xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นเอเชียโต10% ททท.ตั้งเป้าไทยฮับสุขภาพ-สปา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – แผนท่องเที่ยวตลาดเอเชีย ปี 55 เปิดโครงการไทยแลนด์ บิวตี้ หนุนไทยขึ้นแท่นเดสติเนชั่น เวลเนส แอนด์ สปา และ เมดิคัล ทัสริสซึ่ม โกยนักท่องเที่ยว 12 ล้านคนโต 10%   รายได้ บี้ยุโรปมาติดๆแตะ 3.3 แสนล้านบาท ภาพรวมตั้งเป้าจำนวน กว่า 16 ล้านคน   โดยภาพรวมยังชูจุดขายคุ้มค่าเงิน  ด้าน อพท. เตรียมออกโรงค้าน เสนอรัฐบาลใหม่ เลิกโปรโมตแวลู่ ฟอร์ มันนี่  เน้นท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์  ยันลาออกจากสมาชิกมรดกโลกไม่กระทบ

นายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า  แผนการตลาดในปีงบประมาณ 2555 สำหรับตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะเน้น โปรโมต ไทยภายใต้โครงการ ไทยแลนด์ บิวตี้ เป็นเดสติเนชั่น เวลเนส แอนด์ สปา และ เมดิคัล ทัสริสซึ่ม จับ ตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ย่านเอเชีย แลแปซิฟิกใต้ มาท่องเที่ยวและใช้บริการ  โดยมีตลาดหลักที่เป็นตลาดใหญ่ อยู่ 3 ประเทศ คือ จีน อินเดีย และ ออสเตรเลีย ส่วนตลาดหลัก ที่มีขนาดรอง ได้แก่ อินโดนีเซีย และ เวียดนาม  กลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย คือ ครอบครัว สตรี ผู้สูงอายุ เจนเอ็กซ์และวาย  นอกจากนั้น ยังเตรียมนำเสนอ จังหวัดตรัง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเล เป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่นักท่องเที่ยว  ที่เพิ่งมาใหม่และมาซ้ำแทนแหล่งท่องเที่ยวเดิม เช่น ภูเก็ต กระบี่ สมุย
สำหรับเป้าหมายตลาดเอเซียและแปซิฟิกใต้ ปี 2555 ตั้งเป้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม  12 ล้านคน เพิ่ม 10% จากปีนี้ ที่คาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดดังกล่าวราว 11 ล้านคน  สร้างรายได้เข้าประเทศ  3.3 แสนล้านบาท ในปี 2555 เพิ่ม 7.5% จากปี 2554 ที่สร้างรายได้ 3.07 แสนล้านบาท  โดยด้านจำนวน ตลาดเอเชียมีสัดส่วน 60% ส่วนยุโรป 40% เพราะมีจำนวนวันพักเฉลี่ยที่ 6 วัน ส่วนยุโรปเฉลี่ยที่ 11-12 วัน  คาด 2-3ปีข้างหน้า ด้านรายได้เอเชีย จะเท่ากับยุโรป
นายภาสกร สุพรรณพันธ์  ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ฝ่ายภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า   ในส่วนของแผนรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC  ในภาระกิจของ ททท. จะเน้นโปรโมต ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางท่องเที่ยวข้ามชายแดน และการเดินทางเชื่อมโยง ตอกย้ำความเป็นศูนย์การทางท่องเที่ยวและคมนาคมในอาเซียน         
ส่วนเป้าหมายรวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2555 ตั้งไว้ที่ 16 ล้านคนเศษ โดยตลาดเอเชีย มีสัดส่วนการเติบโตด้านจำนวนมากกว่ายุโรป ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค  ส่วนจุดขาย ยังเน้น “คุ้มค่าเงิน รูปแบบสินค้าทางการท่องเที่ยวเสนอ ครีเอทีฟ ทัวริสซึ่ม นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์จริง   ฉีกหนีคู่แข่งขัน อย่าง มาเลเซียน สิงคโปร์ และเวียดนาม
ควบคู่ไปกับการทำการตลาดผ่านโซเชียลเน็คเวิร์ด
พันเอกนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการและผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เปิดเผยว่า    อพท. จะนำเสนอนโยบายเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืนให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณา โดยมี 5 ประเด็น สำคัญ เช่น  เลิกนำเสนอประเทศไทยว่าเป็นเดสติเนชั่นคุ้มค่าเงิน หรือ แวลู่ ฟอร์ มันนี่ เพราะทำให้ภาพของประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวราคาถูก   แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม  ประกอบกับปัจจุบัน หลายประเทศที่เปิดใหม่ เริ่มใช้ แวลู ฟอร์ มันนี่ เช่น ประเทศ   แม็กซิโก และ ยุโรปตะวันออก  

***ชูวิถีเกษตรผุดไอเดียจัดมหกรรมดำนาฯ***
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไป รัฐบาลควรแก้ปัญหา “รวยกระจุก จนกระจาย“ ผลักดันให้ชุมชนมีส่วนร่วมวางแผนบริหารจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่ รองรับการเติบโตภายหลังเปิดเสรีอาเซียน    นำเสนอการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์ สร้างกิจกรรมใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาล เช่น จัดมหกรรมดำนาระดับโลก นำเสนอวิถีชีวิตเกษตรกรเป็นจุดขาย ,การพัฒนาขีดความสามารถของคน รับฟังความคิดเห็นคนในพื้นที่ให้มากขึ้น   
ล่าสุด อพท. ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กร มหาวิทยาอัสสัมชัญ หรือเอแบค ศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อกำหนดแนวทางออกระเบียบปฏิบัติในกรอบกฎหมาย  ประกอบการขอสนับสนุนงบประมาณ  คาด 6 เดือนแล้วเสร็จ    

***มั่นใจลาออกสมาชิกมรดกโลกไม่กระทบ****
พันเอกนาฬิกอติภัค  ยังแสดงความคิดเห็น ต่อกรณีที่ไทยลาออกจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกว่า  โดยส่วนตัวมองว่า จะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกของไทย  โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เพราะ ที่ผ่านมา ไทยนำเสนอขายแหล่งท่องเที่ยวในกลุ่มนี้ในลักษณะการแสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ได้ขายได้เพราะเป็นมรดกโลก
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก บางแห่ง คนในพื้นที่ก็ไม่ต้องการให้เป็นมรดกโลกอยู่แล้ว เช่น จังหวัดน่าน  เพราะมีความภูมิใจในความเป็นไทย มากกว่าที่จะต้องให้มีกฎเกณฑ์จากที่อื่นเข้ามาครอบงำ
กำลังโหลดความคิดเห็น