00 ในที่สุดศาลโลกก็ได้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ ไทย-เขมร ถอนทหารออกมาจากพื้นที่พิพาทแม้ว่ามองดูเผินๆจะดูดี
ยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย เพราะแทนที่จะให้ถอนทหารแต่เพียงฝ่ายเดียวตามคำร้องของฝ่ายเขมร แต่ประเด็นก็คือพื้นที่พิพาทดัง
กล่าวนั้นเป็นพื้นที่ของไทย อีกทั้งในการขีดเส้นของศาลโลกที่ว่ากันเฉพาะให้ฝ่ายไทยถอนทหารออกมานั้นกินลึกเข้ามาในเขต
แดนของเราถึงผามออีแดง เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นดินแดนของไทย
00 นอกจากนี้สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ ศาลโลกดังกล่าวกลับไม่ได้ครอบคลุมไปถึงชุมชนพลเรือน วัด
แก้วศิขาฯ แถมยังอนุญาตให้สามารถส่งกำลังบำรุงเข้ามาได้ตลอดเวลา นั่นก็หมายความว่าชุมชนและวัดดังกล่าวก็ยังตั้งอยู่ได้ต่อไป
โดยที่ฝ่ายไทยไม่อาจขัดขวางได้เลย ดังนั้นงานนี้แม้มองในภาพรวมแล้วฝ่ายไทยมีแต่เสียกัยเสีย ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามแม้มีแต่เสมอตัว
กับได้เปรียบ เพราะในอนาคตพื้นที่แถบนั้นจะเป็น “เขตปลอดทหาร” ฝ่ายไทยจะทำอะไรก็ต้องรายงาน “ผู้สังเกตการณ์” จาก
อินโดนีเซียเสียก่อน นั่นหมายความเรามีแนวโน้มเสียอธิปไตย เพราะต่อไปจะผลักดันออกไปก็ทำไม่ได้
00 อย่างไรก็ดีหากจะว่าไปแล้ว ต้นเหตุที่ทำให้ไทยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ส่วนสำคัญก็เป็นเพราะความ “ดื้อตาใส” ของ อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ที่มีเป้าหมายเพียงแค่ปกป้องความผิดพลาดของ เอ็มโอยู 43 ของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพวกตัวเอง มันก็เลยถลำ
ลึกลงไปเรื่อยๆ ขณะที่อีกไม่กี่วันข่างหน้าตัวเองก็จะ “สะบัดก้น” ออกไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ปัญหาสารพัด ขณะเดียวกันเมื่อหันไปมอง
รัฐบาลใหม่ รวมไปถึงว่าที่นายกฯคนใหม่ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยิ่งดูวังเวงหนักกว่าเก่าเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วน่าจะออก
มาอีกแบบนั่นคือ “ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
00 ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่กำลังลุ้นว่าจะรอดหรือจะร่วง หลังจาก กกต.มีกำหนดประกาศผลรับรอง ส.ส.เพิ่มเติม หลังจากได้ “แขวน”
ไปก่อนหน้านี้ ในจำนวนที่ต้องลุ้นกันหนักก็คือ ปู ยิ่งลักษณ์ นั่นแหละ ส่วนอีกคนที่ต้องลุ้นไม่แพ้กันก็คือ มาร์ค อภิสิทธิ์ ว่าที่ผู้นำ
ฝ่ายค้านแม้ว่าถูกมองว่าเหมือนถูกจับแขวนเป็นตัวประกัน เพื่อให้ลดแรงกดดันจากภายนอก
00 กำหนดออกมาแล้วว่ากรรมการบริหารพรรคปชป.ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งหัวโต๊ะว่าจะมีการประชุมกันเพื่อเลือกผู้บริหาร
พรรคชุดใหม่วันที่ 6 ส.ค.ซึ่งแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า มาร์ค ต้องรีเทิร์น แต่ยังคาดเดากันอยู่ก็คือตำแหน่งเลขาฯพรรคว่าจะเป็นใคร แต่
แว่วมาว่านาทีนี้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ซึ่งตามสัดส่วนได้แรงหนุนจากสายอีสานมาแรงที่สุด หลายคนอาจไม่รู้ว่าคุณหญิงนี่
แหละคือเลือดอีสานขนานแท้ อดีตมาจากลูกชาวบ้าน แต่อาศัยความขยันอดทนหนักเอาเบาสู้จนพลิกผันมาเป็น “สะใภ้เจ้าสัว” ก็
ต้องรอดูว่าปชป.จะมีเลขาฯพรรคผู้หญิงแข่งกับนายกฯหญิงหรือเปล่า !!
00 ในที่สุดก็เป็นไปตามคาดหมายว่า ทั้ง ยิ่งลักษณ์ และ มาร์ค ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน “แขวน” แก้เกี้ยวลดความกดดันก็ต้อง “ปล่อยผี”
ไปจนได้ รวมไปถึง “เทพ เทือก” รวมล็อตสองเมื่อวานนี้( 19 ก.ค.) จำนวน 12 คน ขณะที่ “หัวโจกแดง” อีก 11 คนยัง “ค้างเติ่ง” ว่า
กันว่างานนี้อาจเจอของจริงกันบ้าง และมองอีกมุมหนึ่งอาจเข้าทาง “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตรก็ได้ ที่พอเสร็จศึกแล้ว “ย่อยสลาย”
ลงไปบ้าง เพื่อป้องกันถูก “ขี่คอ” ในอนาคต !!
ยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย เพราะแทนที่จะให้ถอนทหารแต่เพียงฝ่ายเดียวตามคำร้องของฝ่ายเขมร แต่ประเด็นก็คือพื้นที่พิพาทดัง
กล่าวนั้นเป็นพื้นที่ของไทย อีกทั้งในการขีดเส้นของศาลโลกที่ว่ากันเฉพาะให้ฝ่ายไทยถอนทหารออกมานั้นกินลึกเข้ามาในเขต
แดนของเราถึงผามออีแดง เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นดินแดนของไทย
00 นอกจากนี้สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ ศาลโลกดังกล่าวกลับไม่ได้ครอบคลุมไปถึงชุมชนพลเรือน วัด
แก้วศิขาฯ แถมยังอนุญาตให้สามารถส่งกำลังบำรุงเข้ามาได้ตลอดเวลา นั่นก็หมายความว่าชุมชนและวัดดังกล่าวก็ยังตั้งอยู่ได้ต่อไป
โดยที่ฝ่ายไทยไม่อาจขัดขวางได้เลย ดังนั้นงานนี้แม้มองในภาพรวมแล้วฝ่ายไทยมีแต่เสียกัยเสีย ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามแม้มีแต่เสมอตัว
กับได้เปรียบ เพราะในอนาคตพื้นที่แถบนั้นจะเป็น “เขตปลอดทหาร” ฝ่ายไทยจะทำอะไรก็ต้องรายงาน “ผู้สังเกตการณ์” จาก
อินโดนีเซียเสียก่อน นั่นหมายความเรามีแนวโน้มเสียอธิปไตย เพราะต่อไปจะผลักดันออกไปก็ทำไม่ได้
00 อย่างไรก็ดีหากจะว่าไปแล้ว ต้นเหตุที่ทำให้ไทยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ส่วนสำคัญก็เป็นเพราะความ “ดื้อตาใส” ของ อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ที่มีเป้าหมายเพียงแค่ปกป้องความผิดพลาดของ เอ็มโอยู 43 ของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพวกตัวเอง มันก็เลยถลำ
ลึกลงไปเรื่อยๆ ขณะที่อีกไม่กี่วันข่างหน้าตัวเองก็จะ “สะบัดก้น” ออกไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ปัญหาสารพัด ขณะเดียวกันเมื่อหันไปมอง
รัฐบาลใหม่ รวมไปถึงว่าที่นายกฯคนใหม่ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยิ่งดูวังเวงหนักกว่าเก่าเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วน่าจะออก
มาอีกแบบนั่นคือ “ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
00 ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่กำลังลุ้นว่าจะรอดหรือจะร่วง หลังจาก กกต.มีกำหนดประกาศผลรับรอง ส.ส.เพิ่มเติม หลังจากได้ “แขวน”
ไปก่อนหน้านี้ ในจำนวนที่ต้องลุ้นกันหนักก็คือ ปู ยิ่งลักษณ์ นั่นแหละ ส่วนอีกคนที่ต้องลุ้นไม่แพ้กันก็คือ มาร์ค อภิสิทธิ์ ว่าที่ผู้นำ
ฝ่ายค้านแม้ว่าถูกมองว่าเหมือนถูกจับแขวนเป็นตัวประกัน เพื่อให้ลดแรงกดดันจากภายนอก
00 กำหนดออกมาแล้วว่ากรรมการบริหารพรรคปชป.ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งหัวโต๊ะว่าจะมีการประชุมกันเพื่อเลือกผู้บริหาร
พรรคชุดใหม่วันที่ 6 ส.ค.ซึ่งแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า มาร์ค ต้องรีเทิร์น แต่ยังคาดเดากันอยู่ก็คือตำแหน่งเลขาฯพรรคว่าจะเป็นใคร แต่
แว่วมาว่านาทีนี้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ซึ่งตามสัดส่วนได้แรงหนุนจากสายอีสานมาแรงที่สุด หลายคนอาจไม่รู้ว่าคุณหญิงนี่
แหละคือเลือดอีสานขนานแท้ อดีตมาจากลูกชาวบ้าน แต่อาศัยความขยันอดทนหนักเอาเบาสู้จนพลิกผันมาเป็น “สะใภ้เจ้าสัว” ก็
ต้องรอดูว่าปชป.จะมีเลขาฯพรรคผู้หญิงแข่งกับนายกฯหญิงหรือเปล่า !!
00 ในที่สุดก็เป็นไปตามคาดหมายว่า ทั้ง ยิ่งลักษณ์ และ มาร์ค ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน “แขวน” แก้เกี้ยวลดความกดดันก็ต้อง “ปล่อยผี”
ไปจนได้ รวมไปถึง “เทพ เทือก” รวมล็อตสองเมื่อวานนี้( 19 ก.ค.) จำนวน 12 คน ขณะที่ “หัวโจกแดง” อีก 11 คนยัง “ค้างเติ่ง” ว่า
กันว่างานนี้อาจเจอของจริงกันบ้าง และมองอีกมุมหนึ่งอาจเข้าทาง “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตรก็ได้ ที่พอเสร็จศึกแล้ว “ย่อยสลาย”
ลงไปบ้าง เพื่อป้องกันถูก “ขี่คอ” ในอนาคต !!
