xs
xsm
sm
md
lg

ททท.อัดอีลิททวงค่าหุ้น500ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บอร์ด ททท. ตีกลับ เอกสาร ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เรียกชำระค่าหุ้น ที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ระบุให้ ทีพีซี แจงรายละเอียด มาเสนออีกทีเดือนหน้า ผู้ว่า ททท. ยันองค์กรเป็นเพียงร่างทรง ขณะที่ รักษาการ ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี เผย บริษัทไม่มีรายได้ จำเป็นต้องมีทุนสำรอง

วานนี้(27 ก.ค.54) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ด) นายวิชัย ศรีขวัญ ประธานบอร์ด เปิดเผยว่า ฝ่ายลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว ของ ททท. ได้เสนอขอบอร์ดเพื่อพิจารณาอนุมัติทุนจดทะเบียนที่ยังค้างชำระอยู่ 500 ล้านบาท ต่อบริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือ ทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตร ไทยแลนด์ อีลิทการ์ด ตามที่ บริษัท ทีพีซีทำจดหมายเสนอขอมา โดยที่ประชุมมีมติให้นำเรื่องกลับไปจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน โดยเฉพาะแผนการใช้จ่ายที่แสดงถึงความจำเป็นที่จะขอเบิกเงินส่วนนี้ไปใช้ โดยให้นำกลับมาเสนออีกครั้งในการประชุมบอร์ดเดือนหน้า

“ ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2546 ที่ให้ดำเนินการจัดตั้ง บริษัท ทีพีซี ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยให้ ททท. เป็นตัวแทนของภาครัฐถือหุ้น 100% ในบริษัท โดยมีการชำระทุนไปแล้วเพียง 500 ล้านบาท ยังเหลืออีก 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ ทีพีซี จะเรียกชำระได้ แต่ททท.ก็มีสิทธิ์พิจารณาเห็นชอบในหลักการได้ตามวงเงินที่เหมาะสม จากนั้นจึงนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อขออนุมัติงบประมาณ เพราะเป็นวงเงินที่ไม่ได้อยู่ในงบประจำปีของ ททท.”

อย่างไรก็ตาม ตามเอกสารที่เสนอ ทีพีซีระบุว่า ปัจจุบัน บริษัทมีเงินสดคงเหลือพร้อมใช้ 119 ล้านบาท สามารถใช้จ่ายได้ถึงเดือน ก.พ.55

นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ภาระกิจของ ททท. คือการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ที่เห็นชอบ ให้ดำเนินการยุบเลิกกิจการของทีพีซี แต่หาก ครม.ชุดใหม่ จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมติ ครม.เดิมก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้

นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ รักษาการผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี กล่าวว่า ทีพีซี ทำจดหมาย ส่งถึงฝ่ายลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% เพื่อเรียกชำระทุนในส่วนที่เหลืออยู่ 500 ล้านบาท เพราะบริษัทมีความจำเป็นต้องนำเงินมาใช้บริหารจัดการองค์กร และให้บริการแก่สมาชิก เพราะจากมติ ครม. ทำให้ ทีพีซี ไม่สามารถดำเนินการหารายได้เพิ่มเติมเข้าองค์กรได้ จึงใช้แต่เงินสดที่มีอยู่ จึงจำเป็นต้องเรียกขอชำระทุนจากผู้ถือหุ้น มาเป็นเงินสำรองให้แก่บริษัท ซึ่งเงินก้อนนี้จะเป็นคนละส่วนกันกับวงเงิน ที่ ทีพีซี ศึกษาไว้ว่าต้องใช้เงินอีก 2,500 ล้านบาท สำหรับชดเชยให้แก่สมาชิก กรณีที่ต้องเลิกกิจการ ซึ่งต้องเสนอของรัฐบาลที่ต่างหาก” นางจันทิมา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น