00 นาทีนี้กลายเป็นว่า “เพื่อไทย” เริ่มออกอาการแหยงกันทั้งพรรคกับ “เกมขย่ม”ของ พลพรรคปชป.และคนที่ “ดีแต่พูด” อย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เพิ่งค้นพบวาระสำคัญในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้าย ประกอบกับแนวร่วมสารพัดกลุ่มที่ออกมาขยายแผลทำให้ “เครือข่ายแม้ว” เริ่มหนาวๆร้อนๆ เนื่องจากทำให้ชาวบ้านได้เริ่มตั้งสติหันกลับมาตั้งหลักใหม่ และก็เริ่มได้ผล แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยผลสำรวจ(โพล)ออกมา เนื่องจากก.ม.ห้ามเอาไว้ แต่ถ้าดูจากอาการ เสียงโวยวายแล้วก็ต้องบอกว่า ส่งผลสะเทือนเข้าจังเบ้อเร่อ
00 ไม่เช่นนั้นคงไม่มีแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ปฏิเสธเป็นพัลวันและให้ชาวบ้าน “ตั้งสติ-หนักแน่น” พร้อมทั้งย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายนิรโทษกรรมหรือคืนเงินให้ ทักษิณ ชินวัตร โดยก่อนหน้านี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยออกมา “พลิกลิ้น”ปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง นั่นแสดงว่าคะแนน “เริ่มแผ่ว” ในช่วงทางตรงก่อนถึงเส้นชัย ไม่งั้นคงไม่ดิ้นเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้าเป็นแน่
00 อย่างไรก็ดีเรากลับมองไปอีกด้านหนึ่งก็คือ อยากให้ พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศเหมือนตอนต้นรายการหาเสียง อย่างที่ “เป็ดเหลิม” เคยยืนยันว่า จะ “พาทักษิณ กลับบ้าน” ด้วยการเลือกเพื่อไทย หรือ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะนิรโทษกรรมให้ ทักษิณ ทำไมตอนนี้หุบปากเงียบทำไม ทำไมตอนนี้ถึงได้เฉไฉกลายเป็นว่าจะทวงความยุติธรรมทางการเมืองให้ทุกคนเพื่อหาแนวร่วม โดยตั้ง “คณะกรรมการกลาง” หาแนวทางปรองดอง ซึ่งแท้จริงก็คือ วิธี “อำพราง” ที่ถนัด ทั้งที่เป้าหมายหลักอยู่ที่ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ นั่นแหละ วิธีนี้ก็จะพ้นโทษพร้อมกับคนอื่น ทั้ง “เฒ่าเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา เนวิน ชิดชอบ เป็นต้น และยังได้เงินคืนกลับมาด้วย “ประเด็น” อยู่ตรงนี้ “อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” ทุด !!
00 อยากจะสมน้ำหน้าเหลือเกินกับการที่ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จตุพร พรหมพันธุ์ในคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จนไม่อาจออกไปเลือกตั้ง ทำให้ไม่ได้รับการรับรองเป็น ส.ส. ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 8 ตามปกติต้องประกันความชัวร์แบเบอร์อยู่แล้ว แต่เพราะ “กรรมติดจรวดดาวเทียม” หรือเปล่าไม่อาจทราบได้ทำให้แทนที่จะได้อยู่นอกคุก เป็น “ทั่นผู้ทรงเกียรติ” ได้ “ลูกมั่ว” ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองยื้อคดี กลายเป็นต้อง “เดียวดาย” ติดคุกยาว ขณะที่คนอื่นเคยอยู่ในคุกก็กลับตาลปัตรออกมาอยู่ข้างนอกได้เป็น ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีเสื้อแดง
00 สมเพช “มาร์ค” มากขึ้นทุกวัน หลังจากเห็นธาตุแท้ เปลือยตัวตนออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ล่าสุดกรณี “ถอนตัว” จากภาคีอนุสัญญามรดกโลกที่ สุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยชิงตัดเกมในนาทีสุดท้าย เพื่อรักษาอธิปไตยในพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร แต่กลายเป็นว่ากำลังจะมา “ตีกิน” ห้อยโหนกระแส ทั้งที่ตัวเองยังดันทุรังขอให้เลื่อนวาระการพิจารณาออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งก็ต้องแพ้อยู่ดี
00 สิ่งที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็คือใช้กรณีถอนตัวดังกล่าวมา “หาเสียง”เท่านั้น เพราะมองเห็นว่ากระแสสนับสนุนดีเกินคาด แต่ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาให้ละเอียดก็ยังไม่พบว่าตัวเองมีท่าทีสนับสนุนการถอนตัวของ สุวิทย์ แต่อย่างใด และที่สำคัญในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ก็เป็นแค่รับทราบ มีการเปิดเผยแค่ว่ามีรมต.หลายคนสนับสนุนเท่านั้น และอย่าได้แปลกใจที่มีแหล่งข่าว “อีแอบ” จาก “บัวแก้ว”ให้สัมภาษณ์กับสื่อกรุงเทพธุรกิจตำหนิสุวิทย์ สาเหตุอาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ผลงานตัวเอง และสื่อดังกล่าวก็อาจ “ตาร้อน” เนื่องจากการถอนตัวสอดคล้องกับแนวทางที่คนไทยหวงดินแดนกำลังชุมนุมเรียกร้องมานานหลายเดือนแล้วพอดี ซึ่งที่ผ่านมาก็ถูกด่าถูกเปิดโปงจนเละจึงต้องร่วมมือกันเอาคืนขัดขากันแบบนี้หรือเปล่า !!
