ASTVผู้จัดการรายวัน – คอลลิเออร์สฯ เผย ตลาดบ้านหรูเริ่มฟื้นตัว จากลูกค้าใหม่เศรษฐีเอเชีย รัชเซีย ชี้ท่าเทียบเรือยอร์ชขนาดใหญ่จุดดึงดูดเศรษฐีทั่วโลก ขณะที่เที่ยวบินนานาชาติ-การขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำยังดึงนักท่องเทียวเพิ่มขึ้น พร้อมหนุนพัฒนาภูเก็ตและเมืองใกล้เคียงเป็นฮับและเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา
นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย รายงานผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอ็นด์ จ.ภูเก็ต ว่า นับจากปี 2553 และ 5เดือนแรกของปี 2554 เป็นช่วงฟื้นตัวจากสภาพตลาดซบเซาอันสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลก นักลงทุนต่างชาติกำลังหวนคืนสู่เกาะภูเก็ต
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติสนใจตลาดชายฝั่งทะเลภูเก็ตมากกว่ารีสอร์ทในพัทยาและหัวหิน ในขณะที่เศรษฐีคนไทยส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้านหลังที่สองในรีสอร์ทใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพราะเดินทางสะดวก ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของอสังหาริมทรัพย์บริเวณชายฝั่งทะเลภูเก็ตจึงเน้นชาวต่างชาติ ซึ่งอ่อนไหวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมากกว่าที่อื่น
แม้ว่าที่อยู่อาศัยแนวราบจะครองตลาดที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณไม่ติดทะเล แต่ในปี 2553 ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆ ปีที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ ประมาณ 1,020 ยูนิต โดย ณ เดือนพฤษภาคมปี 2554 มีคอนโดมิเนียมจำนวน 200 ยูนิตออกสู่ตลาด ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่ติดทะเล และปัจจุบัน ตลาดในประเทศได้กลายเป็นกำลังซื้อหลักไปแล้ว
ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน หรือ ไฮเอ็นด์แนวชายฝั่งทะเลยังต้องรอเวลาคืนสู่ความคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แต่ความสำเร็จของหลาย ๆ โครงการชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังฟื้นตัว สภาพตลาดในปัจจุบันจะเปรียบเหมือนแก้วที่มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วหรือแค่ครึ่งแก้วนั้น ขึ้นอยู่กับว่านำไปเทียบกับช่วงไหนของปี 2549 – 2552
ทั้งนี้ พิจารณาได้จากโครงการอันดารา เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ จำนวน 37 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 27 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนเลียบหาดกมลาซึ่งเป็นที่ถนนที่มีชื่อเรียกกันว่า “Millionaire Road” หรือถนนเศรษฐี เพราะโครงการที่อยู่บนถนนเส้นนี้นั้นส่วนใหญ่จะมีราคาสูง และรูปแบบโครงการจะหรูหรามากเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นว่าภูเก็ตยังคงครองความเป็นที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู ผู้ที่มีกำลังซื้อสูงมาจากหลากหลายประเทศ ไม่ใช่แค่ยุโรป แต่ฮ่องกง รัสเซียและตะวันออกกลางกลายเป็นผู้ซื้อรายสำคัญของตลาดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทผู้พัฒนาโครงการอยู่ระหว่างพิจารณาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้เหมาะสมกับโปรไฟล์ของผู้ซื้อที่เปลี่ยนไป เช่นโครงการกมลา ฟอลล์ รูปแบบโครงการจะเหมือนกับคอนโดมิเนียมทั่วๆ ไป แต่จะมีความแตกต่างก็คือ มีการแยกสระว่ายน้ำสำหรับผู้หญิงต่างหากในกรณีที่เป็นชาวตะวันออกกลางหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีสระว่ายน้ำรวมชาย-หญิง สำหรับลูกค้าทั่วไป นอกจากนี้ภายในโครงการจะไม่มีแอลกอฮอล์ การพนัน อบายมุขต่างๆ โดยลูกค้าของโครงการไม่ใช่จะมีแต่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป และออสเตรเลีย ปัจจุบันขายไปได้มากกว่า 85% แล้ว จากทั้งหมด 76 ห้อง ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาทต่อตารางเมตร
