การเลือกตั้งครั้งที่ 25 ของประเทศไทย เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เปิดหีบในเวลา 08.00 น. โดยมีประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิ์มากอย่างเป็นประวัติการณ์ มีหน่วยเลือกตั้งที่การใช้สิทธิ์ครบ 100 เปอร์เซนต์หลังเปิดหีบได้เพียง 2 ชั่วโมง จนคาดว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ครั้งนี้จะทุบสถิติ 74.45 เปอร์เซนต์ ของการเลือกตั้งเมื่อปี 2550
**"จำลอง"ไปใช้สิทธิ์แต่หย่อนบัตรไม่ได้
เมื่อเวลา 08.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วย พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง ภรรยา เดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 และ 16 แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร โดยพล.ต.จำลอง มีรายชื่อในลำดับที่ 39 ขณะที่ภรรยามีรายชื่อในลำดับที่ 41
แต่ปรากฏว่าในใบรายชื่อมีระบุไว้แนบท้ายว่า ได้ขอไปใช้สิทธิ์ที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้ พล.ต.จำลอง ไม่สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าในปี 2550 พล.ต.จำลอง และภรรยา เคยระบุไว้ว่า ขอไปใช้สิทธิ์ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งแนะนำให้ พล.ต.จำลอง เขียนคำร้องไว้ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ทางการเมือง
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งตนและภรรยาไม่ได้แจงความจำนงไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี เลย เนื่องจากวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังติดการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จึงไม่คิดที่จะไปใช้สิทธิ์ที่จ.กาญจนบุรี ให้เสียเวลาเดินทางกลับไปกลับมา ซึ่งถ้าหาก กกต.จะถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าตามที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวก่อน ก็ควรจะแจ้งให้เราทราบ หรือประกาศออกมาแลย เพราะบางครั้งก็จำไม่ได้ว่า คราวที่แล้วใช้สิทธิ์ที่ไหน เนื่องจากเวลาผ่านมา 3-4 ปี
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งว่า ยังมีเวลาพอที่จะเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ จ.กาญจนบุรีได้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ได้ จึงให้เขียนคำร้องเวลา เนื่องจากตนได้เดินทางมาใช้สิทธิตามเวลา และให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง วินิจฉัย ซึ่งคณะกรรมการแจ้งว่า ไม่ให้ใช้สิทธิ์โดยอ้างว่า ตนและภรรยาแจ้งไปใช้สิทธิล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.แล้ว ทั้งที่ตนไม่ได้ไปใช้สิทธิ และไม่ได้แจ้งความจำนง ที่จะไปใช้สิทธิล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี เนื่องจากในช่วงนั้นยังต้องอยู่ในที่ชุมนุม
**กกต.โบ้ยเป็นความผิดของมหาดไทย
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตามระเบียบกกต.เมื่อแจ้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์นอกเขตไว้ เมื่อการเลือกตั้งครั้งก่อนแล้วสิทธิ์จะยังคงอยู่ที่เดิม หากไม่มีการแจ้งย้ายกลับพร้อมอ้างว่าที่เป็นเช่นนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
**"สนธิ"ไม่คาดหวังการเลือกตั้งครั้งนี้
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ลำดับที่ 378 หน่วยเลือกตั้งที่ 3 เขตเลือกตั้งที่ 1 แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร
นายสนธิ กล่าวว่าไม่มีความคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่หวังเพียงประชาชนที่ไม่พอใจในระบบการเมืองและนักการเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะเห็นว่านักการเมืองไม่สามารถนำพาประเทศชาติได้ จะออกมาใช้สิทธิ์ของตนเอง เพื่อกดดันสังคม
ส่วนพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้รับการเลือกตั้ง ก็เห็นว่า เป็นระบบการเมืองเก่าทั้งนั้น ที่สำคัญคือ ทุกคนมุ่งหวังที่จะเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง และนอกจากนี้ จะสังเกตได้จากการหาเสียง ซึ่งเห็นว่าทุกพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือ สัญญาว่าจะให้ รวมถึงบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นายสนธิยังระบุด้วยว่า การเมืองหลังจากนี้ไปคงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ความขัดแย้งจะยิ่งเกิดมากขึ้น เนื่องจากกติกาไม่เปลี่ยนแปลง นักการเมืองหวังโกงกินบ้านเมือง ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติไปไม่รอด
"ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่หวังว่าประชาชนที่ไม่พอใจระบบการเมืองปัจจุบันที่เห็นพ้องว่า ระบบปัจจุบันไม่สามารถนำพาชาติบ้านเมืองต่อไปได้ ผมหวังว่าประชาชนจะใช้สิทธิ์ของตัวเอง เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับสังคม เพราะว่าในช่วง 30 กว่าวันที่ผ่านมา ในการหาเสียง เราจะเห็นได้ชัดว่าทุกคนมุ่งหวังว่าจะเอาผลประโยชน์มาล่อประชาชน และทุกพรรคก็ทำผิดกฎหมายกันหมดคือ สัญญาว่าจะให้
"มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรอกครับ มันจะมีแต่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เพราะกติกาไม่ได้เปลี่ยนแปลง ทุกคนยังมุ่งหวังว่าจะเข้าไปฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาใหญ่ๆ ของชาติบ้านเมืองไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาการเสียดินแดน ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ..." นายสนธิ กล่าว
**"มาร์ค"ควงภรรยา-บุตรสาวใช้สิทธิ์
เวลา 10.10 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนางพิมเพ็ญ เวชชาชีวะ ภรรยา และน.ส.ปราง เวชชาชีวะ บุตรสาว ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 4 เขตวัฒนา บริเวณโรงเรียนสวัสดีวิทยา สุขุมวิท 31 โดยนายอภิสิทธิ์ นั่งรถยนต์ประจำตำแหน่งแลนด์โรเวอร์ ทะเบียน ฌฌ - 1777 กทม. มาใช้สิทธิ์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ สวมเสื้อเชิ้ตลายสีฟ้า-ขาว โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และอารมณ์ดี
ทั้งนี้ ครอบครัวของนายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งในเขตนี้ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วยนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 52 น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 53 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 54 น.ส.ปราง เวชชาชีวะ ลำดับที่ 56 และนางพิมพเพ็ญ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 57
**"ยิ่งลักษณ์"สวมเสื้อม่วงไปใช้สิทธิ์
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวง นวมินทร์ เขตเลือกตั้งที่ 16 บึงกุม กทม. บริเวณโรงเรียนคลองลำเจียก โดยรายชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ลำดับที่ 138 จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 789 คน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า ขอเชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนที่สวมเสื้อสีม่วงวันนี้นั้น ไม่มีนัยยะอะไร เพียงแค่ต้องการความสดใส อีกทั้งก่อนมาลงคะแนนก็ยังไม่มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม ภายหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้สิทธิ์ เลือกตั้งแล้ว ก็ได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย โดยบอกว่า จะเข้าไปไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นในช่วงเที่ยง จะไปทานข้าวกับครอบครัว ก่อนจะเดินทางเข้าพรรคในช่วงบ่าย เพื่อติดตามฟังผลคะแนน กับแกนนำและสมาชิกพรรค
**แฟนคลับแห่กรี๊ด"พี่เบิร์ด"ใช้สิทธิ์
เวลา 09.30 น. นายธงไชย แมคอินไตย์ หรือ เบิร์ด นักร้องชื่อดังได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 66 แขวงบางจาก เขตพระโขนง บริเวณปั๊มปิโตรนาส ปากซอยวชิรธรรมสาธิต 44 สุขุมวิท 101/1 ท่ามกลางแฟนคลับที่มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชาวไต้หวันที่เพิ่งเดินทางมาจากไต้หวัน เพื่อได้พบกับนักร้องที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด
นายธงไชย ให้สัมภาษณ์หลังหย่อนบัตร ว่า "เหมือนทุกครั้งที่มา รู้สึกภูมิใจในสิทธิ์ของตัวเอง ดีใจที่ได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองอีกครั้งหนึ่งแล้ว อยากบอกทุกคนว่าควรรีบออกมาก่อนที่ฝนฟ้าจะตก จะได้อำนวยความสะดวกเต็มที่ แต่ถึงแม้ฝนจะตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าอย่างไรก็ต้องมาเพื่อสิทธิ์ของตัวเอง"
นายธงไชย ยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องความสะดวกสบาย เช่น ปัญหาฝนตก น้ำท่วมแล้วรถติด และเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ส่วนเรื่องในวงการบันเทิงที่ถือเป็นเรื่องเล็กนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที
นายธงไชย ยังได้กล่าวถึงเรื่องความสามัคคีของคนไทยหลังได้รัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศว่า "ไม่ว่าใครเป็นใคร เรารู้บ้างไม่รู้บ้าง รู้เลยหรือไม่รู้เลย อันนี้ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้เราเลือกที่จะอยู่ในประเทศนี้ ใช้สิทธิ์ของเราแล้วขอให้ทำเต็มที่ ขอให้ทุกคนรักกัน รักกันจริงๆจังสักที เราจะได้มีความสุข แล้วก็พ่อเราจะได้มีความสุขสักที"
** 2 คุณตา“สูงเนิน”โคราชฉีกบัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครราชสีมา หน่วยเลือกตั้งที่ 6 ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 14 นายแสง พรมภักดี อายุ 79 ปี ได้ฉีกบัตรเลือกตั้งส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ขณะเข้าไปใช้สิทธิลงคะแนน
นายแสง ระบุว่าได้พยายามหย่อนบัตรลงหีบหลังกากบาทลงคะแนนเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถหย่อนบัตรลงไปได้ จึงฉีกแบ่งครึ่ง และหย่อนลงไปใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวออกจากหน่วยเลือกตั้ง และควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.สูงเนิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำลายบัตรเลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นอกจากนี้ ในหน่วยเลือกตั้งเดียวกัน นายสมควร หลอมทองหล่อ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2-6 หมู่ 6 ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้ทำการฉีกบัตรเลือกตั้งส.ส. ทั้ง 2 ใบ โดยอ้างว่าได้ยินเจ้าหน้าที่บอกให้ฉีกบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีเช่นกัน
**ฉุนหาปากกาไม่เจอเลยฉีกบัตร
ส่วนที่ จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้รับแจ้งจาก ด.ต.ชาญยุทธ แก้วจันดา ผบ.หมู่ (ป) สภ.วาปีปทุม ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 15 วัดบ้านโนน หมู่ที่ 15 ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ว่า มีผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด้วยการฉีกบัตรเลือกตั้ง จึงได้นำตัวส่งพ.ต.ท.ธวัชชัย พรรณนานนท์ พนักงานสอบสวน(สบ.3) สถานีตำรวจภูธรวาปีปทุม
