วานนี้ (31 ก.ค.) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องโผคณะรัฐมนตรี ในสายตาของสาธารณชน พบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาจำนวนมาก หรือร้อยละ 44.0 คิดว่ากระแสการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ของว่าที่นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แรงขึ้นในขณะที่ร้อยละ 42.9 คิดว่ากระแสแรงเท่าเดิม และร้อยละ 13.1 คิดว่าลดลง
สำหรับตัวเก็งคณะบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรี และงานสำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 61.7 ระบุเป็น นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ รองลงมาคือร้อยละ 56.6 ระบุ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรัฐมนตรี ดูแลระบบงานตำรวจ ร้อยละ 54.8 ระบุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
ร้อยละ 54.2 ระบุ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 52.7 ระบุนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ดูแลกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 51.5 ระบุ นายธีระ วงศ์สมุทร ดูแลงานเกษตรและสหกรณ์
ร้อยละ 50.3 ระบุ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ดูแลด้านความมั่นคง ร้อยละ 49.6 ระบุนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดูแลกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 46.6 ระบุนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ดูแลกระทรวงพลังงาน ร้อยละ 44.3 ระบุ นายดอน ปรมัตวินัย ดูแลกระทรวงการต่างประเทศ ร้อยละ 41.4 ระบุ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ดูแลด้านเศรษฐกิจ และร้อยละ 36.9 ระบุ นายวิกรม คุ้มไพโรจน์ ดูแลงานการต่างประเทศ ตามลำดับ
** รัฐบาลต้องทำตามสัญญา
เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะของประชาชนต่อว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.6 ระบุ ทำให้ได้อย่างที่เคยพูดทันที สัญญาอะไรและหาเสียงไว้กับประชาชนทำให้ได้ตามนั้น
ร้อยละ 78.0 ระบุเร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้อง เพิ่มรายได้ของประชาชน ร้อยละ 76.2 ระบุมุ่งทำให้คนในชาติเป็นหนึ่งเดียว เช่น เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่แสดงความจงรักภักดี / ปฏิรูปงานยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ / ยึดมั่นในกฎหมายมากกว่ากฎหมู่ ร้อยละ 53.3 ระบุให้ช่วยเหลือเกษตรกร เช่น ที่ทำกิน ราคาพืชผลทางการเกษตร และร้อยละ 52.1 ระบุขอให้แสดงความเป็นผู้นำ เด็ดขาด สามารถควบคุมความวุ่นวายต่างๆ ได้มากกว่านี้
** คนไทยขอเพลง"รักกันไว้เถิด"
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามประชาชนถึง “เพลงปลุกใจ" ที่ชื่นชอบ อยากฟังในช่วงเวลานี้โดยตอบได้มากกว่า 1 เพลง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.4 ระบุเป็นเพลง “รักกันไว้เถิด" รองลงมาคือ ร้อยละ 23.1 ระบุเพลง ตื่นเถิดชาวไทย ร้อยละ 22.4 ระบุเพลง เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย ร้อยละ 22.2 ระบุเพลงขวานไทยใจหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ อันดับรองๆ ลงไปที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกได้แก่ บทเพลง เราสู้ เลือดสุพรรณ ต้นตระกูลไทย แผ่นดินของเรา พลังสามัคคี และหนักแผ่นดิน ตามลำดับ
** "ยิ่งลักษณ์"เผชิญคลื่น 3 ลูก
ดร.นพดล กล่าวว่า ความสนใจของสาธารณชนต่อการจัดโผคณะรัฐมนตรี ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดอาการแกว่งตัวของฝ่ายการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด สยบคลื่นลมต่างๆ ด้วยตนเอง เพราะตอนนี้กำลังเผชิญคลื่นลูกแรกที่ “แย่งชิงอำนาจทางการเมือง" เพื่อเป็นรัฐมนตรี
คลื่นลูกที่สองคือ การวิ่งเต้นเข้าหาขั้วอำนาจ ของบรรดาข้าราชการประจำด้วยความพร้อมที่จะเข้ากราบไหว้ เคารพยกย่องรัฐมนตรีเพื่อให้ได้ตำแหน่งบริหารประจำหน่วยงานราชการ
แต่คลื่นลูกที่สามและสี่จะใหญ่โตมากกว่าคือ การแสวงหาผลประโยชน์ทั้ง “อำนาจเงิน" และ “การสนองตอบกิเลส ตัณหา" ของบรรดารัฐมนตรีและผู้ติดตามที่เข้ามากันเป็นเครือข่าย ด้วยการสนับสนุนค้ำชูของบรรดาข้าราชการประจำที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจนคนไทยจะเห็นภาพของ “ทีใครทีมัน" และความกร่าง เจ้ายศเจ้าอย่าง ยกตนข่มท่านของผู้มีอำนาจที่เกิดขึ้นในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
**ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในครม.
ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวต่อว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ น่าจะใช้โอกาสนี้จัดบ้านใหม่ ลบล้างภาพลักษณ์ในทางลบที่คนในสังคมเคลือบแคลงสงสัยตามที่กล่าวมา โดยแนะให้ดำเนินการ 3 เร่ง ได้แก่ เร่งทำวิจัยตลาดผลิตภัณฑ์รัฐมนตรีล็อตแรก หรือว่าที่ ครม.ปู 1 กับกลุ่มเป้าหมายทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อมวลชน ข้าราชการแต่ละหน่วยงาน และประชาชนทั่วไป เพื่อดูว่าผู้บริโภคจะซื้อหรือไม่ กับโผรายชื่อตัวเก็งผู้จะมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มยอดขายฐานสนับสนุนรัฐบาล ลดแรงเสียดทานหรือกระแสยี้ และลดความกังวลที่ผู้วิจัยค้นพบต่อภาพที่ไม่อยากให้เกิดคือ ภาพของว่าที่นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องคอยจับลูกปูใส่กระด้ง ดังนั้น สถานการณ์การเมืองขณะนี้ แม่ปูต้องควบคุมได้จริง
เร่งทำให้ทุกคนทั้งผู้ที่ “เลือก" และ “ไม่เลือก" รัฐบาลเกิดความวางใจ (TRUST) ว่าพวกเขาทุกคนจะได้รับสิ่งที่คนอื่นๆ ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยปลด “อคติแห่งนครา" จากแรงกดดันสารพัดรูปแบบในการออกนโยบายแห่งรัฐ ทำให้สาธารณชนเห็นว่าพวกเขากำลังจะได้ผู้นำประเทศตัวจริงไม่เป็นร่างทรงของคนอื่นทั้งครอบครัวเครือญาติ พวกพ้องและกลุ่มนายทุน และ เร่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีศูนย์รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวตามบทเพลงปลุกใจ “รักกันไว้เถิด" ที่ค้นพบในผลสำรวจครั้งนี้
