“ปัญญาพลวัตร”
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ผมสันนิษฐานว่าการจัดงานวันเกิดในสังคมไทยคงได้รับอิทธิพลทางวิธีคิดจากประเทศตะวันตก แล้วมาปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับวิถีความเชื่อทางศาสนาของสังคมไทย โดยปกติพิธีกรรมหลักในการจัดงานวันเกิดของฝรั่งประกอบด้วย เจ้าของวันเกิด ญาติมิตรเพื่อนฝูง ขนมเค้ก เทียน การเป่าเทียน การร้องเพลง ของขวัญ การกล่าวอวยพร และงานเลี้ยง
สำหรับการจัดงานวันเกิดในสังคมไทย บางส่วนก็ดำเนินการในแบบแผนเช่นเดียวกับพิธีกรรมของตะวันตกแต่คนไทยบางส่วนก็จะมีพิธีกรรมทางศาสนาประกอบด้วย เช่น การทำบุญตักบาตร การไปถวายสังฆทานตามวัดต่างๆ การปล่อยนก ปล่อยปลา และการนิมนต์พระมาสวดมนต์อวยพรหรือสืบชะตาชีวิต เป็นต้น หรืออาจมีกิจกรรมอื่นๆตามแต่เจ้าของวันเกิดและญาติมิตรจะสรรสร้างขึ้นมา
ความปรารถนาของผู้คนที่จัดงานวันเกิดคงมีความหลากหลายซึ่งมาจากรากฐานทางความคิดและความเชื่อของคนผู้นั้น แต่ผมคิดว่ารากฐานสำคัญทางความเชื่อที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งอยู่ในระดับใต้สำนึกของเจ้าของวันเกิดที่จัดงานวันเกิดของตนเองคือ ความเชื่อที่ว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือที่เรียกว่า “ตัวตนนิยม” ความเชื่อนี้สะท้อนความหลงในตัวตนของตัวเองอย่างคลั่งไคล้และงมงาย
ผู้จัดงานวันเกิดที่มีความเชื่อนี้เป็นแรงผลักดัน จะมีพิธีกรรมการจัดงานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ มีการตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงคนเป็นจำนวนมาก บางคนอาจมีการจัดแสดงมหรสพประกอบงาน พิธีกรรมการจัดงานวันเกิดในลักษณะนี้มีหน้าที่ทางสังคมคือ เป็นการแสดงให้ถึงขอบเขตอำนาจและอิทธิพลของผู้จัด หากมีผู้คนเข้ามาร่วมงานมาก ย่อมแสดงให้ว่าผู้จัดเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสังคมสูง
นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจไทยจำนวนมาก มักใช้พิธีกรรมและงานเลี้ยงวันเกิดเแสดงออกถึงสถานภาพทางอำนาจและความมั่งคั่งของตนเอง
ส่วนคนสามัญธรรมดาทั่วไปมักจัดงานวันเกิดเพื่อเลี้ยงฉลองในแวดวงญาติมิตรและเพื่อนฝูง หากเป็นกลุ่มวัยรุ่นก็จะเน้นหนักในเรื่องการดื่มกินและเมา ส่วนหากเป็นวัยผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเน้นการพบปะสังสรรค์ระหว่างญาติมิตรเพื่อนฝูง
การจัดงานวันเกิดนอกจากเจ้าของวันเกิดจะเป็นผู้จัดเองแล้ว บางครั้งก็อาจมีผู้อื่นจัดให้ เช่น การจัดงานวันเกิดในครอบครัว พ่อแม่อาจจัดงานวันเกิดให้ลูก หรือ ลูกอาจจัดงานวันเกิดให้พ่อแม่ ในหน่วยงานองค์การต่างๆ ลูกน้องอาจจัดงานวันเกิดให้เจ้านาย หรือ เพื่อนจัดให้เพื่อน ในสังคมประชาชนอาจจัดงานวันเกิดให้แก่ประมุขของสังคมนั้น เป็นต้น
ผู้คนที่จัดงานวันเกิดให้บุคคลอื่น ย่อมมีความคิดว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของวันเกิดเป็นคนสำคัญต่อตนเอง เป็นคนที่ตนเองรัก นับถือ หรือ บูชา
