xs
xsm
sm
md
lg

นโยบายขายตัวอันบัดสีของเมธีบริกร

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

ย้อนไปหลายปี มีปัญญาชนคนหนึ่งซึ่งพอรู้ว่าผมเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ก็ตั้งข้อสงสัยว่า ในเมื่อคนจนคือคนขาดรายได้ ทำไมเราไม่พิมพ์ธนบัตรออกมามากๆ แล้วแจกจ่ายให้พวกเขา บ้านเมืองของเราจะได้หมดคนจน ขอรับสารภาพว่าผมอึ้งไปพักใหญ่เพราะไม่แน่ใจว่าจะอธิบายอย่างไร และจะเริ่มตรงไหนเนื่องจากคาดไม่ถึงว่าคนชั้นปัญญาชนจะไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ถึงขนาดนั้นและเริ่มตระหนักทันทีว่า โดยทั่วไปคนไทยรวมทั้งผู้มีการศึกษาและอาชีพรายได้ดีไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น พวกฉ้อฉลจึงหลอกได้ง่าย

การถกเถียงกันในปัจจุบันเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนแรงงานขึ้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันและเงินเดือนปริญญาตรีเป็นเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อเดือนทำให้นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทันที ต่างกันก็เฉพาะตรงที่ผู้แนะนำให้ทำเรื่องค่าตอบแทนครั้งนี้เป็นเมธีทางเศรษฐศาสตร์หลายคน ส่วนปัญญาชนที่ตั้งข้อสงสัยไม่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์ซึ่งไม่รวมอยู่ในหลักสูตรวิชาชีพชั้นสูงของเขา การที่เมธีทางเศรษฐศาสตร์เสนอให้ทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลนานาสรุปได้ว่า พวกเขาได้ละทิ้งหลักวิชาและจรรยาบรรณแล้วผันตัวมาเป็นเมธีบริกรเพื่อแลกกับเงิน นั่นคือ เมื่อนายจ้างต้องการทำอะไรพวกเขาสามารถสรรหาหลักวิชามาสนับสนุนได้เสมอโดยเฉพาะการบิดเบือนเพื่อหลอกคนไทยส่วนใหญ่ซึ่งไม่กระดิกหูเรื่องเศรษฐศาสตร์

เนื่องจากในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคการเมืองต่างแข่งขันกันเสนอนโยบายประชานิยม พรรคเพื่อไทยซึ่งได้กำเนิดมาจากผู้นำประชานิยมเข้ามาใช้ในเมืองไทยจึงต้องหาอะไรมาเสนอที่เหนือกว่าคู่แข่ง พวกเมธีบริกรจึงตะแบงว่า การขึ้นค่าตอบแทนในอัตราสูงจะทำได้โดยไม่สร้างปัญหาหนักหนาสาหัส เฉกเช่นเรื่องการพิมพ์ธนบัตรแจกจ่าย เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ผมต้องคิดอยู่นานเพราะไม่แน่ใจว่าจะวิจารณ์อย่างไรและเริ่มตรงไหนเพราะคาดไม่ถึงว่าพวกเมธีที่มีปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จะบัดซบได้ถึงขนาดนั้น จากวันที่พรรคเพื่อไทยให้สัญญาว่าจะขึ้นค่าตอบแทนเช่นนั้นจนถึงวันนี้มีการวิจารณ์กันมากเนื่องจากผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ขอพูดถึงบางประเด็นที่มีการวิจารณ์กันบ้างแล้วและบางประเด็นที่ยังไม่เห็นถูกอ้างถึง