** ดุสิตโพลชี้ ปชช.รอดู 5 รมต.
จากที่ กกต.ได้ประกาศผลรับรอง ส.ส. ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต 496 คน ซึ่งถือว่าได้เกิน 95 % ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทำให้การเปิดประชุมสภาผู้แทนฯ สามารถเปิดประชุมได้ตามระยะเวลาที่กำหนด คือวันที่ 1 สิงหาคมนี้ หลังจากนั้นในที่ประชุมสภาก็จะมีการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและการสรรหารัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยกันบริหารบ้านเมืองต่อไป
โดยประชาชนส่วนใหญ่ต่างหวังว่าการสรรหารัฐมนตรีใน"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ครั้งนี้จะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,832 คน ระหว่างวันที่ 25-30 กรกฎาคม 2554 สรุปผล ดังนี้
1) “5 กระทรวง” ที่ประชาชนสนใจในการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมต. มากที่สุด
อันดับ 1 กระทรวงมหาดไทย 77.89 % เพราะเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทและมีอำนาจมากในการปกครองบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เป็นตำแหน่งสำคัญที่นักการเมืองต้องการ ฯลฯ
อันดับ 2 กระทรวงการคลัง 72.03 % เพราะ เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินของประเทศและปากท้องประชาชน ผู้ที่จะเข้ามาจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ฯลฯ
อันดับ 3 กระทรวงกลาโหม 70.00 % เพราะทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเร่งด่วน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการสร้างขวัญกำลังให้กับกองทัพหลังเหตุการณ์เครื่องบินตก ฯลฯ
อันดับ 4 กระทรวงศึกษาธิการ 67.93 % เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ อยากเห็นการปฏิรูปการศึกษาสำเร็จเป็นรูปธรรม ฯลฯ
อันดับ 5 กระทรวงพาณิชย์ 56.46 % เพราะทำหน้าที่ดูแล ควบคุมราคาสินค้า ,อยากให้มีนโยบายปรับลดราคาสินค้าเพื่อลดภาระของประชาชน ฯลฯ
** ต้องซื่อสัตย์ ไมคอร์รัปชัน
2) “คุณสมบัติที่ดี” ของ “รัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ
อันดับ 1 เป็นคนดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกินบ้านเมือง 42.55 %
อันดับ 2 มีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับ น่าเชื่อถือ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 23.62 %
อันดับ 3 มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ 14.90 %
อันดับ 4 มีนโยบายการทำงานที่ชัดเจน ทำงานเพื่อส่วนรวม นึกถึงประชาชนเป็นสำคัญ 14.25 %
อันดับ 5 ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์หรือทำงานในกระทรวงที่จะมาดำรงตำแหน่ง มีความเข้าใจในองค์กร 4.68 %
การสรรหารัฐมนตรี : 2
3) ทำไม ? การสรรหารัฐมนตรีที่ดี และมีความรู้ความสามารถจึงทำได้ยาก
อันดับ 1 มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความเป็นอาวุโสภายในพรรค มีคุณประโยชน์กับพรรคมานาน 50.61 %
อันดับ 2 ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถไม่ต้องการที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง 18.29 %
อันดับ 3 การจัดสรรตำแหน่งต้องดูจากโควตา ระบบสัดส่วน จำนวนที่นั่ง ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ละพรรคที่ได้ 16.46 %
อันดับ 4 กระทรวงสำคัญ ๆมักเป็นของพรรคแกนนำรัฐบาลที่ได้รับเสียงข้างมากเป็นผู้จัดสรรเอง 7.93 %
อันดับ 5 ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือไม่มีประสบการณ์ในกระทรวงนั้น ๆ เป็นคนจากภายนอกเข้ามา 6.71 %
4) “ความคาดหวัง” ของประชาชน ต่อ รัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
อันดับ 1 คงจะสมหวัง 52.91 % เพราะรัฐบาลมี ส.ส.เก่งและมีความรู้ความสามารถให้เลือกสรรอยู่มาก ,ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก และมีประสบการณ์ทางการเมืองมานาน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่น่าสมหวัง 21.97 % เพราะจากกระแสข่าวหรือจากคำบอกเล่าของ ส.ส.ภายในพรรคจะเห็นได้ว่ามีการวางตัว ว่าที่ รมต.ไว้แล้ว โดยการตัดสินใจไม่ได้มาจากความเห็นส่วนใหญ่จาก ส.ส.ในรัฐบาล ฯลฯ
