ผบ.ตร.สรุปการกระทำผิดเลือกตั้งทั่วประเทศพบฉีกบัตร 17 ราย ส่วนใหญ่อ้างกาผิด-เมาสุรา จับจำหน่ายสุรา 47 ราย พร้อมสั่งดูแลความปลอดภัยผู้สมัครจนถึงวันที่ 7 ก.ค. รับกังวลเรื่องเช็คบิลหัวคะแนนที่ทำงานไม่เข้าเป้า เชื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไม่กระทบการทำงานของ ตร.
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นประธานการประชุม ศรส.ลต.ตร. โดยมีรอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร.และผู้บัญชาการหน่วยพื้นที่ ซึ่งประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เข้ารวมรายงานผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง และสรุปสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยฯ
พล.ต.อ.วิเชียรแถลงว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ พบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ในลักษณะจงใจหรือกระทำการใดๆให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย ทั่วประเทศ รวม 17 ราย เป็นการฉีกบัตรทั้งหมด โดยอ้างว่ากาหมายเลขผิด ใน ท้องที่ สน.พลับพลาไชย ขณะที่ ในท้องที่ สภ.สูงเนิน ฉีกบัตรเพราะอ้างว่านำบัตรใส่กล่องไม่เข้า ขณะที่ภ.จว.ขอนแก่น พบมีการฉีกบัตรเนื่องจากเมาสุรา ขณะที่พบการกระทำผิดโดยนำบัตรเลือกตั้ง ออกจากหน่วยเลือกตั้ง 1 ราย เป็นกรณีเหตุเกิดที่ สภ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายอำนาจ ฤทธิไกร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาทำให้เสียทรัพย์และสูดดมสารระเหย มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหลบหนีและนำบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหลบหนีไปด้วย โดยเอาบัตรทิ้งห่างจากหน่วยเลือกตั้ง ประมาณ 1 กม. ก่อนตำรวจจับกุมได้ นอกจากนี้พบการกระทำผิด ข้อหาจำหน่าย จ่ายแจกสุราในเวลาห้ามทั้งสิ้น 47 ราย
ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยผู้สมัครรับเลือกตั้งว่า ตำรวจยังคงดูแลความปลอดภัยให้จนถึง วันที่ 7 กรกฎาคม แต่หลังจากนั้นหากใครยังต้องการการคุ้มครองก็ต้องพิจารณา โดยต้องยื่นขอมาเป็นรายๆโดยดูจากพื้นที่ ขณะนี้ตอนนี้ตำรวจกำลังกังวลเรื่องการเช็คบิลหัวคะแนน ที่ทำงานไม่เข้าเป้า ซึ่งตำรวจต้องเข้าไปเฝ้าระวัง
เมื่อถามว่าหากเปลี่ยนรัฐบาลจะกระทบต่อตำรวจหรือใหม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะตำรวจต้องทำหน้าที่ได้กับทุกคน เป็นตำรวจมืออาชีพ ไม่ว่ารัฐบาลไหนหน้าที่ตำรวจก็บังคับใช้กฎหมาย แต่หากเปลี่ยนรัฐบาลแล้วแล้วทำงานไม่ได้ ก็อย่ามาเป็นตำรวจให้ไปทำอาชีพอื่น
ขณะที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตลอดวันเลือกตั้ง ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับขณะมาลงคะแนนเลือกตั้งได้ 240 ราย
ผบ.ตร.กล่าวว่า การตรวจหีบบัตรทุกหน่วยเลือกตั้ง 90,854 ทุกหน่วยทั่วประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่บางหน่วยเลือกตั้งประสบปัญหา ฝนตกหนัก เช่น ที่หน่วย อ.อมก๋อย จ.เชียงราย ก็สามารถแก้สถานการณ์ ทุกพื้นที่ ขณะในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นั้น พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 รายงาน ที่สภ.กำแพงแสน สภ.สามควายเผือก จ.นครปฐม มีปฏิบัติการตามมาตรการ 315 ตรวจค้นบ้านยางรีสอร์ท เกิดเหตุปืนลั่น อีกเหตุ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อเวลา 10.20 น. เกิดเหตุ ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหา ในตำบลเบิกไพร อ.บ้านโป่ง จับผู้ต้องหา ชาย 2 คน หญิง 2 คน แต่เนื่องจาก 1กลุ่มผู้ต้องหาจะมอบตัว แต่เพื่อนในกลุ่มรั้งไว้ จึงเข้าใจผิดว่าเป็นการชิงตัวประกัน โดยผู้ต้องหามีการยิงต่อสู้ ตำรวจเจ็บ 2 นาย โดยยิงที่เฉี่ยวหน้าผาก1 คนอีกคนโดยยิงที่ขา ผู้ต้องหาถูกยิงเสียชิวิต 1 คน
ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะที่ ในพื้นที่ ศชต.รายงานว่า 19.30 น.วันที่ 2 ก.ค.มีการยิงฐานทหารพราน ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นครธฺวาส 2จุด เป็นการยิงก่อกวน เจ้าหน้าที่ปลอดภัย แม้จะเป็นที่ตั้งหน่วยเลือกตั้ง ต่ำไม่ส่งผลกระทบสามารถใช้ลงคะแนนได้เรียบร้อย ทั้งนี้แม้หลายพื้นที่จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาสหลายพื้นที่ฝนตกหนักแต่สามารถใช้เป็นหน่วยลงคะแนนได้
ขณะที่คดีชายชุดดำ 200 คน ก่อเหตุอุกอาจในพื้นที่ สภ.คลองหลวงนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ถือเป็นการกระทำอุกอาจมาก คนร้ายก่อเหตุช่วงที่ตำรวจต้องมาดูการเลือกตั้ง ตนสั่งการ ทั้งผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ ผกก.สภ.คลองหลวง ออกหมายจับให้ได้ภายในวันที่ 4 ก.ค.โดยออกหมายจับ จับกุมผู้สั่งการให้ได้
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ในพื้นที่ตั้งคณะพนักงานสอบสวนมาทำคดี เป็นการกระทำผิดชัดเจนทั้งข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า มีอาวุธปืน ให้ดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องและมห้หาพยายามหลักฐาน ซึ่งมีภาพบันทึกชัด ตลอดจน สอบปากคำผู้เสียหายและผู้ได้รับบาเจ็บไว้ด้วย ซึ่งตนกำชับ ผกก.และผบก.ภ.จว.ปทุมธานีไปแล้ว เรื่องนี้คน 200 คนมาปฏิบัติการอุกอาจต้องมีคนสั่ง จ้างวานแน่นอน คาดว่าพรุ่งนี้ต้องออกหมายจับได้
ต่อมาเวลา 20.00 น. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. แถลงผลสรุปการปฏิบัติงานดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง โดยสามารถจับกุมการกระทำความผิด กฎหมายเลือกตั้งแบ่งเป็น คดีซื้อสิทธิขายเสียงจำนวน 12 คดี คดีข่มขู่ผู้สมัครเลือกตั้ง 15 คดี คดีฉีกบัตรเลือกตั้ง 18 คดี หาเสียงเกินที่เวลาที่กำหนด 1 คดีนำบัตรเลือกตั้งออกนอกคูหา 1 คดี จำหน่ายจ่ายแจกสุราในเวลาห้ามจำนวน 62 คดี ส่วนคดีอาญาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีคดีฆาตกรรมจำนวน 3 คดี พยายามฆ่าจำนวน 5 คดี ทะเลาะวิวาท 1 คดี หมิ่นประมาท 1 คดี คดีระเบิด 1 คดี คดีจับกุมผู้เสพยาซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้สมัคร 1 คดี แจ้งความเท็จ 1 คดี ข่มขู่ผู้สมัคร 3 คดี ลงข้อความเท็จ 1 คดี ทำร้ายร่างกาย 1 คดี เจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 1 คดี และคดีทำลายป้าย 65 คดี รวมทั้งสิ้น 84 คดี
พล.ต.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ช่วงหลังเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ยังมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สมัคร และผู้เกี่ยวข้อง ที่อาจเกี่ยวกับไม่พอใจผลการเลือกตั้ง จึงได้มีวิทยุสั่งการุก บช. ให้ดำเนินมาตรการสืบสวนหาข่าวติดตามกลุ่มที่มีความขัดแย้งในพื้นที่ พร้อมกำหนดมาตรการป้องกันเหตุรุนแรง ดำเนินการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง และดูแลบุคคลสำคัญ เน้นผู้ที่คาดว่าได้รับการเลือกตั้งจากทุกพรรคการเมือง
