เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (21 ก.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ว่า ยังมีเหตุการณ์อยู่ เพราะยังมีผู้ก่อความรุนแรงอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการจับกุมไปเป็นจำนวนมากก็ตาม ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะไปปรับแนวความคิดของเขาได้ หรือจับมาดำเนินคดีได้ เขาก็จะหาโอกาสก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งให้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้กำลัง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้สิ่งที่มีปัญหาคือ ผู้ก่อความรุนแรงไม่คำนึงถึงกฎหมาย กติกาใช้ความรุนแรงเป็นหลัก
ผบ.ทบ. กล่าวว่า การสัญจรไปมา การประกอบธุรกิจในเวลากลางคืน เป็นสิ่งที่กองทัพต้องไปดูแล เราพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่ทำได้ไม่ถึง 100 % แต่ก็จะพยายามทำให้มากยิ่งขึ้นในเรื่องการจำกัดเสรีของฝ่ายตรงข้าม เช่น งานด้านการข่าว การป้องกันการลักลอบนำวัตถุระเบิดเข้ามา ซึ่งเรานำกฏหมาย ทุกมิติมาใช้กับคนเหล่านี้ เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทหารทุกคนทำอย่างเต็มที่ ซึ่งคนในพื้นที่สามารถบอกได้ว่า เหตุการณ์ดีขึ้นหรือเลวลง อย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังรับไม่ได้ที่มีการสูญเสีย ตนเองก็รับไม่ได้
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ทหารถูกลอบวางระเบิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีการเตือนกันไป ทหารได้รับการสอนกันมาในเรื่องนี้ ถ้ามีลูกที่ 1 ก็ต้องมีลูกที่ 2 และ 3 ฝ่ายตรงข้ามเขามีความคิดริเริ่มตลอดเวลา จึงต้องไปแก้กันว่าวัตถุระเบิดได้มาอย่างไร มีการลักลอบจากภายใน หรือภายนอก การขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน ซึ่งเราทำกันมาโดยตลอด ถ้าไม่ทำก็คงมีมากกว่านี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นคนดี น่ารัก แต่เมื่อมีคนพวกนี้มาปะปนทำให้สังเกตได้ยาก รวมถึงประเพณีการแต่งกาย แต่เราก็ใช้มาตรการด้านการข่าวเป็นหลัก ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร บางครั้งก็มีการจับกุม แต่เราก็ไม่ได้แจ้งให้ประชาคมได้รับทราบ เพื่อไม่ต้องการสื่อไปในทางลักษณะที่ว่ามีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของ กม. หลายข้อที่ต้องยึดถือและระมัดระวัง เพราะเราเป็นสมาชิกของประชาคมโลกหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องภายในของเรา ซึ่งเราต้องทำให้คนของเราปลอดภัยแต่ต้องไม่เป็นเงื่อนไขในอนาคต ต่างชาติไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายนัก เพียงแต่ต้องฟัง และต้องเคารพพอสมควร เรื่องภายในประเทศเราก็ต้องทำให้ดี เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงต้องลดเงื่อนไขต่างๆ ออกไป
"ปัญหาภาคใต้ที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่ามีเงื่อนไขหลายประการด้วยกัน ซึ่งลบล้างลำบากถึงแม้จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่เราต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก" ผบ.ทบ. กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดใหม่มีแนวคิดจะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษ ผบ.ทบ. กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ ซึ่งในส่วนของกอ.รมน. ต้องเตรียมการ แต่เราอย่าเพิ่งไปวางว่าใครจะทำอะไร อย่างไร ท้ายสุดก็ต้องเคารพในรัฐบาลใหม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทหารโดย กอ.รมน. ก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงให้รับทราบว่าอะไร เป็นอย่างไร เพราะบางครั้งการตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง ไหนใช่ หรือไม่ใช่ ทำหรือไม่ทำ อาจจะเร็วเกินไป คงต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล และคิดว่าต่างฝ่ายก็คงมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ฝ่ายความมั่นคงก็มีเหตุผลอีกอย่าง อีกฝ่ายก็จะมีอีกอย่าง รวมถึงนักวิชาการด้วย แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นผู้ที่สั่งการตัดสินใจ ทั้งหมดและคงต้องเป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาล
เมื่อถามว่า ถ้า ศอ.บต.ถูกยกเลิกไป จะมีปัญหาหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า จะอยู่หรือไม่เป็นเรื่องของวันข้างหน้า ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยรัฐบาลเป็นผู้สั่งการ เราก็ทำงานให้ดีที่สุด และคงต้องมีอะไรมาทดแทน
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งให้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้กำลัง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้สิ่งที่มีปัญหาคือ ผู้ก่อความรุนแรงไม่คำนึงถึงกฎหมาย กติกาใช้ความรุนแรงเป็นหลัก
ผบ.ทบ. กล่าวว่า การสัญจรไปมา การประกอบธุรกิจในเวลากลางคืน เป็นสิ่งที่กองทัพต้องไปดูแล เราพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่ทำได้ไม่ถึง 100 % แต่ก็จะพยายามทำให้มากยิ่งขึ้นในเรื่องการจำกัดเสรีของฝ่ายตรงข้าม เช่น งานด้านการข่าว การป้องกันการลักลอบนำวัตถุระเบิดเข้ามา ซึ่งเรานำกฏหมาย ทุกมิติมาใช้กับคนเหล่านี้ เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทหารทุกคนทำอย่างเต็มที่ ซึ่งคนในพื้นที่สามารถบอกได้ว่า เหตุการณ์ดีขึ้นหรือเลวลง อย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังรับไม่ได้ที่มีการสูญเสีย ตนเองก็รับไม่ได้
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ทหารถูกลอบวางระเบิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีการเตือนกันไป ทหารได้รับการสอนกันมาในเรื่องนี้ ถ้ามีลูกที่ 1 ก็ต้องมีลูกที่ 2 และ 3 ฝ่ายตรงข้ามเขามีความคิดริเริ่มตลอดเวลา จึงต้องไปแก้กันว่าวัตถุระเบิดได้มาอย่างไร มีการลักลอบจากภายใน หรือภายนอก การขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน ซึ่งเราทำกันมาโดยตลอด ถ้าไม่ทำก็คงมีมากกว่านี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นคนดี น่ารัก แต่เมื่อมีคนพวกนี้มาปะปนทำให้สังเกตได้ยาก รวมถึงประเพณีการแต่งกาย แต่เราก็ใช้มาตรการด้านการข่าวเป็นหลัก ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร บางครั้งก็มีการจับกุม แต่เราก็ไม่ได้แจ้งให้ประชาคมได้รับทราบ เพื่อไม่ต้องการสื่อไปในทางลักษณะที่ว่ามีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของ กม. หลายข้อที่ต้องยึดถือและระมัดระวัง เพราะเราเป็นสมาชิกของประชาคมโลกหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องภายในของเรา ซึ่งเราต้องทำให้คนของเราปลอดภัยแต่ต้องไม่เป็นเงื่อนไขในอนาคต ต่างชาติไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายนัก เพียงแต่ต้องฟัง และต้องเคารพพอสมควร เรื่องภายในประเทศเราก็ต้องทำให้ดี เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงต้องลดเงื่อนไขต่างๆ ออกไป
"ปัญหาภาคใต้ที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่ามีเงื่อนไขหลายประการด้วยกัน ซึ่งลบล้างลำบากถึงแม้จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่เราต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก" ผบ.ทบ. กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดใหม่มีแนวคิดจะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษ ผบ.ทบ. กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ ซึ่งในส่วนของกอ.รมน. ต้องเตรียมการ แต่เราอย่าเพิ่งไปวางว่าใครจะทำอะไร อย่างไร ท้ายสุดก็ต้องเคารพในรัฐบาลใหม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทหารโดย กอ.รมน. ก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงให้รับทราบว่าอะไร เป็นอย่างไร เพราะบางครั้งการตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง ไหนใช่ หรือไม่ใช่ ทำหรือไม่ทำ อาจจะเร็วเกินไป คงต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล และคิดว่าต่างฝ่ายก็คงมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ฝ่ายความมั่นคงก็มีเหตุผลอีกอย่าง อีกฝ่ายก็จะมีอีกอย่าง รวมถึงนักวิชาการด้วย แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นผู้ที่สั่งการตัดสินใจ ทั้งหมดและคงต้องเป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาล
เมื่อถามว่า ถ้า ศอ.บต.ถูกยกเลิกไป จะมีปัญหาหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า จะอยู่หรือไม่เป็นเรื่องของวันข้างหน้า ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยรัฐบาลเป็นผู้สั่งการ เราก็ทำงานให้ดีที่สุด และคงต้องมีอะไรมาทดแทน