00 ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดกับการที่ กกต.ได้ประกาศรับรอง ส.ส.เพิ่มเติมจนครบ 95 เปอร์เซ็นต์ (475 คน) โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ได้รับรองอีก 94 คน รวมทั้งหมดได้รับรองไปแล้วจำนวน 496 คน ทำให้สามารถเปิดสภาได้ในทันวันที่ 1 สิงหาคมภายในกำหนด 30 วัน ไม่มีปัญหา
00 ที่บอกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายก็เพราะว่า นี่คือลักษณะที่ไม่ต่างจากการ “แสดง” ฉากหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่คราวนี้เป็นคิวของ กกต.เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลวของหน่วยงานที่เรียกว่าเป็น “หน่วยงานอิสระ” แห่งนี้ ที่ทำเหมือนยึกยัก ยื้อเวลา แต่ในที่สุดแล้วก็ต้อง “ปล่อยผี” ซึ่งคนที่ติดตามมาตลอดก็ย่อมไม่มีใครแปลกใจ เพราะเชื่อว่าผลมันต้องมาแบบนี้ตั้งแต่ต้น
00 เป็นไปได้อย่างไร ที่การเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไปเต็มไปด้วยการทุจริต ซื้อเสียง มีการข่มขู่สารพัด แต่กลับไม่มีการชูใบเหลือง ใบแดงออกมาระงับเหตุเสียก่อนสักรายเดียว ทั้งที่น่าจะเป็นการ “ปราม” หรือ ตัดการทุจริตเสียล่วงหน้า แต่กลับไม่ทำ เพิ่งมาดำเนินการเอาหลังเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นไปด้วยความฉุกละหุก ไร้มาตรฐาน สิ่งที่เป็นคำถามก็คือในเมื่อไม่สามารถพิจารณาได้ทันแล้วทำไมถึงได้ยื้อเอาไว้จนเกือบครบ 30 วัน และในที่สุดก็ต้องปล่อยไป แล้วตามสอยทีหลัง
00 ถ้ามัวแต่หาหลักฐานจริงทำไมไม่ปล่อยไปก่อนตั้งแต่แรก เพื่อให้เปิดสภา จากนั้นก็ค่อยทยอยสอยในภายหลัง ทุกอย่างจะไม่เกิด “สุญญากาศ” อย่างที่เป็นอยู่ และที่สำคัญวิธีการที่เป็นอยู่มันยังสร้างแรงกดดันให้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นอีกด้วย นอกจากนี้แล้วสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของ กกต.ชุดนี้ก็คือ กรณีการตัดสิทธิ์ผู้ขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตที่ลงทะเบียนเมื่อปี 2550 แต่ไม่ได้ไปขอยกเลิกรวมแล้วกว่า 2 ล้านคน ทำให้เกิดผลทางคะแนนอย่างมีนัยสำคัญ งานนี้แม้จะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้ง 5 คน แต่ในฐานะที่เป็นประธาน กกต. อภิชาต สุขัคคานนท์ ก็ต้องรับไปเต็มๆ
00 พูดเรื่องนี้ก็ต้องตามต่อไปถึงเรื่องที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ถูก กกต.แขวน “ค้างเติ่งในคุก” ไม่มีกำหนด เพราะเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ถือว่าเป็นวันที่จะต้อง “ปล่อยผี” รายการใหญ่ชุดสุดท้ายเพื่อให้ไปเปิดสภา แต่กลายเป็นว่าไม่ผ่าน ก็ต้องรออีกยาว ไม่สนุกแน่ ขณะเดียวกันเมื่อ ปล่อย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกไปก็ถือว่าลดแรงกดดันจากพวกเสื้อแดงลงได้อักโขเหมือนกัน
00 สำหรับ ราย จตุพร นี้ถือว่ามีความหมายกับเจ้าตัวมากเป็นพิเศษ เพราะหวังจะใช้ “เอกสิทธิ์ ส.ส.” คุ้มกบาลยื้อสารพัดคดีได้ เหมือนอย่างที่เคยทำมาคราวที่แล้ว แต่เมื่อวืด ก็ต้องยาวดังกล่าว แถมยังยาวแบบไม่มีกำหนดเสียด้วย เพราะสภาก็เปิดไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบ อีกทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อการร้าย มันอ่อนไหวสูง รายนี้ถือว่าเป็นไปตามคาดเหมือนกัน
00 นี่ก็ทำท่าจะ “ตายเพราะปาก” เหมือนกันสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันๆเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาโต้เถียงกับสื่อ ต่อปากต่อคำทำนองว่าไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่รู้แล้วเขียนข่าวเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเพราะ “หัวโขน” ทั้งสิ้น อยากถามกลับไปสักคำว่าถ้าเป็น “นายประยุทธ์” ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ผบ.ทบ.แล้วจะมีใครที่ไหนเขาสนใจ ลืมไปแล้วหรือว่าไม่รู้ว่าตัวเองดำรงตำแหน่งอะไร เป็นคนสาธารณะหรือไม่ ล่าสุดยังวีนไม่หายกับเรื่องซื้อ ฮ. 30 ลำ ก็ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน ถ้าอยากชี้แจง อธิบายอย่างไรก็ทำไป หรือแม้แต่เรื่องผวาไม่กล้าขึ้นฮ.ก็แจกแจงได้ว่าไม่จริง เข้าใจผิดกันอย่างไร ไม่เห็นต้องออกอาการปรี๊ดแตกเลย !!
00 ที่บอกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายก็เพราะว่า นี่คือลักษณะที่ไม่ต่างจากการ “แสดง” ฉากหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่คราวนี้เป็นคิวของ กกต.เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลวของหน่วยงานที่เรียกว่าเป็น “หน่วยงานอิสระ” แห่งนี้ ที่ทำเหมือนยึกยัก ยื้อเวลา แต่ในที่สุดแล้วก็ต้อง “ปล่อยผี” ซึ่งคนที่ติดตามมาตลอดก็ย่อมไม่มีใครแปลกใจ เพราะเชื่อว่าผลมันต้องมาแบบนี้ตั้งแต่ต้น
00 เป็นไปได้อย่างไร ที่การเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไปเต็มไปด้วยการทุจริต ซื้อเสียง มีการข่มขู่สารพัด แต่กลับไม่มีการชูใบเหลือง ใบแดงออกมาระงับเหตุเสียก่อนสักรายเดียว ทั้งที่น่าจะเป็นการ “ปราม” หรือ ตัดการทุจริตเสียล่วงหน้า แต่กลับไม่ทำ เพิ่งมาดำเนินการเอาหลังเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นไปด้วยความฉุกละหุก ไร้มาตรฐาน สิ่งที่เป็นคำถามก็คือในเมื่อไม่สามารถพิจารณาได้ทันแล้วทำไมถึงได้ยื้อเอาไว้จนเกือบครบ 30 วัน และในที่สุดก็ต้องปล่อยไป แล้วตามสอยทีหลัง
00 ถ้ามัวแต่หาหลักฐานจริงทำไมไม่ปล่อยไปก่อนตั้งแต่แรก เพื่อให้เปิดสภา จากนั้นก็ค่อยทยอยสอยในภายหลัง ทุกอย่างจะไม่เกิด “สุญญากาศ” อย่างที่เป็นอยู่ และที่สำคัญวิธีการที่เป็นอยู่มันยังสร้างแรงกดดันให้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นอีกด้วย นอกจากนี้แล้วสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของ กกต.ชุดนี้ก็คือ กรณีการตัดสิทธิ์ผู้ขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตที่ลงทะเบียนเมื่อปี 2550 แต่ไม่ได้ไปขอยกเลิกรวมแล้วกว่า 2 ล้านคน ทำให้เกิดผลทางคะแนนอย่างมีนัยสำคัญ งานนี้แม้จะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้ง 5 คน แต่ในฐานะที่เป็นประธาน กกต. อภิชาต สุขัคคานนท์ ก็ต้องรับไปเต็มๆ
00 พูดเรื่องนี้ก็ต้องตามต่อไปถึงเรื่องที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ถูก กกต.แขวน “ค้างเติ่งในคุก” ไม่มีกำหนด เพราะเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ถือว่าเป็นวันที่จะต้อง “ปล่อยผี” รายการใหญ่ชุดสุดท้ายเพื่อให้ไปเปิดสภา แต่กลายเป็นว่าไม่ผ่าน ก็ต้องรออีกยาว ไม่สนุกแน่ ขณะเดียวกันเมื่อ ปล่อย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกไปก็ถือว่าลดแรงกดดันจากพวกเสื้อแดงลงได้อักโขเหมือนกัน
00 สำหรับ ราย จตุพร นี้ถือว่ามีความหมายกับเจ้าตัวมากเป็นพิเศษ เพราะหวังจะใช้ “เอกสิทธิ์ ส.ส.” คุ้มกบาลยื้อสารพัดคดีได้ เหมือนอย่างที่เคยทำมาคราวที่แล้ว แต่เมื่อวืด ก็ต้องยาวดังกล่าว แถมยังยาวแบบไม่มีกำหนดเสียด้วย เพราะสภาก็เปิดไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบ อีกทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อการร้าย มันอ่อนไหวสูง รายนี้ถือว่าเป็นไปตามคาดเหมือนกัน
00 นี่ก็ทำท่าจะ “ตายเพราะปาก” เหมือนกันสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันๆเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาโต้เถียงกับสื่อ ต่อปากต่อคำทำนองว่าไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่รู้แล้วเขียนข่าวเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเพราะ “หัวโขน” ทั้งสิ้น อยากถามกลับไปสักคำว่าถ้าเป็น “นายประยุทธ์” ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ผบ.ทบ.แล้วจะมีใครที่ไหนเขาสนใจ ลืมไปแล้วหรือว่าไม่รู้ว่าตัวเองดำรงตำแหน่งอะไร เป็นคนสาธารณะหรือไม่ ล่าสุดยังวีนไม่หายกับเรื่องซื้อ ฮ. 30 ลำ ก็ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน ถ้าอยากชี้แจง อธิบายอย่างไรก็ทำไป หรือแม้แต่เรื่องผวาไม่กล้าขึ้นฮ.ก็แจกแจงได้ว่าไม่จริง เข้าใจผิดกันอย่างไร ไม่เห็นต้องออกอาการปรี๊ดแตกเลย !!