00 นาทีนี้ถ้าพิจารณาตามบรรยากาศก็ถือว่ายังอยู่ในช่วงของการเฉลิมฉลองชัยชนะ ยังชื่นมื่นกันอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มเข้าสู่ความเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น เริ่มคิดที่จะแยกย้ายกันไปทำงานบ้างแล้ว เหมือนกับการมองหาตัวทีมงาน ครม.ในรัฐบาลผสม 5 พรรคของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร พอจะมองเห็นอนาคตฝากความหวังได้หรือไม่
00 ต้องไม่ลืมว่าภายใต้เงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายได้ เสียงเกินครึ่ง(265 เสียง)แทบจะเรียกได้ว่าสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก แต่เอาเถอะในเมื่อต้องการรับประกันความชัวร์ก็ต้องดึงเข้ามารวมกัน 5 พรรค 299 เสียง เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้ชาวบ้านเขาจับจ้องมองด้วยความ “คาดหวังสูง”ว่า รมต.แต่ละคนจะต้องดูดีน่าเชื่อถือ เพราะหากว่าไปแล้วมีโอกาสคัดเลือกครม.ได้อย่างไร้ข้อจำกัดมากกว่าในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะของ ปชป.จนเทียบกันไม่ได้
00 โดยเฉพาะเก้าอี้สำคัญไล่เรียงกันไปตั้งแต่ ขุนคลัง-พาณิชย์-คมนาคม-เกษตรฯ-อุตสาหกรรม-มหาดไทย-ต่างประเทศ เหล่านี้ต้องออกมา “ไม่ยี้” ถ้าด่านแรกออกมาดูดีก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นดี เพราะทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นที่ดีก่อน หากเริ่มไม่สวยแล้วมันก็จะสร้างปัญหาและต้องเสียเวลาแก้ไขโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะ “ภาพลักษณ์” ที่สำคัญกำลังถูกจ้องมองรอบข้างไม่กระพริบมันก็ยิ่งระวัง ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ จะต้องพิสูจน์ให้เห็นโดยเร็ว ทำนองเมื่อถูกคาดหวังสูง ก็ “ยิ่งอันตราย”
00 เมื่อไล่ดูหน้าตาเบื้องต้น คร่าวๆไล่เรียงกันไปตั้งแต่ โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย และที่น่าจับตาว่าเป็นผลมาจากปฏิญญาบรูไนหรือไม่ไม่รู้ รู้แต่ว่า “ทหารอ้วน” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานั่ง รมว.กลาโหมช่วยการันตีให้น้องๆ “บูรพาพยัฆค์” ได้อยู่อย่างปลอดภัย ถ้าออกมาแบบนี้จริง มันก็ยังถือว่าพอรับได้ ยกเว้นคนหลังสุดที่พิลึกชอบกล
00 สำหรับ “เหลี่ยมจัด” แม้ว เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่แสดงออกมาหลังเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจนทำให้ตัวเองกลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกครั้งว่าจะยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่ากลับไทยเมื่อใด แต่เน้นย้ำในเรื่องการ “ปรองดอง” มากผิดปกติ แสดงให้เห็นว่าคราวนี้เขาไม่ยอมผลีผลามรีบกลับมาจูบแผ่นดินเมื่อในยุค “หุ่นเชิด” สมัคร สุนทรเวช ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการรอดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่งก่อน อย่างน้อยต้องรอดูการบริหารของน้องสาว คือ ยิ่งลักษณ์ ว่าสามารถแก้ปัญหาได้ดีเพียงใด หากมีแนวโน้มในทางบวก นั่นแหละถึงจะเปิดเกมรุกให้เข้มไปอีก ยังไม่อยากสร้างแรง “กระเพื่อม” ขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
00 การเปิดทางให้คณะกรรมการปรองดองชุดของ คณิต ณ นคร ได้ทำงานต่อ ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่คือการเปิดเกมในสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างแนบเนียน ค่อยเป็นค่อยไปรอจังหวะไปก่อน แต่ถึงอย่างไรเป้าหมายสูงสุดก็คือต้องนิรโทษฯให้กับตัวเองให้ได้ ซึ่งแนวทางก็ออกมาในลักษณะ “เหมารวม” กวาดพร้อมกันทั้งหมด หวังได้ทั้งภาพและแนวร่วมลดความเสี่ยงไปในตัว แต่ขณะเดียวกันถ้าเข้าสู่ “โหมด” นี้เมื่อไหร่รับรองว่า “ร้อนฉ่า” แน่นอน หลายคน “จองกฐิน” รอถล่มไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะมาไม้ไหน
00 มาพูดถึงเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยกันบ้าง ถ้าพูดถึงคนที่ “เสียหน้า” เสียฟอร์มมากที่สุดเห็นจะเป็น “เป็ดเหลิม” ยังไม่ถึงฝั่งฝันในใจเสียที เพราะไม่อาจกระเตง “ลูกวัน” เข้าสภาได้ ไปแพ้ผู้สมัคร ปชป.แค่หลักสิบคะแนนเท่านั้นเป็นใครก็ต้องเซ็ง แถมยุทธศาสตร์ นิรโทษทักษิณ ที่เคยชูเอาไว้ก็กลายเป็นว่าช่วงหลังต้องพับเอาไว้ก่อน แหมจะแอ็กอาร์ทเสียหน่อยก็โดนเบรก แถมในฝั่งคู่อาฆาตก็ยังแรงไม่ตก เด็กของ “อีหน่อย” ได้รับการเลือกตั้งทั้งในเขตมีนบุรีและดอนเมืองก็เอาตัวรอดเข้ามากันครบทุกคน แหมมันน่าเจ็บใจจริงๆ !!