“การเป็นโครงการฮาลาลอินเว็สท์เม้นท์นั้นช่วยในการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยสามารถดึงดูดความสนใจจากชาวตะวันออกกลางหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้มากขึ้น นอกจากนั้นพนักงานขายและผู้จัดการฝ่ายขายก็เป็นคนอิสลามด้วยเช่นกัน”
“ในอนาคต ภูเก็ตจะมีท่าจอดเรือซูเปอร์ยอร์ช ซึ่งจะกลายเป็นจุดหมายในการล่องเรือสำราญที่ได้รับความนิยมไม่แพ้คาริเบียนและเมดิเตอเรเนียน แต่น่านน้ำในเอเชียแออัดน้อยกว่า เศรษฐีชาวเอเชียเป็นกำลังซื้อสำคัญของซูเปอร์ยอร์ช และสถานภาพของภูเก็ตในฐานะจุดหมายในการล่องเรือยอร์ชที่มีชื่อเสียงเพราะมีท่าจอดเรือชั้นดีและมีเกาะแก่งงดงาม อาจยิ่งดีขึ้นหากมีการพัฒนาและยกระดับตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับสูง ซึ่งบริเวณรอบๆ ภูเก็ต พังงาและกระบี่สามารถพัฒนาให้เป็นจุดหมายในการล่องเรือยอร์ชระดับโลกได้ในอนาคต โดยมีภูเก็ตเป็นศูนย์กลางและเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา” นายปฏิมากล่าว
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นผลดีต่อภูเก็ตได้แก่ จำนวนเที่ยวบินนานาชาติที่บินตรงสู่ภูเก็ตมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำ ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะกลายมาเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติในภูเก็ตยังต้องฟื้นตัวกลับสู่ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์เลย์แมน แต่ยืนอยู่ในจุดที่ดีโดยผู้ซื้อจากตลาดดั้งเดิมอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นแรงหนุนตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเติบโต
นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย รายงานผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอ็นด์ จ.ภูเก็ต ว่า นับจากปี 2553 และ 5เดือนแรกของปี 2554 เป็นช่วงฟื้นตัวจากสภาพตลาดซบเซาอันสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลก นักลงทุนต่างชาติกำลังหวนคืนสู่เกาะภูเก็ต
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติสนใจตลาดชายฝั่งทะเลภูเก็ตมากกว่ารีสอร์ทในพัทยาและหัวหิน ในขณะที่เศรษฐีคนไทยส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้านหลังที่สองในรีสอร์ทใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพราะเดินทางสะดวก ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของอสังหาริมทรัพย์บริเวณชายฝั่งทะเลภูเก็ตจึงเน้นชาวต่างชาติ ซึ่งอ่อนไหวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมากกว่าที่อื่น
แม้ว่าที่อยู่อาศัยแนวราบจะครองตลาดที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณไม่ติดทะเล แต่ในปี 2553 ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆ ปีที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ ประมาณ 1,020 ยูนิต โดย ณ เดือนพฤษภาคมปี 2554 มีคอนโดมิเนียมจำนวน 200 ยูนิตออกสู่ตลาด ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่ติดทะเล และปัจจุบัน ตลาดในประเทศได้กลายเป็นกำลังซื้อหลักไปแล้ว
ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน หรือ ไฮเอ็นด์แนวชายฝั่งทะเลยังต้องรอเวลาคืนสู่ความคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แต่ความสำเร็จของหลาย ๆ โครงการชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังฟื้นตัว สภาพตลาดในปัจจุบันจะเปรียบเหมือนแก้วที่มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วหรือแค่ครึ่งแก้วนั้น ขึ้นอยู่กับว่านำไปเทียบกับช่วงไหนของปี 2549 – 2552
ทั้งนี้ พิจารณาได้จากโครงการอันดารา เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ จำนวน 37 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 27 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนเลียบหาดกมลาซึ่งเป็นที่ถนนที่มีชื่อเรียกกันว่า “Millionaire Road” หรือถนนเศรษฐี เพราะโครงการที่อยู่บนถนนเส้นนี้นั้นส่วนใหญ่จะมีราคาสูง และรูปแบบโครงการจะหรูหรามากเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นว่าภูเก็ตยังคงครองความเป็นที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู ผู้ที่มีกำลังซื้อสูงมาจากหลากหลายประเทศ ไม่ใช่แค่ยุโรป แต่ฮ่องกง รัสเซียและตะวันออกกลางกลายเป็นผู้ซื้อรายสำคัญของตลาดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทผู้พัฒนาโครงการอยู่ระหว่างพิจารณาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้เหมาะสมกับโปรไฟล์ของผู้ซื้อที่เปลี่ยนไป เช่นโครงการกมลา ฟอลล์ รูปแบบโครงการจะเหมือนกับคอนโดมิเนียมทั่วๆ ไป แต่จะมีความแตกต่างก็คือ มีการแยกสระว่ายน้ำสำหรับผู้หญิงต่างหากในกรณีที่เป็นชาวตะวันออกกลางหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีสระว่ายน้ำรวมชาย-หญิง สำหรับลูกค้าทั่วไป นอกจากนี้ภายในโครงการจะไม่มีแอลกอฮอล์ การพนัน อบายมุขต่างๆ โดยลูกค้าของโครงการไม่ใช่จะมีแต่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป และออสเตรเลีย ปัจจุบันขายไปได้มากกว่า 85% แล้ว จากทั้งหมด 76 ห้อง ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาทต่อตารางเมตร
“การเป็นโครงการฮาลาลอินเว็สท์เม้นท์นั้นช่วยในการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยสามารถดึงดูดความสนใจจากชาวตะวันออกกลางหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้มากขึ้น นอกจากนั้นพนักงานขายและผู้จัดการฝ่ายขายก็เป็นคนอิสลามด้วยเช่นกัน”
“ในอนาคต ภูเก็ตจะมีท่าจอดเรือซูเปอร์ยอร์ช ซึ่งจะกลายเป็นจุดหมายในการล่องเรือสำราญที่ได้รับความนิยมไม่แพ้คาริเบียนและเมดิเตอเรเนียน แต่น่านน้ำในเอเชียแออัดน้อยกว่า เศรษฐีชาวเอเชียเป็นกำลังซื้อสำคัญของซูเปอร์ยอร์ช และสถานภาพของภูเก็ตในฐานะจุดหมายในการล่องเรือยอร์ชที่มีชื่อเสียงเพราะมีท่าจอดเรือชั้นดีและมีเกาะแก่งงดงาม อาจยิ่งดีขึ้นหากมีการพัฒนาและยกระดับตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับสูง ซึ่งบริเวณรอบๆ ภูเก็ต พังงาและกระบี่สามารถพัฒนาให้เป็นจุดหมายในการล่องเรือยอร์ชระดับโลกได้ในอนาคต โดยมีภูเก็ตเป็นศูนย์กลางและเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา” นายปฏิมากล่าว
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นผลดีต่อภูเก็ตได้แก่ จำนวนเที่ยวบินนานาชาติที่บินตรงสู่ภูเก็ตมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำ ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ตมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะกลายมาเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติในภูเก็ตยังต้องฟื้นตัวกลับสู่ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์เลย์แมน แต่ยืนอยู่ในจุดที่ดีโดยผู้ซื้อจากตลาดดั้งเดิมอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นแรงหนุนตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเติบโต