xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปัตย์ต้องเรียนให้รู้มวลชน

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไปต่อพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นๆ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด แม้ว่ารัฐบาลรักษาการมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกน มีพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมอยู่ด้วยก็ตาม

พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร นั้น พร้อมที่จะลงเลือกตั้ง ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า กลุ่มเนวินเอาใจออกห่างมาตั้งพรรคภูมิใจไทย และขานชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แข่งกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก โน่นแล้ว การเคลื่อนไหวเมื่อสงกรานต์ปี 2552 และ 2553 จนกระทั่งนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง ก็เพื่อให้รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้มลงไปจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อที่จะมีรัฐบาลใหม่ เป็นรัฐบาลที่ ทักษิณ ชินวัตร บอกได้ใช้ฟัง

ความมุ่งมาดปรารถนาของทักษิณก็คือ กลับประเทศไทยอย่างผู้บริสุทธิ์ ทุกคดีที่ค้างอยู่ที่อัยการ และศาลต้องยกเลิกออกเสียจากสารบบ ถ้าหากมีการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้ก็จะเป็นเรื่องวิเศษอย่างยิ่ง

ก่อนถึงวันที่ 3 กรกฎาคมจึงมีคำถามจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์จะคัดค้านการนิรโทษกรรมให้ทักษิณอย่างแข็งขัน พร้อมกับตั้งคำถามไปยังประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งว่าจะเลือกกลุ่มหรือพรรคที่เผาบ้านเผาเมืองหรือ? จะเลือกผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือ?

ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องแก้เกมในทันทีว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายนิรโทษกรรมอย่างเด็ดขาด พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายเพื่อคนคนเดียว ทั้งนี้เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่า ขืนบอกว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไรจะนิรโทษกรรมให้ทักษิณเมื่อนั้น เป็นเสียคะแนนแน่ ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้

ถามว่า ทักษิณจะลงทุนลงแรงลงเงินไปกับการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยที่ตัวไม่ได้ประโยชน์เลยหรือ? ลงทุนลงแรงลงเงินเพื่อเสริมส่งให้น้องสาวเป็นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย เป็นเกียรติยศ เป็นศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลเท่านั้นหรือ? หามิได้ ทุกลมหายใจของทักษิณคือการกลับประเทศไทยอย่างผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากสามารถกลับมามีอำนาจได้อีกก็ยิ่งวิเศษ จะเป็นการประกาศชัยชนะเหนือผู้คนทั้งหลายที่ทักษิณถือว่าเป็นศัตรู ทักษิณต้องการหัวเราะ

เป็นการหัวเราะทีหลัง หัวเราะด้วยเสียงอันดัง

ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับพรรคเพื่อไทยที่จะนิรโทษกรรมให้ทักษิณ เป็นต้นว่า บริหารบ้านเมืองไปสักระยะแล้วก็บอกว่า เพื่อความปรองดอง เพื่อความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ สมควรที่จะนิรโทษกรรมให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองนับตั้งแต่การยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เท่านี้ก็เรียบร้อยในความคิดของทักษิณ และบริษัทบริวารของทักษิณ

แต่การณ์ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิดหรอกครับ มีตัวอย่างที่เป็นจริงให้เห็นมาแล้วในปี 2551 ที่ประชาชนที่รักชาติ รักประชาธิปไตยออกมาคัดค้านอย่างแข็งขัน ไม่กลัวความยากลำบาก ไม่กลัวตาย

การลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนทั้งในระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อโดยไม่สนใจไยดีต่อคำขู่ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันท้ายๆ ของการหาเสียงนั้นยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ว่า พวกเขาไม่ได้วิตกกังวลกับการกลับมาของทักษิณ หรือรับไม่ได้กับการจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีจตุพร ณัฐวุฒิ ฯลฯ เป็นรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นรัฐบาลควรที่จะวิตกกังวลมากกว่าเอาความวิตกกังวลนั้นมาข่มขู่ประชาชนให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เช่นนั้นจะได้พวกเผาบ้านเผาเมือง แต่พรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศ 2 ปี เจอการเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัด ควรที่จะดำเนินการตามตัวบทกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์กลับหลงตามไปพรรคชาติไทยพัฒนาที่ท่องคาถาปรองดอง เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาอ่านออกว่า พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแน่ๆ หนทางที่จะไม่อดอยากปากแห้งคือร่วมรัฐบาล และหนทางที่จะได้ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยก็คือ การปรองดอง ซึ่งคนที่จะได้ประโยชน์แน่ๆ คือ ทักษิณ

แล้วเห็นไหมเล่าว่า พรรคเพื่อไทยนั้นเจรจากับพรรคชาติไทยพัฒนาเตรียมตั้งรัฐบาลด้วยกันตั้งแต่ยังไม่ทันเลือกตั้งด้วยซ้ำ และเห็นไหมเล่าว่า พรรคชาติไทยพัฒนาท่องคาถา “เดินหน้าปรองดอง” ตั้งแต่ที่ผลการเลือกตั้งยังไม่สะเด็ดน้ำเสียด้วยซ้ำ

พรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศ 2 ปีกว่า ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลขิงแก่ หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คืออยู่เป็นรัฐบาล ประคองตัวเอาไว้ให้ได้ชื่อว่าเกิดมาชาติหนึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีกับเขาแล้ว ซึ่งน้อยคนนักจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาอะไรก็เทให้หมดขอให้ยกมือสนับสนุนให้ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ ก็พอ ผู้คนที่เคยสนับสนุนก็ถีบออกห่าง อายผู้คนจะเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกับตัว เสียงเรียกร้องของประชาชนก็ไม่รับฟัง เช่น เรียกร้องให้ลาออกจากภาคีมรดกโลกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พอนายสุวิทย์ คุณกิตติ ลาออก กลับเอาไปหาเสียงว่า เป็นการรักษาแผ่นดินเอาไว้ไม่ให้เสียดินแดนเป็นอย่างนั้นไป

ความผิดพลาดที่เจ็บปวดที่สุดเห็นจะเป็นการผลักไสให้คนไทยไปติดคุกติดตะรางที่กัมพูชา ยังไม่ทันไรก็บอกว่าคนไทย 7 คนรุกล้ำดินแดนกัมพูชาไปแล้ว

รัฐบาลที่เสือกไสประชาชนของตัวไปติดคุกติดตะรางอย่างนี้มีที่ไหนในโลก นอกจากประเทศไทย

ไม่แปลกที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะพรรคการเมืองของทักษิณเลย ไม่ว่าจะเลือกตั้งกี่ครั้งๆ ก็ตาม

อ้อ อาจจะเอาชนะได้บ้างในเขตเล็กๆ ไม่ใช่การเลือกตั้งในขอบเขตทั่วประเทศ

และจะเป็นเช่นนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปรับเปลี่ยน และไม่รู้จักมวลชนดีพอ
กำลังโหลดความคิดเห็น