00 ต้องไม่ลืมว่าภายใต้เงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายได้ เสียงเกินครึ่ง(265 เสียง)แทบจะเรียกได้ว่าสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก แต่เอาเถอะในเมื่อต้องการรับประกันความชัวร์ก็ต้องดึงเข้ามารวมกัน 5 พรรค 299 เสียง เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้ชาวบ้านเขาจับจ้องมองด้วยความ “คาดหวังสูง”ว่า รมต.แต่ละคนจะต้องดูดีน่าเชื่อถือ เพราะหากว่าไปแล้วมีโอกาสคัดเลือกครม.ได้อย่างไร้ข้อจำกัดมากกว่าในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะของ ปชป.จนเทียบกันไม่ได้
00 โดยเฉพาะเก้าอี้สำคัญไล่เรียงกันไปตั้งแต่ ขุนคลัง-พาณิชย์-คมนาคม-เกษตรฯ-อุตสาหกรรม-มหาดไทย-ต่างประเทศ เหล่านี้ต้องออกมา “ไม่ยี้” ถ้าด่านแรกออกมาดูดีก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นดี เพราะทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นที่ดีก่อน หากเริ่มไม่สวยแล้วมันก็จะสร้างปัญหาและต้องเสียเวลาแก้ไขโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะ “ภาพลักษณ์” ที่สำคัญกำลังถูกจ้องมองรอบข้างไม่กระพริบมันก็ยิ่งระวัง ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ จะต้องพิสูจน์ให้เห็นโดยเร็ว ทำนองเมื่อถูกคาดหวังสูง ก็ “ยิ่งอันตราย”
00 เมื่อไล่ดูหน้าตาเบื้องต้น คร่าวๆไล่เรียงกันไปตั้งแต่ โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย และที่น่าจับตาว่าเป็นผลมาจากปฏิญญาบรูไนหรือไม่ไม่รู้ รู้แต่ว่า “ทหารอ้วน” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานั่ง รมว.กลาโหมช่วยการันตีให้น้องๆ “บูรพาพยัฆค์” ได้อยู่อย่างปลอดภัย ถ้าออกมาแบบนี้จริง มันก็ยังถือว่าพอรับได้ ยกเว้นคนหลังสุดที่พิลึกชอบกล
00 สำหรับ “เหลี่ยมจัด” แม้ว เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่แสดงออกมาหลังเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจนทำให้ตัวเองกลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกครั้งว่าจะยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่ากลับไทยเมื่อใด แต่เน้นย้ำในเรื่องการ “ปรองดอง” มากผิดปกติ แสดงให้เห็นว่าคราวนี้เขาไม่ยอมผลีผลามรีบกลับมาจูบแผ่นดินเมื่อในยุค “หุ่นเชิด” สมัคร สุนทรเวช ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการรอดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่งก่อน อย่างน้อยต้องรอดูการบริหารของน้องสาว คือ ยิ่งลักษณ์ ว่าสามารถแก้ปัญหาได้ดีเพียงใด หากมีแนวโน้มในทางบวก นั่นแหละถึงจะเปิดเกมรุกให้เข้มไปอีก ยังไม่อยากสร้างแรง “กระเพื่อม” ขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
00 การเปิดทางให้คณะกรรมการปรองดองชุดของ คณิต ณ นคร ได้ทำงานต่อ ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่คือการเปิดเกมในสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างแนบเนียน ค่อยเป็นค่อยไปรอจังหวะไปก่อน แต่ถึงอย่างไรเป้าหมายสูงสุดก็คือต้องนิรโทษฯให้กับตัวเองให้ได้ ซึ่งแนวทางก็ออกมาในลักษณะ “เหมารวม” กวาดพร้อมกันทั้งหมด หวังได้ทั้งภาพและแนวร่วมลดความเสี่ยงไปในตัว แต่ขณะเดียวกันถ้าเข้าสู่ “โหมด” นี้เมื่อไหร่รับรองว่า “ร้อนฉ่า” แน่นอน หลายคน “จองกฐิน” รอถล่มไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะมาไม้ไหน
00 มาพูดถึงเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยกันบ้าง ถ้าพูดถึงคนที่ “เสียหน้า” เสียฟอร์มมากที่สุดเห็นจะเป็น “เป็ดเหลิม” ยังไม่ถึงฝั่งฝันในใจเสียที เพราะไม่อาจกระเตง “ลูกวัน” เข้าสภาได้ ไปแพ้ผู้สมัคร ปชป.แค่หลักสิบคะแนนเท่านั้นเป็นใครก็ต้องเซ็ง แถมยุทธศาสตร์ นิรโทษทักษิณ ที่เคยชูเอาไว้ก็กลายเป็นว่าช่วงหลังต้องพับเอาไว้ก่อน แหมจะแอ็กอาร์ทเสียหน่อยก็โดนเบรก แถมในฝั่งคู่อาฆาตก็ยังแรงไม่ตก เด็กของ “อีหน่อย” ได้รับการเลือกตั้งทั้งในเขตมีนบุรีและดอนเมืองก็เอาตัวรอดเข้ามากันครบทุกคน แหมมันน่าเจ็บใจจริงๆ !!
