เมืองไทย-มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ที่ประเทศในโลกนี้ไม่มี หรือมีน้อยกว่าแบบเทียบไม่ได้ ชาติไทยจึงควรเจริญรุ่งเรือง และคนไทยก็ควรจะมีคุณภาพที่ดีกว่านี้..จริงไหม?
เมืองไทย-มีผู้คนดีๆ อาศัยอยู่ถึง 60 กว่าล้านคน ในขณะที่มีคนชั่วแค่หยิบมือเดียว ทว่า..คนชั่วเหล่านั้น..ได้ทำให้เมืองไทยเกิดระบบการเลือกตั้ง ที่ใช้ทั้งกลโกงและเงินตราซื้อเสียงการเลือกตั้งเข้าสู่การยึดอำนาจรัฐ โดยมีนักวิชาการ-นักสื่อสารมวลชนสนับสนุนส่งเสริมความชั่วนี้!
เมืองไทย-จึงมีรัฐบาลที่โกงชาติบ้านเมืองอย่างยาวนานมาหลายสิบปีแล้ว!
นักการเมืองกำมะลอหรือสามานย์เหล่านี้ ยามเป็นฝ่ายค้าน..จะพูดอย่าง-ทำอีกอย่าง ทว่า..ยามได้เป็นรัฐบาล..ก็กลับพูดอีกอย่างและทำอีกอย่าง หรือพูดและทำตรงกันข้ามกับตอนเป็นฝ่ายค้านเสมอ เช่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรค ปชป.ที่คนไทยเคยเชื่อว่า เขาจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่เป็นความหวังของสังคมไทย เพราะตอนเป็นฝ่ายค้าน..นักการเมืองหนุ่มคนนี้ ได้อภิปรายหรือพูดจาผ่านสื่อมวลชนด้วยได้น่าเชื่อถือยิ่งนัก
นายอภิสิทธิ์..พูดดี-ดีแต่พูดจนประชาชนคนไทย เห็นธาตุแท้ของรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน ทั้งปล่อยให้ขบวน “ล้มเจ้า” เติบโตเป็นประวัติการณ์อีกต่างหาก
ยิ่งเรื่องเขมรฮุนเซนเอาตัวปราสาทพระวิหาร ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยทะลึ่งผนวกเอาดินแดนไทย 4.6 ตร.กม.ไปยกให้กับต่างชาติบริหารจัดการนั้น นายอภิสิทธิ์ได้แฉโพยพฤติกรรมอันไม่ชอบธรรมของรัฐบาลทักษิณ ว่าทำให้ไทยเสียเปรียบ-เสียดินแดน-เป็นการขายชาติ เพียงหวังผลประโยชน์น้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชาเท่านั้น!
ทว่า..เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ “ส้มหล่น” รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับกระทำเรื่องที่เคยประณามทักษิณอย่างหน้าตาเฉย โดยเป็นรัฐบาลที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลทักษิณ ปล่อยให้ขบวนการ “ล้มเจ้า” เติบใหญ่เหิมเกริมทั้งลับและเปิดเผย
อีกทั้งยังปล่อยให้ทักษิณกับคนเสื้อแดงก่อการร้ายนานัปการ ทั้งล้มการประชุมนานาชาติ เผาบ้านเผาเมือง ก่อการจลาจล จนชาติบ้านเมืองเต็มไปด้วยความแตกแยก สังคมตกอยู่ในห้วงความหวาดกลัวไร้ความสงบ ฯลฯ
วันนี้..ผู้คนในสังคมไทยรู้ความจริงอย่างครบถ้วนแล้วว่า นักการเมืองกำมะลอไทยโดยรวมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ไม่ว่าจะในอดีตและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ล้วนเป็นนักการเมืองที่มาจากระบบเลือกตั้งใช้เงินซื้อเสียง เข้ามายึดอำนาจรัฐด้วยเงิน แล้วใช้อำนาจรัฐอย่างอธรรมเพื่อโกงกินชาติบ้านเมือง
นับวัน..นักการเมืองในระบบเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียง ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยและผิดกฎหมายจะยิ่งสร้างปัญหา ทวีการทำเรื่องไม่ดีงามมากมายขึ้นมาทำร้ายสังคมไทย จนถึงขั้นผู้รักชาติบ้านเมืองและผู้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จำเป็นต้องรู้แจ้งและเห็นจริงถึงต้นเหตุเสียทีว่า
นักการเมืองหรือนักธุรกิจการเมืองสามานย์เหล่านั้น คือ ต้นเหตุแห่งเภทภัยร้ายแรงของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องถูกลดปริมาณให้น้อยที่สุดในรัฐสภาไทยโดยด่วนที่สุด
แต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา หน่วยงานกกต.กลับไม่สามารถกำกับให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์-เที่ยงธรรมได้ เพราะ กกต.ได้ทำให้ “แม่ชี” นับแสนคน กับคนไทยที่มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคน ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แถมผู้สมัครรับเลือกตั้งส่วนใหญ่ยังมีการโกงและใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งกันอย่างมโหฬาร จนผู้คนทั้งประเทศสรุปตรงกันว่า
การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต-ไร้ความเที่ยงธรรม 3 กรกฎาคม 2554 ควรโมฆะ!