อันดับ 3 สมหวังแน่นอน 13.01 % เพราะตำแหน่ง รมต.ในแต่ละกระทรวงมีความสำคัญและเป็นการเริ่มต้นในการบริหารประเทศของรัฐบาล หากเลือก รมต. ที่ดีและเป็นที่ตรงใจของประชาชนก็จะช่วยลดกระแสการถูกคัดค้านลงได้ ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่สมหวัง 12.11% เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้ เปลี่ยนไปมาก ไม่มีความแน่นอน ,ปัญหาเดิมในแต่ละกระทรวงที่ยังแก้ไม่ได้ ยังคงคั่งค้างอยู่มาก ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำงานก็เป็นเรื่องที่ยาก ,ไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ฯลฯ
สำหรับตัวเก็งคณะบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรี และงานสำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 61.7 ระบุเป็น นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ รองลงมาคือร้อยละ 56.6 ระบุ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรัฐมนตรี ดูแลระบบงานตำรวจ ร้อยละ 54.8 ระบุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
ร้อยละ 54.2 ระบุ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 52.7 ระบุนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ดูแลกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 51.5 ระบุ นายธีระ วงศ์สมุทร ดูแลงานเกษตรและสหกรณ์
ร้อยละ 50.3 ระบุ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ดูแลด้านความมั่นคง ร้อยละ 49.6 ระบุนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดูแลกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 46.6 ระบุนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ดูแลกระทรวงพลังงาน ร้อยละ 44.3 ระบุ นายดอน ปรมัตวินัย ดูแลกระทรวงการต่างประเทศ ร้อยละ 41.4 ระบุ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ดูแลด้านเศรษฐกิจ และร้อยละ 36.9 ระบุ นายวิกรม คุ้มไพโรจน์ ดูแลงานการต่างประเทศ ตามลำดับ
** รัฐบาลต้องทำตามสัญญา
เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะของประชาชนต่อว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.6 ระบุ ทำให้ได้อย่างที่เคยพูดทันที สัญญาอะไรและหาเสียงไว้กับประชาชนทำให้ได้ตามนั้น
ร้อยละ 78.0 ระบุเร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้อง เพิ่มรายได้ของประชาชน ร้อยละ 76.2 ระบุมุ่งทำให้คนในชาติเป็นหนึ่งเดียว เช่น เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่แสดงความจงรักภักดี / ปฏิรูปงานยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ / ยึดมั่นในกฎหมายมากกว่ากฎหมู่ ร้อยละ 53.3 ระบุให้ช่วยเหลือเกษตรกร เช่น ที่ทำกิน ราคาพืชผลทางการเกษตร และร้อยละ 52.1 ระบุขอให้แสดงความเป็นผู้นำ เด็ดขาด สามารถควบคุมความวุ่นวายต่างๆ ได้มากกว่านี้
** คนไทยขอเพลง"รักกันไว้เถิด"
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามประชาชนถึง “เพลงปลุกใจ" ที่ชื่นชอบ อยากฟังในช่วงเวลานี้โดยตอบได้มากกว่า 1 เพลง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.4 ระบุเป็นเพลง “รักกันไว้เถิด" รองลงมาคือ ร้อยละ 23.1 ระบุเพลง ตื่นเถิดชาวไทย ร้อยละ 22.4 ระบุเพลง เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย ร้อยละ 22.2 ระบุเพลงขวานไทยใจหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ อันดับรองๆ ลงไปที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกได้แก่ บทเพลง เราสู้ เลือดสุพรรณ ต้นตระกูลไทย แผ่นดินของเรา พลังสามัคคี และหนักแผ่นดิน ตามลำดับ
** "ยิ่งลักษณ์"เผชิญคลื่น 3 ลูก
ดร.นพดล กล่าวว่า ความสนใจของสาธารณชนต่อการจัดโผคณะรัฐมนตรี ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดอาการแกว่งตัวของฝ่ายการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด สยบคลื่นลมต่างๆ ด้วยตนเอง เพราะตอนนี้กำลังเผชิญคลื่นลูกแรกที่ “แย่งชิงอำนาจทางการเมือง" เพื่อเป็นรัฐมนตรี
คลื่นลูกที่สองคือ การวิ่งเต้นเข้าหาขั้วอำนาจ ของบรรดาข้าราชการประจำด้วยความพร้อมที่จะเข้ากราบไหว้ เคารพยกย่องรัฐมนตรีเพื่อให้ได้ตำแหน่งบริหารประจำหน่วยงานราชการ
แต่คลื่นลูกที่สามและสี่จะใหญ่โตมากกว่าคือ การแสวงหาผลประโยชน์ทั้ง “อำนาจเงิน" และ “การสนองตอบกิเลส ตัณหา" ของบรรดารัฐมนตรีและผู้ติดตามที่เข้ามากันเป็นเครือข่าย ด้วยการสนับสนุนค้ำชูของบรรดาข้าราชการประจำที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจนคนไทยจะเห็นภาพของ “ทีใครทีมัน" และความกร่าง เจ้ายศเจ้าอย่าง ยกตนข่มท่านของผู้มีอำนาจที่เกิดขึ้นในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
**ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในครม.
ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวต่อว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ น่าจะใช้โอกาสนี้จัดบ้านใหม่ ลบล้างภาพลักษณ์ในทางลบที่คนในสังคมเคลือบแคลงสงสัยตามที่กล่าวมา โดยแนะให้ดำเนินการ 3 เร่ง ได้แก่ เร่งทำวิจัยตลาดผลิตภัณฑ์รัฐมนตรีล็อตแรก หรือว่าที่ ครม.ปู 1 กับกลุ่มเป้าหมายทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อมวลชน ข้าราชการแต่ละหน่วยงาน และประชาชนทั่วไป เพื่อดูว่าผู้บริโภคจะซื้อหรือไม่ กับโผรายชื่อตัวเก็งผู้จะมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มยอดขายฐานสนับสนุนรัฐบาล ลดแรงเสียดทานหรือกระแสยี้ และลดความกังวลที่ผู้วิจัยค้นพบต่อภาพที่ไม่อยากให้เกิดคือ ภาพของว่าที่นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องคอยจับลูกปูใส่กระด้ง ดังนั้น สถานการณ์การเมืองขณะนี้ แม่ปูต้องควบคุมได้จริง
เร่งทำให้ทุกคนทั้งผู้ที่ “เลือก" และ “ไม่เลือก" รัฐบาลเกิดความวางใจ (TRUST) ว่าพวกเขาทุกคนจะได้รับสิ่งที่คนอื่นๆ ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยปลด “อคติแห่งนครา" จากแรงกดดันสารพัดรูปแบบในการออกนโยบายแห่งรัฐ ทำให้สาธารณชนเห็นว่าพวกเขากำลังจะได้ผู้นำประเทศตัวจริงไม่เป็นร่างทรงของคนอื่นทั้งครอบครัวเครือญาติ พวกพ้องและกลุ่มนายทุน และ เร่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีศูนย์รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวตามบทเพลงปลุกใจ “รักกันไว้เถิด" ที่ค้นพบในผลสำรวจครั้งนี้