พ.ต.ท.ธวัชชัย เปิดเผยว่า ผู้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ชื่อนางบุญสม นามสมบูรณ์ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 15 ต.ขามป้อง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่านางบุญสม ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยดังกล่าว เมื่อรับบัตรเลือกตั้งมาแล้ว กำลังจะลงคะแนน แต่ว่าหาปากกาไม่พบ จึงได้ฉีกบัตรเลือกตั้งที่หมายเลขที่จะกากบาท ทั้ง 2 บัตร แต่ไม่แน่ใจ จึงได้เดินไปถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย เพื่อที่จะขอบัตรใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นการกระทำความผิดในฐาน จงใจกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย ซึ่งคาดว่านางบุญสม คงไม่มีเจตนาที่จะทำลายบัตรเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
**ผู้เฒ่าเชียงใหม่ ฉีกบัตรเลือกตั้ง
ที่ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันนทราย ได้ควบคุมตัวนายถวิล นันท์ตา อายุ 60 ปี ชาวบ้าน ต.ตาไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ส่งให้พนักงานสอบสวน หลังจากนายถวิลไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 เขตเลือกตั้งที่ 4 อ.สันทรายแล้ว ได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาให้การ วกวนโดยอ้างว่าตนเองได้กากบาทหมายเลขผิด จึงฉีกบัตรทิ้งเพื่อจะขอบัตรใหม่ ซึ่ง น.ส.มะลิวัลย์ นันท์ตา บุตรสาวได้มาประกันตัว พร้อมนำหลักฐานทางการแพทย์มายืนยันว่า บิดาป่วยด้วยโรคความจำเสื่อม ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวชั่วคราว และเรียกสอบพยานเพิ่ม
**2 หน่วยเชียงราย ไร้คนใช้สิทธิ์
ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 บ้านห้วยแม่เหลี่ยม ม.3 และบ้านร่วมเย็น หมู่ 11 ตำบลห้วยชมภู อ. เมือง จ.เชียงราย ถือว่าเป็น 2 หน่วยเลือกตั้ง ที่ไม่มีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว ถึงแม้ว่าในพื้นที่จะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 1,200 คน สาเหตุเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกหน่วยงานภาครัฐทอดทิ้งเรื่องความช่วยเหลือด้านต่างๆ
ด้านนายล่อจู อายุ 32 ปี หนึ่งในชาวบ้านห้วยแม่เหลี่ยม กล่าวว่า ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 100 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันกลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และถนนภายในหมู่บ้านก็ไม่ได้รับการก่อสร้างทั้งที่เรียกร้องมานานกว่า 20 ปี ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดตัดสินใจไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร
** กกต.จ่อแจก 5 ใบแดง
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงถึงการติดตามสถานการณ์การทุจริตการเลือกตั้ง ของศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ศอส.) ว่า ขณะนี้ มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามา ล่าสุดรวมทั้งสิ้น 185 เรื่อง และมีเรื่องแจ้งเบาะแส รวม 1,929 เรื่อง โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสิทธิขายเสียง เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง การข่มขู่หลอกลวง ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะรวบรวมพยายหลักฐานเพื่อเสนอต่อ กกต.กลาง ให้วินิจฉัย โดยจะพยายามให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องร้องเรียนที่พบมากที่สุดอยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือภาคเหนือ และกรุงเทพฯ บางส่วน ซึ่งประเด็นสำคัญ ทางฝ่ายสืบสวนได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และข้อมูลไปบางส่วนแล้ว อาทิ ที่ จ.สุโขทัย จ.ชัยภูมิ จ.มหาสารคาม จ.บุรีรัมย์ และ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ ตนตั้งใจว่าจะสามารถเสนอให้ใบแดงผู้สมัครที่กระทำการทุจริตการเลือกตั้งได้ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง 4-5 เรื่อง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาใบเหลืองใบแดง ต้องได้รับความเห็นชอบจากกต.ทั้ง 5 คนอีกด้วย
เมื่อถามว่า เรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง 4-5 เรื่อง ที่สามารถให้ใบแดงได้นั้น มีหลักฐานใดชี้ชัด นายสมชัย กล่าวว่า บางพื้นที่สามารถจับผู้กระทำความผิดที่เป็นหัวคะแนนพร้อมกับเงินสดและโพยรายชื่อ รวมถึงใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัครด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 15 วัน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าแล้วแต่กรณี
**ที่มหาสารคามจับได้ทั้งคน-หลักฐาน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีทุจริตเลือกตั้งที่ จ.มหาสารคาม ว่า ตนก็ได้รับรายงานแล้วว่ามีการขนเงินกันเพื่อเตรียมแจก และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการจับได้ทั้งเงิน และรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะสอบสวนได้เร็วที่สุดก่อน 7 วัน เพราะมีการจับได้ทั้งคน และของกลาง เชื่อว่าจะพิจารณาสำนวนนี้ได้เร็วกว่าสำนวนอื่นๆ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานมาก
** แห่ใช้สิทธิ์มาเป็นประวัติการณ์
เวลา 16.15 น. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แถลงภายหลังการปิดหีบบัตรเลือกตั้งว่า ตลอด 7 ชั่วโมงของการลงคะแนน คนไทยได้ใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติการณ์ และภาพรวมการเลือกตั้ง ไม่มีอุปสรรค กกต.ขอขอบคุณผู้มีสิทธิ์และเจ้าหน้าที่ที่ได้ช่วยกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างภาคภูมิ และมั่นใจได้ว่า กกต.จัดการเลือกตั้งอย่างยุติธรรมซึ่งมีองค์กรระหว่างประเทศ 200-300 คน ได้เข้ามาช่วยสังเกตการณ์
อย่างไรก็ดี ขออภัยผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตที่วันที่ 26 มิ.ย. ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ แต่ไม่ได้แจ้งยกเลิกทำให้วันนี้ใช้สิทธิ์ไม่ได้ เกิดจากการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง และไม่เข้าใจข้อกฎหมาย ซึ่งกกต.จะเสนอแก้กฎหมายให้ชัดเจนต่อไป
นายอภิชาต กล่าวว่า สำหรับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ กกต.ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงาน คาดว่า จะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 18.00 น. ส่วนการสอบสวนวินิจฉัยเพื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ถ้าเขตไหนไม่มีปัญหา ก็จะประกาศรับรองผลภายใน 7 วัน ส่วนถ้ามีเหตุอันสงสัยว่าทุจริต ก็จะต้องสอบสวนภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนด
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสตช. กล่าวว่า สตช.ได้เข้ามาดูแลไม่ให้มีการขัดขวางการเลือกตั้ง ภาพรวมทั้งประเทศรวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเรียบร้อยดี
ส่วนบรรดาคดีต่างๆ อาทิ คดีฉีกบัตร มี 7 คดี เช่น ที่ สน.บางนา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เจตนา ทางตำรวจก็จะสั่งไม่ฟ้อง ส่วนคดีซื้อเสียงมีการจับกุมคนทำที่มีหลักฐานเป็นเงินสด และบัตรแนะนำตัวผู้สมัคร มี 19 คดี ส่วนใหญ่เป็นในภาคอีสาน ซึ่งล่าสุดคือที่มหาสารคาม ตามที่เป็นข่าว และบางส่วนในภาคใต้ ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินดคีและรายงานกกต.เพื่อประกอบการพิจารณาให้ใบแดงใบเหลือง
ทั้งนี้ ถ้าใครับเงินไว้ สามารถนำเงินหรือหลักฐานมามอบให้ตำรวจหรือ กกต.ภายใน 7 วันแม้จะเป็นความผิด แต่ตำรวจก็จะกันไว้ไม่เสนออัยการฟ้องรับโทษ ซึ่งตอนนี้มี 2 ราย ที่มามอบหลักฐานเป็นเงิน 1,500 บาท และ 1,000 บาท ให้ตำรวจ ส่วนคดีจำหน่ายสุราช่วงห้ามจำหน่าย มี 23 คดี ซึ่งถือว่าน้อยมาก
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่าหลังจากวันนี้ สตช. ยังระดมกำลังเจ้าหน้าที่กวาดล้างอาชญกรรมถึงวันที่ 7 กรกฎาคม โดยเฉพาะ 61 เขต 25 จังหวัดที่เป็นพื้นที่สีส้ม แดง แดงเข้ม โดยยังเฝ้าระวังผู้สมัครส.ส.จำนวน 447 คน ซึ่งหลังจากวันดังกล่าว ก็จะประเมินสถานการณ์เพื่อลดความเข้มของพื้นที่รุนแรงต่อไป
** โจรใต้ลอบยิงขณะขนหีบบัตร
เมื่อเวลา 19.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภาพรวมการเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่า สงบเรียบร้อย ยกเว้นที่ จ.นราธิวาส ตอนขนหีบบัตรตอนปิดหีบ ถูกคนร้ายลอบยิง แต่คนขับและหีบบัตรปลอดภัย
ส่วนข้อมูลการร้องคัดค้าน ณ เวลา 19.25 น. มีทั้งหมด 185 เรื่อง แบ่งเป็นใส่ร้าย หลอกลวง ข่มขู่ 68 เรื่อง ให้เงินทรัพย์สิน 47 เรื่อง จัดเลี้ยงและมหรสพ 10 เรื่อง เจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นกลาง 31 เรื่อง ติดป้ายหาเสียงผิดกฎหมาย 29 เรื่อง
ส่วนจำนวนผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง ณ เวลา 19.20 น. ซึ่งยังนับคะแนนไม่ครบ มีผู้มาลงคะแนน 65.99 % หรือ 30,987,801 คน บัตรเสียแบบแบ่งเขต 1.7 ล้านใบ หรือ 5.71 % แบบบัญชีรายชื่อ 1.3 ล้านใบ หรือ 4.47 % ซึ่งถ้าเทียบกับการเลือกตั้งปี 50 บัตรเสีย แบบแบ่งเขต 8.37 แสนใบ หรือ 2.56 % แบบสัดส่วน 1.8 ล้านใบ หรือ 5.56 % ซึ่งถือว่า เลือกตั้งครั้งนี้มีบัตรเสียแบบบัญชีรายชื่อน้อยกว่า ไม่เป็นไปตามที่กังวลกัน
ส่วนผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ที่แตกต่างจากเอ็กซิทโพลล์มาก เพราะเป็นการนับจริงจากหน่วย ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้วันนี้จะแสดงผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการถึงจำนวน 90 % และในวันที่ 4 กรกฎาคม ถึงจะแสดงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ 100 % ได้
** ปลัดกทม.พอใจการเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 18.10 น. ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.)นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. ร่วมแถลงข่าวภายหลังปิดหีบบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งตนเองคาดว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว พร้อมกันนี้ขอขอบคุณกกต.กทม. เจ้าหน้าที่กทม. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม จะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยแต่ก็สามารถแก้ไขได้ เช่น ผู้ทีสิทธิ์มาแสดงตนที่ใช้สิทธิ์แต่ไม่มีรายชื่อ แต่เมื่อตรวจสอบจากคอมพิวเตอร์พบว่าหน่วยเลือกตั้งอยู่ในหน่วยเลือกตั้งใกล้เคียงกัน นอกจากนั้น ยังคงมีปัญหาของผู้ที่ลงชื่อใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อปี 2550 แล้วไม่ได้แจ้งความประสงค์ หรือยกเลิกเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในการเลือกครั้งนี้ ที่หน่วยเลือกตั้งของตนเองได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวไม่ทราบข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือแจ้งเจ้าบ้านถึงหน่วยเลือกตั้งที่ต้องไปลงคะแนนอย่างชัดเจนแล้วแต่เข้าใจว่าอาจไม่ได้ศึกษาให้ดี จึงเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.สุเทพ กล่าวถึงปัญหาการร้องเรียนในกทม. ว่ามีทั้งหมด 18 เรื่องไม่มีเรื่องรุนแรง ทั้งนี้ มีการขอถอนไป 1 เรื่อง เนื่องจากมีความเข้าใจผิด นอกจากนี้ยังไม่การร้องเรียนทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการซื้อเสียง โดยอ้างว่ามีเขาเล่ามา ซึ่งได้ชี้แจงให้ส่งเรื่องมาเป็นลายลักษณ์อักษรแทนจำนวน 1 เรื่อง ซึ่งถือว่าไม่มีหลักฐาน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ
ประธาน กกต.กทม. กล่าวต่อว่า ในภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจในทุกๆด้าน ทั้งการปฏิบัติการเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ และการมาใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งกทม.สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างเรียบร้อย
**"จำลอง"ไปใช้สิทธิ์แต่หย่อนบัตรไม่ได้
เมื่อเวลา 08.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วย พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง ภรรยา เดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 และ 16 แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร โดยพล.ต.จำลอง มีรายชื่อในลำดับที่ 39 ขณะที่ภรรยามีรายชื่อในลำดับที่ 41
แต่ปรากฏว่าในใบรายชื่อมีระบุไว้แนบท้ายว่า ได้ขอไปใช้สิทธิ์ที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้ พล.ต.จำลอง ไม่สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าในปี 2550 พล.ต.จำลอง และภรรยา เคยระบุไว้ว่า ขอไปใช้สิทธิ์ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งแนะนำให้ พล.ต.จำลอง เขียนคำร้องไว้ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ทางการเมือง
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งตนและภรรยาไม่ได้แจงความจำนงไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี เลย เนื่องจากวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังติดการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จึงไม่คิดที่จะไปใช้สิทธิ์ที่จ.กาญจนบุรี ให้เสียเวลาเดินทางกลับไปกลับมา ซึ่งถ้าหาก กกต.จะถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าตามที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวก่อน ก็ควรจะแจ้งให้เราทราบ หรือประกาศออกมาแลย เพราะบางครั้งก็จำไม่ได้ว่า คราวที่แล้วใช้สิทธิ์ที่ไหน เนื่องจากเวลาผ่านมา 3-4 ปี
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งว่า ยังมีเวลาพอที่จะเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ จ.กาญจนบุรีได้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ได้ จึงให้เขียนคำร้องเวลา เนื่องจากตนได้เดินทางมาใช้สิทธิตามเวลา และให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง วินิจฉัย ซึ่งคณะกรรมการแจ้งว่า ไม่ให้ใช้สิทธิ์โดยอ้างว่า ตนและภรรยาแจ้งไปใช้สิทธิล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.แล้ว ทั้งที่ตนไม่ได้ไปใช้สิทธิ และไม่ได้แจ้งความจำนง ที่จะไปใช้สิทธิล่วงหน้าที่ จ.กาญจนบุรี เนื่องจากในช่วงนั้นยังต้องอยู่ในที่ชุมนุม
**กกต.โบ้ยเป็นความผิดของมหาดไทย
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตามระเบียบกกต.เมื่อแจ้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์นอกเขตไว้ เมื่อการเลือกตั้งครั้งก่อนแล้วสิทธิ์จะยังคงอยู่ที่เดิม หากไม่มีการแจ้งย้ายกลับพร้อมอ้างว่าที่เป็นเช่นนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
**"สนธิ"ไม่คาดหวังการเลือกตั้งครั้งนี้
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ลำดับที่ 378 หน่วยเลือกตั้งที่ 3 เขตเลือกตั้งที่ 1 แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร
นายสนธิ กล่าวว่าไม่มีความคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่หวังเพียงประชาชนที่ไม่พอใจในระบบการเมืองและนักการเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะเห็นว่านักการเมืองไม่สามารถนำพาประเทศชาติได้ จะออกมาใช้สิทธิ์ของตนเอง เพื่อกดดันสังคม
ส่วนพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้รับการเลือกตั้ง ก็เห็นว่า เป็นระบบการเมืองเก่าทั้งนั้น ที่สำคัญคือ ทุกคนมุ่งหวังที่จะเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง และนอกจากนี้ จะสังเกตได้จากการหาเสียง ซึ่งเห็นว่าทุกพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือ สัญญาว่าจะให้ รวมถึงบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นายสนธิยังระบุด้วยว่า การเมืองหลังจากนี้ไปคงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ความขัดแย้งจะยิ่งเกิดมากขึ้น เนื่องจากกติกาไม่เปลี่ยนแปลง นักการเมืองหวังโกงกินบ้านเมือง ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติไปไม่รอด
"ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่หวังว่าประชาชนที่ไม่พอใจระบบการเมืองปัจจุบันที่เห็นพ้องว่า ระบบปัจจุบันไม่สามารถนำพาชาติบ้านเมืองต่อไปได้ ผมหวังว่าประชาชนจะใช้สิทธิ์ของตัวเอง เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับสังคม เพราะว่าในช่วง 30 กว่าวันที่ผ่านมา ในการหาเสียง เราจะเห็นได้ชัดว่าทุกคนมุ่งหวังว่าจะเอาผลประโยชน์มาล่อประชาชน และทุกพรรคก็ทำผิดกฎหมายกันหมดคือ สัญญาว่าจะให้
"มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรอกครับ มันจะมีแต่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เพราะกติกาไม่ได้เปลี่ยนแปลง ทุกคนยังมุ่งหวังว่าจะเข้าไปฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาใหญ่ๆ ของชาติบ้านเมืองไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาการเสียดินแดน ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ..." นายสนธิ กล่าว
**"มาร์ค"ควงภรรยา-บุตรสาวใช้สิทธิ์
เวลา 10.10 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนางพิมเพ็ญ เวชชาชีวะ ภรรยา และน.ส.ปราง เวชชาชีวะ บุตรสาว ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 4 เขตวัฒนา บริเวณโรงเรียนสวัสดีวิทยา สุขุมวิท 31 โดยนายอภิสิทธิ์ นั่งรถยนต์ประจำตำแหน่งแลนด์โรเวอร์ ทะเบียน ฌฌ - 1777 กทม. มาใช้สิทธิ์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ สวมเสื้อเชิ้ตลายสีฟ้า-ขาว โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และอารมณ์ดี