เราเข้าใจกันแล้วว่าเศรษฐกิจไทยใช้ระบบตลาดเสรีซึ่งเมื่อมีการแทรกแซงกลไกตลาดย่อมถูกบิดเบือนยังผลให้เศรษฐกิจสูญเสียประสิทธิภาพ การบังคับให้นายจ้างตั้งค่าตอบแทนแรงงานขั้นต่ำเป็นการแทรกแซงอย่างหนึ่ง มันจึงมีผลทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือนและเศรษฐกิจสูญเสียประสิทธิภาพ ส่วนการบิดเบือนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมทั้งความแตกต่างระหว่างค่าตอบแทนเดิมและค่าตอบแทนใหม่ การบังคับให้นายจ้างปรับค่าตอบแทนในอัตราสูงมากชนิดจาก 200 บาทเป็น 300 บาทต่อวันย่อมมีผลใหญ่หลวง เมื่อถูกบังคับ นายจ้างจำเป็นต้องปรับการจ้างงาน การลงทุน การผลิต ราคาขายและปัจจัยที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอด นายจ้างที่ไม่สามารถปรับได้โดยเฉพาะด้านการขึ้นราคาสินค้าและบริการจะต้องล้มเลิกกิจการไป เนื่องจากจำนวนนายจ้างในกลุ่มนี้มีน้อยกว่าจำนวนแรงงาน ฉะนั้น นักการเมืองจึงมองข้ามความสำคัญของกลุ่มนี้

จริงอยู่การที่คนกลุ่มใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้นทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่กำลังซื้อใหม่ผสมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปย่อมทำให้เกิดการขึ้นราคาและปฏิกิริยาลูกโซ่ทั่วทั้งระบบ ผู้ได้รับผลกระทบจะมีอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะผู้ที่รายได้มิได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แน่ละ รัฐบาลประชานิยมย่อมหาทางเยียวยาส่งผลให้เพิ่มการบิดเบือนกลไกตลาด หรืออาจผลาญงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก เท่าที่ผ่านมา รัฐบาลใช้มาตรการตัดราคาจำพวกโครงการธงฟ้าและควบคุมราคาซึ่งเป็นการบิดเบือนตลาดเพิ่มขึ้นอีกทอดหนึ่ง และกระตุ้นให้เกิดความฉ้อฉลที่คนในกลุ่มนักการเมืองจะได้ประโยชน์ แต่เป็นโทษแก่ผู้อื่น

สำหรับเรื่องการตัดราคาโดยให้ข้าราชการทำเองนั้นบอกได้เลยว่ามันเสียมากกว่าได้เพราะข้าราชการจะผลาญเงินภาษี แต่จะมีประสิทธิภาพสู้ผู้ประกอบการที่ช่ำชองไม่ได้ นอกจากนั้นมันยังจะเปิดโอกาสให้เกิดความฉ้อฉลอีกด้วย

อนึ่ง การควบคุมราคานำมาซึ่งการหลบเลี่ยงและความฉ้อฉลอันเป็นหนทางที่นักการเมืองเลวทรามมีโอกาสได้ประโยชน์อีกสองด้าน นั่นคือ (1) พวกเขาและเพื่อนพ้องน้องพี่มีทางทำมาหากินเพิ่มขึ้นเพราะกิจการหลบเลี่ยงกฎหมายจะได้รับการคุ้มครองจากผู้ที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาล เท่าที่ผ่านมาจะเห็นว่า ผู้ที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาลสามารถหลบเลี่ยงกฎหมายได้ถึงขนาดดึงคดีให้หมดอายุความ (2) พวกเขาจะมีโอกาสกำจัดศัตรูผู้มีกิจการหลบเลี่ยงกฎหมาย ด้านนี้อาจมีความร้ายกาจถึงขนาดใช้การฆ่าตัดตอนจำพวกที่เคยแฝงมากับการปราบยาเสพติด ตอนนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นักการเมืองที่เคยมีความเกี่ยวพันกับเรื่องจำพวกที่อ้างถึงนั้นได้เข้ามาพร้อมหน้ากันสนับสนุนรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งขึ้นแล้ว

แน่นอน เมธีบริกรย่อมมองข้ามความเลวทรามเหล่านั้นเพราะพวกเขาไม่มีจรรยาบรรณหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น