ทว่า..กกต.กลับเพิกเฉยไม่แยแสสนใจ แถมไม่มีการลงโทษนักการเมืองที่โกง และซื้อเสียงการเลือกตั้งเท่าที่ควร แถมมีแนวโน้มจะ “ปล่อย” ส.ส.ขี้โกงเหล่านั้น ให้เข้ารัฐสภาก่อน..แล้วค่อยตาม “สอย” ให้ “ร่วง” ทีหลัง ทั้งๆ ที่ยุทธวิธี “ปล่อยสัตว์เข้าสภาก่อน” แล้วค่อย “ตามจับสัตว์” ทีหลังนั้น แท้จริง..มันก็เป็นแค่เรื่อง “มวยล้มต้มคนดู” เท่านั้นเอง
เพราะเลือกตั้งคราวที่แล้ว ทาง กกต.ได้ปล่อยให้ ส.ส.ซื้อเสียงที่ต้องโดนใบแดงและใบเหลืองให้เข้าไปนั่งหน้าสลอนเต็มไปหมดในสภาฯ โดย ส.ส.ที่ทำผิดส่วนใหญ่ไม่โดน กกต.ลงโทษในภายหลังเลย..จนกระทั่งเกิดการยุบสภา!
ความผิดพลาด-ความไม่รับผิดชอบ-ของ กกต.ดังกล่าว เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ชาติไทยไม่ได้คนดีขึ้นปกครองบ้านเมือง เพราะมีแต่นักการเมืองสามานย์โดยส่วนใหญ่ เข้ายึดครองทั้งในสภาและรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ!
นั่นคือ..ต้นเหตุที่ทำให้ชาติไทยเต็มไปด้วยปัญหาทั้งเล็กและใหญ่มหึมา ที่กลายเป็นเรื่องยุ่งยากและร้ายแรงมากมาย ที่มาบั่นทอน-ทำลายความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และการกินดีอยู่ดีของประชาชนคนไทยตราบจนทุกวันนี้
สังคมไทยปัจจุบัน..แม้จะมีคนไทยที่รักชาติบ้านเมือง เสียสละออกมาต่อกรกับนักการเมืองซื้อเสียงเลือกตั้ง และยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน..ตามลำพัง..ต่อเนื่อง..
แต่..น่าเสียดาย-เสียใจที่สังคมคนส่วนใหญ่ กำลังปล่อยให้นักการเมืองสามานย์เพียงไม่กี่คน นำพาชาติทั้งชาติเดินไปสู่ความหายนะครับ!!!
เมืองไทย-มีผู้คนดีๆ อาศัยอยู่ถึง 60 กว่าล้านคน ในขณะที่มีคนชั่วแค่หยิบมือเดียว ทว่า..คนชั่วเหล่านั้น..ได้ทำให้เมืองไทยเกิดระบบการเลือกตั้ง ที่ใช้ทั้งกลโกงและเงินตราซื้อเสียงการเลือกตั้งเข้าสู่การยึดอำนาจรัฐ โดยมีนักวิชาการ-นักสื่อสารมวลชนสนับสนุนส่งเสริมความชั่วนี้!
เมืองไทย-จึงมีรัฐบาลที่โกงชาติบ้านเมืองอย่างยาวนานมาหลายสิบปีแล้ว!
นักการเมืองกำมะลอหรือสามานย์เหล่านี้ ยามเป็นฝ่ายค้าน..จะพูดอย่าง-ทำอีกอย่าง ทว่า..ยามได้เป็นรัฐบาล..ก็กลับพูดอีกอย่างและทำอีกอย่าง หรือพูดและทำตรงกันข้ามกับตอนเป็นฝ่ายค้านเสมอ เช่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรค ปชป.ที่คนไทยเคยเชื่อว่า เขาจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่เป็นความหวังของสังคมไทย เพราะตอนเป็นฝ่ายค้าน..นักการเมืองหนุ่มคนนี้ ได้อภิปรายหรือพูดจาผ่านสื่อมวลชนด้วยได้น่าเชื่อถือยิ่งนัก
นายอภิสิทธิ์..พูดดี-ดีแต่พูดจนประชาชนคนไทย เห็นธาตุแท้ของรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน ทั้งปล่อยให้ขบวน “ล้มเจ้า” เติบโตเป็นประวัติการณ์อีกต่างหาก
ยิ่งเรื่องเขมรฮุนเซนเอาตัวปราสาทพระวิหาร ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยทะลึ่งผนวกเอาดินแดนไทย 4.6 ตร.กม.ไปยกให้กับต่างชาติบริหารจัดการนั้น นายอภิสิทธิ์ได้แฉโพยพฤติกรรมอันไม่ชอบธรรมของรัฐบาลทักษิณ ว่าทำให้ไทยเสียเปรียบ-เสียดินแดน-เป็นการขายชาติ เพียงหวังผลประโยชน์น้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชาเท่านั้น!