ทั้งนี้ ครอบครัวของนายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งในเขตนี้ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วยนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 52 น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 53 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 54 น.ส.ปราง เวชชาชีวะ ลำดับที่ 56 และนางพิมพเพ็ญ เวชชาชีวะ ลำดับที่ 57
**"ยิ่งลักษณ์"สวมเสื้อม่วงไปใช้สิทธิ์
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวง นวมินทร์ เขตเลือกตั้งที่ 16 บึงกุม กทม. บริเวณโรงเรียนคลองลำเจียก โดยรายชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ลำดับที่ 138 จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 789 คน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า ขอเชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนที่สวมเสื้อสีม่วงวันนี้นั้น ไม่มีนัยยะอะไร เพียงแค่ต้องการความสดใส อีกทั้งก่อนมาลงคะแนนก็ยังไม่มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม ภายหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้สิทธิ์ เลือกตั้งแล้ว ก็ได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย โดยบอกว่า จะเข้าไปไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นในช่วงเที่ยง จะไปทานข้าวกับครอบครัว ก่อนจะเดินทางเข้าพรรคในช่วงบ่าย เพื่อติดตามฟังผลคะแนน กับแกนนำและสมาชิกพรรค
**แฟนคลับแห่กรี๊ด"พี่เบิร์ด"ใช้สิทธิ์
เวลา 09.30 น. นายธงไชย แมคอินไตย์ หรือ เบิร์ด นักร้องชื่อดังได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 66 แขวงบางจาก เขตพระโขนง บริเวณปั๊มปิโตรนาส ปากซอยวชิรธรรมสาธิต 44 สุขุมวิท 101/1 ท่ามกลางแฟนคลับที่มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชาวไต้หวันที่เพิ่งเดินทางมาจากไต้หวัน เพื่อได้พบกับนักร้องที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด
นายธงไชย ให้สัมภาษณ์หลังหย่อนบัตร ว่า "เหมือนทุกครั้งที่มา รู้สึกภูมิใจในสิทธิ์ของตัวเอง ดีใจที่ได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองอีกครั้งหนึ่งแล้ว อยากบอกทุกคนว่าควรรีบออกมาก่อนที่ฝนฟ้าจะตก จะได้อำนวยความสะดวกเต็มที่ แต่ถึงแม้ฝนจะตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าอย่างไรก็ต้องมาเพื่อสิทธิ์ของตัวเอง"
นายธงไชย ยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องความสะดวกสบาย เช่น ปัญหาฝนตก น้ำท่วมแล้วรถติด และเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ส่วนเรื่องในวงการบันเทิงที่ถือเป็นเรื่องเล็กนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที
นายธงไชย ยังได้กล่าวถึงเรื่องความสามัคคีของคนไทยหลังได้รัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศว่า "ไม่ว่าใครเป็นใคร เรารู้บ้างไม่รู้บ้าง รู้เลยหรือไม่รู้เลย อันนี้ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้เราเลือกที่จะอยู่ในประเทศนี้ ใช้สิทธิ์ของเราแล้วขอให้ทำเต็มที่ ขอให้ทุกคนรักกัน รักกันจริงๆจังสักที เราจะได้มีความสุข แล้วก็พ่อเราจะได้มีความสุขสักที"
** 2 คุณตา“สูงเนิน”โคราชฉีกบัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครราชสีมา หน่วยเลือกตั้งที่ 6 ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 14 นายแสง พรมภักดี อายุ 79 ปี ได้ฉีกบัตรเลือกตั้งส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ขณะเข้าไปใช้สิทธิลงคะแนน
นายแสง ระบุว่าได้พยายามหย่อนบัตรลงหีบหลังกากบาทลงคะแนนเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถหย่อนบัตรลงไปได้ จึงฉีกแบ่งครึ่ง และหย่อนลงไปใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวออกจากหน่วยเลือกตั้ง และควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.สูงเนิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำลายบัตรเลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นอกจากนี้ ในหน่วยเลือกตั้งเดียวกัน นายสมควร หลอมทองหล่อ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2-6 หมู่ 6 ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้ทำการฉีกบัตรเลือกตั้งส.ส. ทั้ง 2 ใบ โดยอ้างว่าได้ยินเจ้าหน้าที่บอกให้ฉีกบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีเช่นกัน
**ฉุนหาปากกาไม่เจอเลยฉีกบัตร
ส่วนที่ จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้รับแจ้งจาก ด.ต.ชาญยุทธ แก้วจันดา ผบ.หมู่ (ป) สภ.วาปีปทุม ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 15 วัดบ้านโนน หมู่ที่ 15 ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ว่า มีผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด้วยการฉีกบัตรเลือกตั้ง จึงได้นำตัวส่งพ.ต.ท.ธวัชชัย พรรณนานนท์ พนักงานสอบสวน(สบ.3) สถานีตำรวจภูธรวาปีปทุม
พ.ต.ท.ธวัชชัย เปิดเผยว่า ผู้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ชื่อนางบุญสม นามสมบูรณ์ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 15 ต.ขามป้อง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่านางบุญสม ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยดังกล่าว เมื่อรับบัตรเลือกตั้งมาแล้ว กำลังจะลงคะแนน แต่ว่าหาปากกาไม่พบ จึงได้ฉีกบัตรเลือกตั้งที่หมายเลขที่จะกากบาท ทั้ง 2 บัตร แต่ไม่แน่ใจ จึงได้เดินไปถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย เพื่อที่จะขอบัตรใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นการกระทำความผิดในฐาน จงใจกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย ซึ่งคาดว่านางบุญสม คงไม่มีเจตนาที่จะทำลายบัตรเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