00 ไม่เช่นนั้นคงไม่มีแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ปฏิเสธเป็นพัลวันและให้ชาวบ้าน “ตั้งสติ-หนักแน่น” พร้อมทั้งย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายนิรโทษกรรมหรือคืนเงินให้ ทักษิณ ชินวัตร โดยก่อนหน้านี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยออกมา “พลิกลิ้น”ปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง นั่นแสดงว่าคะแนน “เริ่มแผ่ว” ในช่วงทางตรงก่อนถึงเส้นชัย ไม่งั้นคงไม่ดิ้นเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้าเป็นแน่
00 อย่างไรก็ดีเรากลับมองไปอีกด้านหนึ่งก็คือ อยากให้ พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศเหมือนตอนต้นรายการหาเสียง อย่างที่ “เป็ดเหลิม” เคยยืนยันว่า จะ “พาทักษิณ กลับบ้าน” ด้วยการเลือกเพื่อไทย หรือ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะนิรโทษกรรมให้ ทักษิณ ทำไมตอนนี้หุบปากเงียบทำไม ทำไมตอนนี้ถึงได้เฉไฉกลายเป็นว่าจะทวงความยุติธรรมทางการเมืองให้ทุกคนเพื่อหาแนวร่วม โดยตั้ง “คณะกรรมการกลาง” หาแนวทางปรองดอง ซึ่งแท้จริงก็คือ วิธี “อำพราง” ที่ถนัด ทั้งที่เป้าหมายหลักอยู่ที่ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ นั่นแหละ วิธีนี้ก็จะพ้นโทษพร้อมกับคนอื่น ทั้ง “เฒ่าเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา เนวิน ชิดชอบ เป็นต้น และยังได้เงินคืนกลับมาด้วย “ประเด็น” อยู่ตรงนี้ “อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” ทุด !!
00 อยากจะสมน้ำหน้าเหลือเกินกับการที่ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จตุพร พรหมพันธุ์ในคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จนไม่อาจออกไปเลือกตั้ง ทำให้ไม่ได้รับการรับรองเป็น ส.ส. ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 8 ตามปกติต้องประกันความชัวร์แบเบอร์อยู่แล้ว แต่เพราะ “กรรมติดจรวดดาวเทียม” หรือเปล่าไม่อาจทราบได้ทำให้แทนที่จะได้อยู่นอกคุก เป็น “ทั่นผู้ทรงเกียรติ” ได้ “ลูกมั่ว” ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองยื้อคดี กลายเป็นต้อง “เดียวดาย” ติดคุกยาว ขณะที่คนอื่นเคยอยู่ในคุกก็กลับตาลปัตรออกมาอยู่ข้างนอกได้เป็น ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีเสื้อแดง
00 สมเพช “มาร์ค” มากขึ้นทุกวัน หลังจากเห็นธาตุแท้ เปลือยตัวตนออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ล่าสุดกรณี “ถอนตัว” จากภาคีอนุสัญญามรดกโลกที่ สุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยชิงตัดเกมในนาทีสุดท้าย เพื่อรักษาอธิปไตยในพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร แต่กลายเป็นว่ากำลังจะมา “ตีกิน” ห้อยโหนกระแส ทั้งที่ตัวเองยังดันทุรังขอให้เลื่อนวาระการพิจารณาออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งก็ต้องแพ้อยู่ดี
00 สิ่งที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็คือใช้กรณีถอนตัวดังกล่าวมา “หาเสียง”เท่านั้น เพราะมองเห็นว่ากระแสสนับสนุนดีเกินคาด แต่ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาให้ละเอียดก็ยังไม่พบว่าตัวเองมีท่าทีสนับสนุนการถอนตัวของ สุวิทย์ แต่อย่างใด และที่สำคัญในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ก็เป็นแค่รับทราบ มีการเปิดเผยแค่ว่ามีรมต.หลายคนสนับสนุนเท่านั้น และอย่าได้แปลกใจที่มีแหล่งข่าว “อีแอบ” จาก “บัวแก้ว”ให้สัมภาษณ์กับสื่อกรุงเทพธุรกิจตำหนิสุวิทย์ สาเหตุอาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ผลงานตัวเอง และสื่อดังกล่าวก็อาจ “ตาร้อน” เนื่องจากการถอนตัวสอดคล้องกับแนวทางที่คนไทยหวงดินแดนกำลังชุมนุมเรียกร้องมานานหลายเดือนแล้วพอดี ซึ่งที่ผ่านมาก็ถูกด่าถูกเปิดโปงจนเละจึงต้องร่วมมือกันเอาคืนขัดขากันแบบนี้หรือเปล่า !!