ทว่า..เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ “ส้มหล่น” รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับกระทำเรื่องที่เคยประณามทักษิณอย่างหน้าตาเฉย โดยเป็นรัฐบาลที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลทักษิณ ปล่อยให้ขบวนการ “ล้มเจ้า” เติบใหญ่เหิมเกริมทั้งลับและเปิดเผย
อีกทั้งยังปล่อยให้ทักษิณกับคนเสื้อแดงก่อการร้ายนานัปการ ทั้งล้มการประชุมนานาชาติ เผาบ้านเผาเมือง ก่อการจลาจล จนชาติบ้านเมืองเต็มไปด้วยความแตกแยก สังคมตกอยู่ในห้วงความหวาดกลัวไร้ความสงบ ฯลฯ
วันนี้..ผู้คนในสังคมไทยรู้ความจริงอย่างครบถ้วนแล้วว่า นักการเมืองกำมะลอไทยโดยรวมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ไม่ว่าจะในอดีตและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ล้วนเป็นนักการเมืองที่มาจากระบบเลือกตั้งใช้เงินซื้อเสียง เข้ามายึดอำนาจรัฐด้วยเงิน แล้วใช้อำนาจรัฐอย่างอธรรมเพื่อโกงกินชาติบ้านเมือง
นับวัน..นักการเมืองในระบบเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียง ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยและผิดกฎหมายจะยิ่งสร้างปัญหา ทวีการทำเรื่องไม่ดีงามมากมายขึ้นมาทำร้ายสังคมไทย จนถึงขั้นผู้รักชาติบ้านเมืองและผู้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จำเป็นต้องรู้แจ้งและเห็นจริงถึงต้นเหตุเสียทีว่า
นักการเมืองหรือนักธุรกิจการเมืองสามานย์เหล่านั้น คือ ต้นเหตุแห่งเภทภัยร้ายแรงของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องถูกลดปริมาณให้น้อยที่สุดในรัฐสภาไทยโดยด่วนที่สุด
แต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา หน่วยงานกกต.กลับไม่สามารถกำกับให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์-เที่ยงธรรมได้ เพราะ กกต.ได้ทำให้ “แม่ชี” นับแสนคน กับคนไทยที่มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคน ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แถมผู้สมัครรับเลือกตั้งส่วนใหญ่ยังมีการโกงและใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งกันอย่างมโหฬาร จนผู้คนทั้งประเทศสรุปตรงกันว่า
การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต-ไร้ความเที่ยงธรรม 3 กรกฎาคม 2554 ควรโมฆะ!
ทว่า..กกต.กลับเพิกเฉยไม่แยแสสนใจ แถมไม่มีการลงโทษนักการเมืองที่โกง และซื้อเสียงการเลือกตั้งเท่าที่ควร แถมมีแนวโน้มจะ “ปล่อย” ส.ส.ขี้โกงเหล่านั้น ให้เข้ารัฐสภาก่อน..แล้วค่อยตาม “สอย” ให้ “ร่วง” ทีหลัง ทั้งๆ ที่ยุทธวิธี “ปล่อยสัตว์เข้าสภาก่อน” แล้วค่อย “ตามจับสัตว์” ทีหลังนั้น แท้จริง..มันก็เป็นแค่เรื่อง “มวยล้มต้มคนดู” เท่านั้นเอง
เพราะเลือกตั้งคราวที่แล้ว ทาง กกต.ได้ปล่อยให้ ส.ส.ซื้อเสียงที่ต้องโดนใบแดงและใบเหลืองให้เข้าไปนั่งหน้าสลอนเต็มไปหมดในสภาฯ โดย ส.ส.ที่ทำผิดส่วนใหญ่ไม่โดน กกต.ลงโทษในภายหลังเลย..จนกระทั่งเกิดการยุบสภา!
ความผิดพลาด-ความไม่รับผิดชอบ-ของ กกต.ดังกล่าว เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ชาติไทยไม่ได้คนดีขึ้นปกครองบ้านเมือง เพราะมีแต่นักการเมืองสามานย์โดยส่วนใหญ่ เข้ายึดครองทั้งในสภาและรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ!
นั่นคือ..ต้นเหตุที่ทำให้ชาติไทยเต็มไปด้วยปัญหาทั้งเล็กและใหญ่มหึมา ที่กลายเป็นเรื่องยุ่งยากและร้ายแรงมากมาย ที่มาบั่นทอน-ทำลายความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และการกินดีอยู่ดีของประชาชนคนไทยตราบจนทุกวันนี้
สังคมไทยปัจจุบัน..แม้จะมีคนไทยที่รักชาติบ้านเมือง เสียสละออกมาต่อกรกับนักการเมืองซื้อเสียงเลือกตั้ง และยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน..ตามลำพัง..ต่อเนื่อง..
แต่..น่าเสียดาย-เสียใจที่สังคมคนส่วนใหญ่ กำลังปล่อยให้นักการเมืองสามานย์เพียงไม่กี่คน นำพาชาติทั้งชาติเดินไปสู่ความหายนะครับ!!!