**ผู้เฒ่าเชียงใหม่ ฉีกบัตรเลือกตั้ง
ที่ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันนทราย ได้ควบคุมตัวนายถวิล นันท์ตา อายุ 60 ปี ชาวบ้าน ต.ตาไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ส่งให้พนักงานสอบสวน หลังจากนายถวิลไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 เขตเลือกตั้งที่ 4 อ.สันทรายแล้ว ได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาให้การ วกวนโดยอ้างว่าตนเองได้กากบาทหมายเลขผิด จึงฉีกบัตรทิ้งเพื่อจะขอบัตรใหม่ ซึ่ง น.ส.มะลิวัลย์ นันท์ตา บุตรสาวได้มาประกันตัว พร้อมนำหลักฐานทางการแพทย์มายืนยันว่า บิดาป่วยด้วยโรคความจำเสื่อม ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวชั่วคราว และเรียกสอบพยานเพิ่ม
**2 หน่วยเชียงราย ไร้คนใช้สิทธิ์
ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 บ้านห้วยแม่เหลี่ยม ม.3 และบ้านร่วมเย็น หมู่ 11 ตำบลห้วยชมภู อ. เมือง จ.เชียงราย ถือว่าเป็น 2 หน่วยเลือกตั้ง ที่ไม่มีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว ถึงแม้ว่าในพื้นที่จะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 1,200 คน สาเหตุเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกหน่วยงานภาครัฐทอดทิ้งเรื่องความช่วยเหลือด้านต่างๆ
ด้านนายล่อจู อายุ 32 ปี หนึ่งในชาวบ้านห้วยแม่เหลี่ยม กล่าวว่า ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 100 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันกลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และถนนภายในหมู่บ้านก็ไม่ได้รับการก่อสร้างทั้งที่เรียกร้องมานานกว่า 20 ปี ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดตัดสินใจไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร
** กกต.จ่อแจก 5 ใบแดง
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงถึงการติดตามสถานการณ์การทุจริตการเลือกตั้ง ของศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ศอส.) ว่า ขณะนี้ มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามา ล่าสุดรวมทั้งสิ้น 185 เรื่อง และมีเรื่องแจ้งเบาะแส รวม 1,929 เรื่อง โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสิทธิขายเสียง เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง การข่มขู่หลอกลวง ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะรวบรวมพยายหลักฐานเพื่อเสนอต่อ กกต.กลาง ให้วินิจฉัย โดยจะพยายามให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องร้องเรียนที่พบมากที่สุดอยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือภาคเหนือ และกรุงเทพฯ บางส่วน ซึ่งประเด็นสำคัญ ทางฝ่ายสืบสวนได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และข้อมูลไปบางส่วนแล้ว อาทิ ที่ จ.สุโขทัย จ.ชัยภูมิ จ.มหาสารคาม จ.บุรีรัมย์ และ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ ตนตั้งใจว่าจะสามารถเสนอให้ใบแดงผู้สมัครที่กระทำการทุจริตการเลือกตั้งได้ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง 4-5 เรื่อง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาใบเหลืองใบแดง ต้องได้รับความเห็นชอบจากกต.ทั้ง 5 คนอีกด้วย
เมื่อถามว่า เรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง 4-5 เรื่อง ที่สามารถให้ใบแดงได้นั้น มีหลักฐานใดชี้ชัด นายสมชัย กล่าวว่า บางพื้นที่สามารถจับผู้กระทำความผิดที่เป็นหัวคะแนนพร้อมกับเงินสดและโพยรายชื่อ รวมถึงใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัครด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 15 วัน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าแล้วแต่กรณี
**ที่มหาสารคามจับได้ทั้งคน-หลักฐาน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีทุจริตเลือกตั้งที่ จ.มหาสารคาม ว่า ตนก็ได้รับรายงานแล้วว่ามีการขนเงินกันเพื่อเตรียมแจก และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการจับได้ทั้งเงิน และรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะสอบสวนได้เร็วที่สุดก่อน 7 วัน เพราะมีการจับได้ทั้งคน และของกลาง เชื่อว่าจะพิจารณาสำนวนนี้ได้เร็วกว่าสำนวนอื่นๆ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานมาก
** แห่ใช้สิทธิ์มาเป็นประวัติการณ์
เวลา 16.15 น. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แถลงภายหลังการปิดหีบบัตรเลือกตั้งว่า ตลอด 7 ชั่วโมงของการลงคะแนน คนไทยได้ใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติการณ์ และภาพรวมการเลือกตั้ง ไม่มีอุปสรรค กกต.ขอขอบคุณผู้มีสิทธิ์และเจ้าหน้าที่ที่ได้ช่วยกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างภาคภูมิ และมั่นใจได้ว่า กกต.จัดการเลือกตั้งอย่างยุติธรรมซึ่งมีองค์กรระหว่างประเทศ 200-300 คน ได้เข้ามาช่วยสังเกตการณ์
อย่างไรก็ดี ขออภัยผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตที่วันที่ 26 มิ.ย. ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ แต่ไม่ได้แจ้งยกเลิกทำให้วันนี้ใช้สิทธิ์ไม่ได้ เกิดจากการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง และไม่เข้าใจข้อกฎหมาย ซึ่งกกต.จะเสนอแก้กฎหมายให้ชัดเจนต่อไป
นายอภิชาต กล่าวว่า สำหรับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ กกต.ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงาน คาดว่า จะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 18.00 น. ส่วนการสอบสวนวินิจฉัยเพื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ถ้าเขตไหนไม่มีปัญหา ก็จะประกาศรับรองผลภายใน 7 วัน ส่วนถ้ามีเหตุอันสงสัยว่าทุจริต ก็จะต้องสอบสวนภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนด
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสตช. กล่าวว่า สตช.ได้เข้ามาดูแลไม่ให้มีการขัดขวางการเลือกตั้ง ภาพรวมทั้งประเทศรวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเรียบร้อยดี
ส่วนบรรดาคดีต่างๆ อาทิ คดีฉีกบัตร มี 7 คดี เช่น ที่ สน.บางนา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เจตนา ทางตำรวจก็จะสั่งไม่ฟ้อง ส่วนคดีซื้อเสียงมีการจับกุมคนทำที่มีหลักฐานเป็นเงินสด และบัตรแนะนำตัวผู้สมัคร มี 19 คดี ส่วนใหญ่เป็นในภาคอีสาน ซึ่งล่าสุดคือที่มหาสารคาม ตามที่เป็นข่าว และบางส่วนในภาคใต้ ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินดคีและรายงานกกต.เพื่อประกอบการพิจารณาให้ใบแดงใบเหลือง
ทั้งนี้ ถ้าใครับเงินไว้ สามารถนำเงินหรือหลักฐานมามอบให้ตำรวจหรือ กกต.ภายใน 7 วันแม้จะเป็นความผิด แต่ตำรวจก็จะกันไว้ไม่เสนออัยการฟ้องรับโทษ ซึ่งตอนนี้มี 2 ราย ที่มามอบหลักฐานเป็นเงิน 1,500 บาท และ 1,000 บาท ให้ตำรวจ ส่วนคดีจำหน่ายสุราช่วงห้ามจำหน่าย มี 23 คดี ซึ่งถือว่าน้อยมาก
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่าหลังจากวันนี้ สตช. ยังระดมกำลังเจ้าหน้าที่กวาดล้างอาชญกรรมถึงวันที่ 7 กรกฎาคม โดยเฉพาะ 61 เขต 25 จังหวัดที่เป็นพื้นที่สีส้ม แดง แดงเข้ม โดยยังเฝ้าระวังผู้สมัครส.ส.จำนวน 447 คน ซึ่งหลังจากวันดังกล่าว ก็จะประเมินสถานการณ์เพื่อลดความเข้มของพื้นที่รุนแรงต่อไป
** โจรใต้ลอบยิงขณะขนหีบบัตร
เมื่อเวลา 19.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภาพรวมการเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่า สงบเรียบร้อย ยกเว้นที่ จ.นราธิวาส ตอนขนหีบบัตรตอนปิดหีบ ถูกคนร้ายลอบยิง แต่คนขับและหีบบัตรปลอดภัย
ส่วนข้อมูลการร้องคัดค้าน ณ เวลา 19.25 น. มีทั้งหมด 185 เรื่อง แบ่งเป็นใส่ร้าย หลอกลวง ข่มขู่ 68 เรื่อง ให้เงินทรัพย์สิน 47 เรื่อง จัดเลี้ยงและมหรสพ 10 เรื่อง เจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นกลาง 31 เรื่อง ติดป้ายหาเสียงผิดกฎหมาย 29 เรื่อง
ส่วนจำนวนผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง ณ เวลา 19.20 น. ซึ่งยังนับคะแนนไม่ครบ มีผู้มาลงคะแนน 65.99 % หรือ 30,987,801 คน บัตรเสียแบบแบ่งเขต 1.7 ล้านใบ หรือ 5.71 % แบบบัญชีรายชื่อ 1.3 ล้านใบ หรือ 4.47 % ซึ่งถ้าเทียบกับการเลือกตั้งปี 50 บัตรเสีย แบบแบ่งเขต 8.37 แสนใบ หรือ 2.56 % แบบสัดส่วน 1.8 ล้านใบ หรือ 5.56 % ซึ่งถือว่า เลือกตั้งครั้งนี้มีบัตรเสียแบบบัญชีรายชื่อน้อยกว่า ไม่เป็นไปตามที่กังวลกัน
ส่วนผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ที่แตกต่างจากเอ็กซิทโพลล์มาก เพราะเป็นการนับจริงจากหน่วย ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้วันนี้จะแสดงผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการถึงจำนวน 90 % และในวันที่ 4 กรกฎาคม ถึงจะแสดงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ 100 % ได้
** ปลัดกทม.พอใจการเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 18.10 น. ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.)นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. ร่วมแถลงข่าวภายหลังปิดหีบบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งตนเองคาดว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว พร้อมกันนี้ขอขอบคุณกกต.กทม. เจ้าหน้าที่กทม. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม จะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยแต่ก็สามารถแก้ไขได้ เช่น ผู้ทีสิทธิ์มาแสดงตนที่ใช้สิทธิ์แต่ไม่มีรายชื่อ แต่เมื่อตรวจสอบจากคอมพิวเตอร์พบว่าหน่วยเลือกตั้งอยู่ในหน่วยเลือกตั้งใกล้เคียงกัน นอกจากนั้น ยังคงมีปัญหาของผู้ที่ลงชื่อใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อปี 2550 แล้วไม่ได้แจ้งความประสงค์ หรือยกเลิกเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในการเลือกครั้งนี้ ที่หน่วยเลือกตั้งของตนเองได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวไม่ทราบข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือแจ้งเจ้าบ้านถึงหน่วยเลือกตั้งที่ต้องไปลงคะแนนอย่างชัดเจนแล้วแต่เข้าใจว่าอาจไม่ได้ศึกษาให้ดี จึงเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.สุเทพ กล่าวถึงปัญหาการร้องเรียนในกทม. ว่ามีทั้งหมด 18 เรื่องไม่มีเรื่องรุนแรง ทั้งนี้ มีการขอถอนไป 1 เรื่อง เนื่องจากมีความเข้าใจผิด นอกจากนี้ยังไม่การร้องเรียนทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการซื้อเสียง โดยอ้างว่ามีเขาเล่ามา ซึ่งได้ชี้แจงให้ส่งเรื่องมาเป็นลายลักษณ์อักษรแทนจำนวน 1 เรื่อง ซึ่งถือว่าไม่มีหลักฐาน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ
ประธาน กกต.กทม. กล่าวต่อว่า ในภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจในทุกๆด้าน ทั้งการปฏิบัติการเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ และการมาใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งกทม.สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างเรียบร้อย