00 ผ่านไปเรียบร้อยแล้วในหลายพื้นที่สำหรับวัน “มหาอุบาทว์” เอ้ย “มหาราษฎร์” ครบรอบ 62 ปี ของ “อภิมหาโกง” ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งภาพโดยทั่วไปก็ไม่ได้คึกคักอย่างที่บางคนต้องการจะให้เป็น อาจเป็นเพราะทั้งว่าที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง “หัวโจก” เสื้อแดงทั้งในและนอกคุกต่างกำลังลุ้นกันอยู่ว่าจะได้รับการรับรองจาก กกต.ให้เป็น ส.ส.จนเปิดสภาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้จึงไม่กล้าขยับออกตัวให้ครึกโครม บรรยากาศจึงออกมาเนือยๆพิกล
00 ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งของพวกคนเสื้อแดง และพวกที่นิยมชมชอบ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งที่หลายคนมีที่มาไม่ต่างจาก “กุ๊ย” ไม่เคยมีประวัติการต่อสู้ทางอุดมการณ์ แต่กลับได้รับการชื่นชม หรือแม้แต่ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ก็เหมือนกัน ชั่วชีวิตมีแต่ทำธุรกิจหากำไรสูงสุด มีแต่เรื่องอื้อฉาว แต่กลับกลายเป็นวีรบุรุษเป็นผู้เสียสละเป็น “เศรษฐีที่เป็นขวัญใจของคนจน” หน้าตาเฉย อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการตรวจสอบของสังคมไทย และความล้มเหลวของรัฐบาลก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือย้อนหลังกลับไปในยุคของเครือข่าย คมช.ตั้งแต่ “ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนสร้างภาพลวงตาเพิ่มความสำคัญให้ ทักษิณ จนผิดปกติ
00 หลังจาก ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา “วีนแตก” ใส่สื่อและนักวิชาการรวมไปถึงใครก็ตามที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกทั้งในยุคก่อนหน้านี้ต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน เพื่อถามหาคำชี้แจงและการตรวจสอบให้โปร่งใส เพราะทุกคนห่วงใยสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อย นักบิน หรือใครก็ตามที่ร่วมทางขึ้นบินไปด้วย ซึ่งคนพวกนี้ต้องปฏิบัติภารกิจด้วย “ความเสี่ยง” ตลอดเวลา และส่วนใหญ่ “เลี่ยงไม่ได้”
00 ต่างกับระดับผู้บังคับบัญชาที่เห็นว่าไม่ชัวร์ก็เปลี่ยนจากขึ้น ฮ.มาขึ้นรถยนต์แทนเหมือนกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นสองสามวันก่อน ในตอนนั้นยังจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สยองมาสามครั้งซ้อนก็ได้เลย “แสดงภาวะผู้นำ” ด้วยการ “ยกเลิก”การขึ้นไปร่วมงานศพทหารหาญที่กาญจนบุรีเป็นนั่งรถยนต์แทน กล้าซะไม่มีละ !!
00 เชื่อว่าหลายคนคงใจจดจ่ออยู่ว่าเมื่อไหร่ กกต.จะรับรอง ส.ส.ได้ครบ 95 เปอร์เซ็นต์เพื่อจะได้เปิดสภาประชุมเลือก ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯคนใหม่เสียที เพราะหลังจากนั้นก็จะมีการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 15,00 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาท ขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 15,000 บาท น้ำมันราคาถูก ที่สำคัญเมื่อยิ่งลักษณ์มา “ข้าวของ” ต้องราคาถูกลง เพราะสัญญาว่า “ทำทันที” โอ้ย มีความสุขจริงโว้ย !!
00 ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ที่สว่างไสว คนจนก็จะหายไปในอีกไม่นานนัก คนหาเช้ากินค่ำก็จะไม่มีแล้ว นึกถึงทีไรก็ต้องนั่งฝันเคลิบเคลิ้มทุกที ขณะเดียวกันอีกอารมณ์หนึ่งยังอยากไปด่า กกต.เสียด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ยึกยักกันนัก ชาวบ้านเขาจะได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที !!
00 ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งของพวกคนเสื้อแดง และพวกที่นิยมชมชอบ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งที่หลายคนมีที่มาไม่ต่างจาก “กุ๊ย” ไม่เคยมีประวัติการต่อสู้ทางอุดมการณ์ แต่กลับได้รับการชื่นชม หรือแม้แต่ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ก็เหมือนกัน ชั่วชีวิตมีแต่ทำธุรกิจหากำไรสูงสุด มีแต่เรื่องอื้อฉาว แต่กลับกลายเป็นวีรบุรุษเป็นผู้เสียสละเป็น “เศรษฐีที่เป็นขวัญใจของคนจน” หน้าตาเฉย อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการตรวจสอบของสังคมไทย และความล้มเหลวของรัฐบาลก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือย้อนหลังกลับไปในยุคของเครือข่าย คมช.ตั้งแต่ “ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนสร้างภาพลวงตาเพิ่มความสำคัญให้ ทักษิณ จนผิดปกติ
00 หลังจาก ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา “วีนแตก” ใส่สื่อและนักวิชาการรวมไปถึงใครก็ตามที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกทั้งในยุคก่อนหน้านี้ต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน เพื่อถามหาคำชี้แจงและการตรวจสอบให้โปร่งใส เพราะทุกคนห่วงใยสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อย นักบิน หรือใครก็ตามที่ร่วมทางขึ้นบินไปด้วย ซึ่งคนพวกนี้ต้องปฏิบัติภารกิจด้วย “ความเสี่ยง” ตลอดเวลา และส่วนใหญ่ “เลี่ยงไม่ได้”
00 ต่างกับระดับผู้บังคับบัญชาที่เห็นว่าไม่ชัวร์ก็เปลี่ยนจากขึ้น ฮ.มาขึ้นรถยนต์แทนเหมือนกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นสองสามวันก่อน ในตอนนั้นยังจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สยองมาสามครั้งซ้อนก็ได้เลย “แสดงภาวะผู้นำ” ด้วยการ “ยกเลิก”การขึ้นไปร่วมงานศพทหารหาญที่กาญจนบุรีเป็นนั่งรถยนต์แทน กล้าซะไม่มีละ !!
00 เชื่อว่าหลายคนคงใจจดจ่ออยู่ว่าเมื่อไหร่ กกต.จะรับรอง ส.ส.ได้ครบ 95 เปอร์เซ็นต์เพื่อจะได้เปิดสภาประชุมเลือก ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯคนใหม่เสียที เพราะหลังจากนั้นก็จะมีการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 15,00 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาท ขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 15,000 บาท น้ำมันราคาถูก ที่สำคัญเมื่อยิ่งลักษณ์มา “ข้าวของ” ต้องราคาถูกลง เพราะสัญญาว่า “ทำทันที” โอ้ย มีความสุขจริงโว้ย !!
00 ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ที่สว่างไสว คนจนก็จะหายไปในอีกไม่นานนัก คนหาเช้ากินค่ำก็จะไม่มีแล้ว นึกถึงทีไรก็ต้องนั่งฝันเคลิบเคลิ้มทุกที ขณะเดียวกันอีกอารมณ์หนึ่งยังอยากไปด่า กกต.เสียด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ยึกยักกันนัก ชาวบ้านเขาจะได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที !!