ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประชุม จนท.ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว-ปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 มอบนโยบายและเน้นย้ำการทำงาน ให้รู้เท่าทันกลโกงการเลือกตั้งรูปแบบใหม่ๆ เผย พบการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินอย่างผิดปกติ และมีข้อมูลการกระทำผิดทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยแจ้งให้ทาง กกต.แล้ว เชื่อมีความเป็นไปได้สูงแจกใบเหลือง-ใบแดงก่อนถึงวันเลือกตั้ง
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5
โดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อมอบนโยบายป้องกันปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งให้กับชุดเคลื่อนที่เร็วและป้องกันปราปรามการทุจริตเลือกตั้งถึงแนวทางปฏิบัติในการทำงาน รวมทั้งวิธีการจับกุมที่รู้เท่าทันกลโกงของผู้สมัคร และวิธีซื้อสิทธิขายเสียงแบบใหม่ เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีการใช้กลโกงใหม่หลายรูปแบบที่นอกเหนือไปจากการใช้เงินซื้อเสียงหรือการยึดบัตรประชาชนไว้ก่อนวันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวในการซื้อสิทธิขายเสียงนั้น ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีความเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 ด้วย ซึ่งข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้ค่อนข้างจะชัดเจนและได้แจ้งไปยัง กกต.แล้ว เบื้องต้นเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีการแจกใบเหลืองใบแดงก่อนวันเลือกตั้ง 3 ก.ค.54
ส่วนการหมุนเวียนเคลื่อนไหวของกระแสเงินที่ผิดปกตินั้น พลตำรวจโท ระพีพัฒน์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจับตาดูในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะที่การลำเลียงเงินสดที่มากผิดปกตินั้น ได้สั่งการกำชับเจ้าหน้าที่แล้วว่าหากตรวจสอบพบแล้วผู้ครอบครองไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าน่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเข้าข่ายมาตรา 53 ว่าด้วยการซื้อเสียง ที่เพียงแค่การเตรียมการก็มีความผิดตามกฏหมายแล้ว
นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำไปยังประชาชนด้วยว่า การรับเงินซื้อเสียงถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย แต่ในกรณีที่รับเงินซื้อเสียงมาแล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบภายใน 7 วัน ก็จะไม่มีความผิด ซึ่งอยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้สมัครรับเลือกตั้งให้แข่งขันกันภายใต้กรอบกติกาและกฎหมายอย่าเคร่งครัดด้วย