กรณีประเทศไทยในอดีตเท่าที่ผมจำความได้ การที่ผู้คนในสังคมจัดงานวันเกิดให้กับบุคคลสาธารณะในวงกว้างมีกรณีเดียวคือ การจัดงานวันเกิดแด่องค์ประมุขของประเทศ
แต่ในระยะสองสามปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นในสังคมไทย คือ มีคนไทยจำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหลายจังหวัดซึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่มเสื้อแดง หรือ ไพร่แดง ร่วมกันจัดงานวันเกิดให้กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันคืออาชญากรหนีคำพิพากษาของศาล
ลักษณะการจัดงานของแต่ละจังหวัดมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่มีจุดร่วมคือ ต้องมีรูปของทักษิณ ชินวัตรประกอบในงาน บางกลุ่มจัดเป็นงานเลี้ยงมีการเป่าเทียน รับประทานขนมเค้กแบบฝรั่ง บางกลุ่มมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำบุญตักบาตร นิมนต์พระมาสวด เพื่อให้ทักษิณ พ้นเคราะห์กรรม เช่น ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มเสื้อแดงพร้อมใจนุ่งขาวห่มขาว เดินทางมาร่วมทำบุญ และหวังจะช่วยให้ ทักษิณ พ้นเคราะห์ พ้นโศก พ้นภัยต่างๆ และสามารถกลับประเทศไทยได้อย่างสะดวก
กลุ่มเสื้อแดงส่วนใหญ่ที่จัดงานวันเกิดให้ทักษิณ มักประกอบพิธีกรรมในวัด มีการทำบุตรตักบาตร นิมนต์พระมาสวดมนต์ สะเดาะเคราะห์ สืบชะตาอายุ บางแห่งมีการทำพิธีพราหมณ์ ที่ดูจะพิเศษหน่อยคือที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีการนำรูปหล่อพระมหากษัตริย์ในอดีต 3 พระองค์ คือ พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช และ พระปิยะมหาราช มาร่วมงาน โดยวางไว้ที่โต๊ะ และด้านหลังโต๊ะนั้นมีรูปทักษิณ ชินวัตร ยืนตระหง่านอยู่
หากพิจารณาบริบทและองค์ประกอบของการจัดงานวันเกิดของทักษิณ แล้วจะเห็นได้ว่ามีนัยทางสังคมและการเมืองที่สำคัญหลายประการ
ประการแรก เกี่ยวกับความปรารถนาและความเชื่อของผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน กลุ่มเสื้อแดงที่ร่วมงานวันเกิดจำนวนหนึ่งมีความเชื่อว่าทักษิณ ประสบเคราะห์กรรม และมีความปรารถนาให้ทักษิณพ้นเคราะห์ดังกล่าว และให้กลับมาเมืองไทยโดยเร็ว พวกเขาคิดว่าการทำบุญ ตักบาตร การสวดมนต์ และการทำพิธีกรรมสะเดาะห์เคราะห์จะเป็นวิธีการที่ช่วยทักษิณ ให้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมแรงร่วมกันใจประกอบพิธีกรรมตามที่พวกเขาเชื่อ
ประการที่สอง ในบางจังหวัดมีการนำรูปของมหาราชในอดีตมาประกอบพิธีกรรมวันเกิด ร่วมกับก่อนหน้านี้มีเว็ปไซด์ของเสื้อแดงบางแห่งที่มีการใช้คำในลักษณะพ้องเสียงว่า “ทักษิณมหาราษฎร์” การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ อาจตีความได้ว่ามวลชนเสื้อแดงของจังหวัดนั้นเคารพ บูชา ทักษิณ เสมือนเป็นมหาราชคนหนึ่ง และคนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยคงมีความปรารถนาจะให้ทักษิณเป็นเจ้าชีวิตของพวกเขา
ประการที่สาม การจัดงานวันเกิดพร้อมกันหลายแห่งทั่วประเทศแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่ใช่ประมุขของประเทศ ย่อมเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมและมีนัยแฝงของความท้าทาย ที่จะสถาปนาบุคคลนั้นขึ้นมาเป็นคู่แข่งขันต่อประมุขของประเทศ
ประการที่สี่ การที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ไม่มีการแสดงท่าทีและประกาศอย่างแข็งขันและเป็นทางการเพื่อห้ามไม่ให้เสื้อแดงยุติการจัดงานวันเกิดในลักษณะนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีแนวโน้มเห็นพ้องกับพิธีกรรมและเป้าประสงค์เชิงสัญลักษณ์ที่แอบแฝงอยู่ในพิธีกรรมเหล่านั้น
ประการที่ห้า มีมวลชนเสื้อแดงซึ่งมีความเชื่อที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองกลุ่มคือ เสื้อแดงกลุ่มที่จัดงานวันเกิดให้ทักษิณ แต่ไม่เน้นพิธีกรรมทางศาสนา กลุ่มนี้เชื่อว่าการจัดงานวันเกิดเป็นการแสดงออกของมวลชนที่ต้องการทักษิณเป็นผู้นำประเทศ และแม้แต่ทักษิณก็ไม่สามารถห้ามมิให้มวลชนจัดงานวันเกิดได้ พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่อำมาตย์กลัว หาใช่ทักษิณ แต่เป็นมวลชนเสื้อแดง มวลชนเสื้อแดงกลุ่มนี้มีความเชื่อทางการเมืองโน้มเอียงไปทาง “รัฐไทยใหม่”
ส่วนมวลชนเสื้อแดงที่จัดงานวันเกิดให้ทักษิณที่กระทำในวัดและมีพิธีกรรมทางศาสนา มวลชนพวกนี้มีแนวโน้มที่อาจยอมรับ “รัฐไทยเดิม” แต่อาจมีความปรารถนาจะเปลี่ยน “สมมุติเทพ” องค์ใหม่ เป็นคนที่เขานิยมบูชา ซึ่งพวกเขาเรียกว่า “ทักษิณมหาราษฎร์”
การจัดพิธีกรรมวันเกิดของทักษิณ จึงเป็นการกระทำทางสังคมที่เชื่อมโยงกับความคิดความเชื่อทางการเมืองสองระดับคือ ระดับแรกเป็นการท้าทายอำนาจดั้งเดิมของสังคมไทย เป็นการแสดงให้เห็นว่ามวลเสื้อแดงมีความแข็งแกร่งและสามารถแสดงการกระทำอย่างอหังกา ไม่ยอมรับและไม่เห็นอำนาจเดิมอยู่ในสายตาอีกต่อไป ส่วนระดับที่สองเป็นการสถาปนาอำนาจใหม่ทางสังคมขึ้นมา พิธีกรรมวันเกิดที่กลุ่มเสื้อแดงกระทำติดต่อมาหลายปี เป็นการผลิตซ้ำทางความคิด ปลูกฝังในจิตสำนึกของมวลชน เกี่ยวกับอำนาจและความชอบธรรมของทักษิณที่ดำรงอยู่ในจิตใจพวกเขา
อย่างไรก็ตามในกลุ่มเสื้อแดงผู้ประกอบพิธีกรรมของการสถาปนาอำนาจใหม่นั้น ยังมีร่องรอยความไม่ลงตัวทางความเชื่อและความคิดระหว่าง กลุ่มเสื้อแดงฝ่ายซ้ายที่นิยม “อำนาจใหม่แบบรัฐไทยใหม่” กับ กลุ่มเสื้อแดงฝ่ายขวาที่นิยม “อำนาจของมหาราษฎร์ทักษิณแบบรัฐไทยเดิม”
ในอนาคตความไม่ลงตัวทางความคิดและความเชื่อของเสื้อแดงทั้งสองกลุ่มจะขยายความขัดแย้งออกไปจนทำลายขบวนการเสื้อแดงจนสิ้นสภาพ หรือ อาจจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวจนเป็นเอกภาพและทำให้ขบวนการนี้เข้มแข็งยิ่งขึ้นก็เป็นไปได้
หากขบวนการเสื้อแดงมีเอกภาพและเข้มแข็ง สังคมไทยในอนาคตมีแนวโน้มจะมืดมัวและอาจเกิดโศกนาฏกรรมทางสังคมและการเมืองที่รุนแรงขึ้นมาก็เป็นได้