** ดุสิตโพลชี้ ปชช.รอดู 5 รมต.
จากที่ กกต.ได้ประกาศผลรับรอง ส.ส. ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต 496 คน ซึ่งถือว่าได้เกิน 95 % ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทำให้การเปิดประชุมสภาผู้แทนฯ สามารถเปิดประชุมได้ตามระยะเวลาที่กำหนด คือวันที่ 1 สิงหาคมนี้ หลังจากนั้นในที่ประชุมสภาก็จะมีการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและการสรรหารัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยกันบริหารบ้านเมืองต่อไป
โดยประชาชนส่วนใหญ่ต่างหวังว่าการสรรหารัฐมนตรีใน"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ครั้งนี้จะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,832 คน ระหว่างวันที่ 25-30 กรกฎาคม 2554 สรุปผล ดังนี้
1) “5 กระทรวง” ที่ประชาชนสนใจในการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมต. มากที่สุด
อันดับ 1 กระทรวงมหาดไทย 77.89 % เพราะเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทและมีอำนาจมากในการปกครองบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เป็นตำแหน่งสำคัญที่นักการเมืองต้องการ ฯลฯ
อันดับ 2 กระทรวงการคลัง 72.03 % เพราะ เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินของประเทศและปากท้องประชาชน ผู้ที่จะเข้ามาจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ฯลฯ
อันดับ 3 กระทรวงกลาโหม 70.00 % เพราะทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเร่งด่วน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการสร้างขวัญกำลังให้กับกองทัพหลังเหตุการณ์เครื่องบินตก ฯลฯ
อันดับ 4 กระทรวงศึกษาธิการ 67.93 % เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ อยากเห็นการปฏิรูปการศึกษาสำเร็จเป็นรูปธรรม ฯลฯ
อันดับ 5 กระทรวงพาณิชย์ 56.46 % เพราะทำหน้าที่ดูแล ควบคุมราคาสินค้า ,อยากให้มีนโยบายปรับลดราคาสินค้าเพื่อลดภาระของประชาชน ฯลฯ
** ต้องซื่อสัตย์ ไมคอร์รัปชัน
2) “คุณสมบัติที่ดี” ของ “รัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ
อันดับ 1 เป็นคนดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกินบ้านเมือง 42.55 %
อันดับ 2 มีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับ น่าเชื่อถือ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 23.62 %
อันดับ 3 มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ 14.90 %
อันดับ 4 มีนโยบายการทำงานที่ชัดเจน ทำงานเพื่อส่วนรวม นึกถึงประชาชนเป็นสำคัญ 14.25 %
อันดับ 5 ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์หรือทำงานในกระทรวงที่จะมาดำรงตำแหน่ง มีความเข้าใจในองค์กร 4.68 %
การสรรหารัฐมนตรี : 2
3) ทำไม ? การสรรหารัฐมนตรีที่ดี และมีความรู้ความสามารถจึงทำได้ยาก
อันดับ 1 มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความเป็นอาวุโสภายในพรรค มีคุณประโยชน์กับพรรคมานาน 50.61 %
อันดับ 2 ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถไม่ต้องการที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง 18.29 %
อันดับ 3 การจัดสรรตำแหน่งต้องดูจากโควตา ระบบสัดส่วน จำนวนที่นั่ง ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ละพรรคที่ได้ 16.46 %
อันดับ 4 กระทรวงสำคัญ ๆมักเป็นของพรรคแกนนำรัฐบาลที่ได้รับเสียงข้างมากเป็นผู้จัดสรรเอง 7.93 %
อันดับ 5 ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือไม่มีประสบการณ์ในกระทรวงนั้น ๆ เป็นคนจากภายนอกเข้ามา 6.71 %
4) “ความคาดหวัง” ของประชาชน ต่อ รัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
อันดับ 1 คงจะสมหวัง 52.91 % เพราะรัฐบาลมี ส.ส.เก่งและมีความรู้ความสามารถให้เลือกสรรอยู่มาก ,ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก และมีประสบการณ์ทางการเมืองมานาน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่น่าสมหวัง 21.97 % เพราะจากกระแสข่าวหรือจากคำบอกเล่าของ ส.ส.ภายในพรรคจะเห็นได้ว่ามีการวางตัว ว่าที่ รมต.ไว้แล้ว โดยการตัดสินใจไม่ได้มาจากความเห็นส่วนใหญ่จาก ส.ส.ในรัฐบาล ฯลฯ
อันดับ 3 สมหวังแน่นอน 13.01 % เพราะตำแหน่ง รมต.ในแต่ละกระทรวงมีความสำคัญและเป็นการเริ่มต้นในการบริหารประเทศของรัฐบาล หากเลือก รมต. ที่ดีและเป็นที่ตรงใจของประชาชนก็จะช่วยลดกระแสการถูกคัดค้านลงได้ ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่สมหวัง 12.11% เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้ เปลี่ยนไปมาก ไม่มีความแน่นอน ,ปัญหาเดิมในแต่ละกระทรวงที่ยังแก้ไม่ได้ ยังคงคั่งค้างอยู่มาก ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำงานก็เป็นเรื่องที่ยาก ,ไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ฯลฯ