รับรายงานเบื้องต้นมีน้ำท่วมขังในเขตอำเภอเมืองหลายจังหวัด ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่อิทธิพลของพายุทั้งสองลูกไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทยมีเมื่อที่ผ่านมา ขณะที่ความช่วยเหลือ กรม ปภ.ได้ต้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันวาตภัยดินโคลนถล่มไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อประเมินสถานการณ์พายุที่จะเข้ามาในประเทศ และประสานไปยังอีก 11 ศูนย์อำนวยการฯทั่วประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากพายุทั้งสองลูก ให้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนทันที อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุทั้งสองลูกคาดว่าจะอ่อนกำลังลงในช่วง 3 วันนี้
อธิบดีกรม ปภ.กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังจับตาดูพายุตัวใหม่ที่กำลังก่อตัวชื่อ “มุยฟ้า”ซึ่งมีแนวโน้มเคลื่อนตัวมาจากประเทศไต้หวัน และอาจจะเข้าประเทศเวียดนามว่า จะเป็นพายุโซนร้อน หรือดีเปรสชั่น หรือมีผลกระทบกับประเทศไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งกรม ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเกาะติดพายุตัวนี้เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนจะมีการแจ้งประชาชนให้ทราบอีกครั้ง
**สธ.สั่งสำรองยา-แผนอพยพผู้ป่วย
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่นนกเตนว่า จากรายงานสำนักงานสาธารณสุขภูมิภาค ล่าสุดสถานการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ไม่มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนัก โดยเฉพาะ จ.หนองคาย ระดับน้ำท่วมสูงเริ่มลดลงต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเปิดศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังน้ำท่วม หรือ วอร์รูม
"แต่ก็ได้กำชับให้ทุกจังหวัดติดตามพยากรณ์อากาศและรายงานสถานการณ์น้ำท่วมทุกวัน โดยย้ำให้โรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และที่เคยถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปีก่อน เร่งดำเนินการแผนป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรับเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรน้ำ คาดการณ์ไว้ว่า ปีนี้ประเทศไทยจะมีฝนตกหนัก และพายุเข้าหลายระลอก นอกจากนี้ ยังให้เตรียมการและซักซ้อมแผนอพยพผู้ป่วย แผนเคลื่อนย้ายเครื่องมือแพทย์ รวมถึงสำรองยา ไฟฟ้าและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไว้ด้วย
**นายกฯสั่ง ปภ.เร่งช่วยน้ำท่วม
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข่าวหลังการประชุม ครม.วาระพิเศษว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งยังสั่งให้ส่วนราชการต่างๆ ประสานงานและดำเนินการเร่งรัดช่วยเหลือประชาชนและเร่งระบายน้ำ รวมทั้งยังระบุให้ผู้ว่าฯใช้งบฉุกเฉินไปช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว .