ASTVผู้จัดการรายวัน - "นพดล"ค้านถอนตัวภาคีมรดกโลก อ้างขึ้นทะเบียนสถานที่สำคัญไม่ได้ “ปลอดประสพ” สุดมั่ว อ้างถอนตัวจากภาคีมรดกโลกต้องเข้าสภาก่อน เขมรกร้าว! พร้อมรบ ด้านทหารไทยเขาวิหาร-ชายแดนสุรินท์พร้อมป้องอธิปไตย ชาวบ้านภูมิซรอลเห็นด้วยถอนมรดกโลก
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยลาออกจากภาคีมรดกโลก โดยอ้างว่าจะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถนำโบราณสถาน และอุทยานแห่งชาติ ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ ทั้งที่ไทยยังมีวิธีอื่นที่สามารถปกป้องสิทธิในเขตแดนได้ มากกว่าการตัดสินใจถอนตัว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ความสัมพันธ์ระดับนานาชาติของไทยมีปัญหา
"เมื่อปีที่แล้ว 2553 สุวิทย์(สุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าทีมเจรจามรดกโลก) คุยนักคุยหนาว่า เลื่อนวาระแผนบริหารและจัดการปราสาทพระวิหาร มาปี 54 ผมพูดในตอนนั้นว่า อยากให้ รัฐบาล ปชป.(พรรคประชาธิปัตย์) อยู่ถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปีนี้ และเป็นไปตามคาด คุณสุวิทย์ไม่สามารถเลื่อนวาระการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทออกไปได้อีก เพราะรัฐบาลนี้ไม่สามารถลอบบี้ประเทศอื่นที่เป็นกรรมการมรดกโลกให้ช่วยประเทศไทยได้ เพราะคุณมีเพื่อนน้อยในเวทีโลก" นายนพดลกล่าว
***“ปลอดประสพ” มั่ว! ต้องเข้าสภาก่อน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก แถลงที่กรุงปารีส ว่า ประเทศไทยได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกและกรรมการมรดกโลก หลังจากศูนย์มรดกโลกและยูเนสโกไม่ได้ฟังข้อทักท้วงของไทย ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนชาวไทยเจ้าของประเทศไทยต้องรู้ความจริง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะของประเทศไทยในเวทีโลกเกี่ยวกับดินแดน และบูรณภาพของราชอาณาจักรไทย ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทยขอถามไปยังนายสุวิทย์ คือ
ประการที่ 1 นายกรัฐมนตรีมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ เพราะนายสุวิทย์ได้อ้างว่า ได้โทรศัพท์หารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ประการที่ 2 การที่รัฐบาลประกาศถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศครั้งนี้ ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วหรือไม่ และเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับดินแดน และบูรณภาพของประเทศ ทำไมไม่หารือ และขอความเห็นจากสภาก่อน รัฐบาลทำไปโดยพลการได้อย่างไร ประการที่ 3 ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในฐานะของรัฐบาลรักษาการ และการเลือกตั้งก็กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ถัดไป เหตุใดรัฐบาลจึงรีบร้อนตัดสินใจ ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น นายสุวิทย์ และ นายอภิสิทธิ์ มีอะไรเป็นวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะมองดูชอบกลผิดกาลเทศะ
ประการที่ 4 การแก้ปัญหาระหว่างประเทศมีหลายวิธี หลายขั้นตอน เหตุใดรัฐบาลจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา การถอนตัวออกมารัฐบาล หรือประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร เป็นซาดิสต์ไปแล้วหรือ เพราะถึงประเทศไทยไม่อยู่ ไม่เป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกก็คงจะประชุมต่อไป และก็จะตัดสินใจอะไรได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม เพราะไม่มีประเทศใดมาขัดขวาง จึงถามว่า การลาออกยกเว้นการสะใจแล้วได้อะไรอีกมีแต่เสียหาย
ประการที่ 5 รัฐบาลเคยถามคนอยุธยา คนอุดรธานี คนสุโขทัย คนนครราชสีมา คนอุทัยธานี(ห้วยขาแข้ง) แล้วหรือยัง ในการถอนตัวจากการเป็นมรดกโลก เป็นหน้าตาของจังหวัด เข้าไปทำลายไปทำร้ายเขาทำไม แน่ใจแล้วหรือว่ามีสิทธิ์จะตัดสินใจอย่างนี้แทนเจ้าของพื้นที่ ประการที่ 6 รัฐบาลรู้หรือไม่ว่าการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมรดกโลกจะกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง การมาเที่ยวนั้นนักท่องเที่ยวจะดู web ว่า ประเทศใดมีมรดกโลกบ้าง แล้วก็มาดูการถอนตัวจากมรดกโลกเป็นการลดระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย การตัดสินใจของนายสุวิทย์ กับ นายอภิสิทธิ์ ครั้งนี้ จึงเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยิ่ง
ประการที่ 7 นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จะไม่มีการประชุมเรื่องเขาพระวิหารแน่นอน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ได้มีการพูดเช่นนี้อีก จึงขอถามว่าทำไมต้องโกหกประชาชน ทำไมต้องหลอกลวงพูดความจริงไม่เป็นหรือ ประการที่ 8 นายสุวิทย์ เบิกเงินไป 10 ล้านบาท อ้างว่า เป็นค่าใช้จ่ายในการล็อบบี้ขอทราบรายละเอียดจากการใช้จ่ายด้วย ขอให้รู้ว่าเราติดตามมาตลอด และรู้ทันการคอร์รัปชัน การล็อบบี้นั้นควรให้เอกอัคราชทูตไทยตามประเทศที่เป็นกรรมการมรดกโลกไปเข้าพบ และขอกับผู้นำประเทศของเขา เพราะเป็นเรื่องใหญ่เป็นนโยบายระดับประเทศ ไม่ใช่มากินเลี้ยงกินกันเอง
และประการที่ 9 ขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเตรียมเสนอพื้นที่ 21 แห่งขึ้นมรดกโลก เพราะเป็นยกฐานะประเทศไทยในเวทีโลก ซึ่งที่สำคัญสองพื้นที่เราคิดว่าจะได้ คือ การเสนอสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นมรดกโลก ดังนั้น กรุงเทพฯก็จะเป็นมรดกโลก กรุงธนบุรีก็จะเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก ขณะเดียวกัน กำลังเสนอหมู่เกาะสุรินทร์ สิมิรัน ตะรุเตา เป็นมรดกโลก ซึ่งหากได้รับการพิจารณาก็จะเป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของประเทศ และจะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจถอนตัวเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการทำลายโอกาสหรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ของใหม่ก็ไม่ได้ของเก่าก็เจ๊ง เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์มีคำตอบหรือไม่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเพียงแต่คิดสั้นๆ จะเอาใจพันธมิตรฯ เพราะคิดจะใช้พันธมิตรฯหลังจากจะแพ้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้
*เขมรกร้าว! พร้อมรบ
สำนักข่าวดึมอัมปึล ของกัมพูชา รายงานอ้างคำกล่าวของ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการในกองทัพแห่งชาติกัมพูชา ภายหลังทราบข่าวการถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก ของคณะผู้แทนไทย ระบุว่า ทหารกัมพูชาได้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ในการปฏิบัติตามคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน เพื่อทำการสู้รบต่อต้านศัตรู
พล.อ.เจีย ดารา กล่าวต่อว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำการตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทพระวิหาร มีใจที่จะสู้รบตลอดเวลา ขอแค่ให้มีการรุกรานจากศัตรูที่ต้องการได้ดินแดนกัมพูชา อย่าว่าแต่ต้องการได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แม้เพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ก็ไม่สามารถมาเอาไปได้
*สั่งทหารไทยพร้อมรบ 24 ชม.
วานนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุรินทร์ ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ตึงเครียดขึ้นมากเรื่อยๆ โดยทหารไทย และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ประจำพื้นที่ชายแดนไทยด้านจังหวัดสุรินทร์ทุกจุด หลังได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา อ.พนมดงรัก แล้ว ได้รับคำสั่งให้กลับเข้าฐานที่ตั้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเร่งด่วน และให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีการประเมินสถานการณ์ ว่า ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเข้าสู่ขั้นตึงเครียดสูงสุด อาจเกิดการปะทะระลอกใหม่ได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เวลาประมาณ 16.00 น.วันเดียวกันนี้ ได้มีเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ-16 จำนวน 2 ลำ ของกองทัพอากาศไทยบินเหนือพื้นที่ บริเวณ อ.ปราสาท ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ราว 20 กิโลเมตร เสียงดังกระหึ่ม ในระดับที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ชาวบ้านต่างแหงนมองขึ้นท้องฟ้าดูเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ทั้ง 2 ลำ ด้วยความสนใจ และต่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แน่นอน
แหล่งข่าวทหารไทย ระบุว่า ทหารฝ่ายกัมพูชามีความเคลื่อนไหวเร่งสร้างหลุมหลบภัย จำนวนมาก ตลอดแนวชายแดน ด้านตรงข้ามพื้นที่ อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะจุดใกล้กับปราสาทตาควาย ทหารช่างของไทยที่ทำการก่อสร้างถนนเข้าไปยังพื้นที่ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบว่า ทหารกัมพูชาจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 300 นาย พากันเร่งขุดหลุมบังเกอร์ และตั้งฐานปืนใหญ่หันกระบอกปืนมาฝั่งไทย ซึ่งทหารกัมพูชาเหล่านี้ยังได้ตะโกนสั่งห้ามไม่ให้ทหารไทยยืนสังเกตการณ์ดูการเร่งสร้างหลุมหลบภัยดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ที่บริเวณชายแดนฝั่งกัมพูชาด้านตรงข้ามช่องกร่าง บ้านหนองตาเลิฟ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างปราสาทตาควาย กับ ปราสาทตาเมือนธม รวมทั้งบริเวณที่ตั้งทหารกัมพูชา ฝั่งตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นั้น ฝ่ายกัมพูชาได้มีความเคลื่อนไหวทางการทหารระดมกำลังพลเข้าเสริมพื้นที่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางด้านประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้พื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขะ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ทหาร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ ยังไม่มีอะไรรุนแรง แต่ขอให้ประชาชนทุกหมู่บ้านอยู่ในสภาพเตรียมความพร้อม เก็บสิ่งของที่มีค่าและเครื่องใช้จำเป็นเตรียมอพยพออกนอกพื้นที่ หากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยให้ทุกคนรีบไปยังจุดนับพบประจำหมู่บ้านก่อนเดินทางไปยังศูนย์อพยพ ที่ทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมไว้รองรับ
***ทหาร“เขาวิหาร”พร้อมป้องอธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 บ้านน้ำเย็น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะสื่อมวลชนขึ้นไปดูสถานการณ์บริเวณปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหาร ซึ่งจากจุดผามออีแดงสามารถมองเห็นปราสาทพระวิหารได้ค่อนข้างชัดเจน บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงอยู่ในสภาวะปกติ ทหารไทยและทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง
ขณะที่ทหารกัมพูชายังคงเร่งสร้างบังเกอร์รอบบริเวณเขาพระวิหาร รวมทั้งมีการสร้างฐานปืนใหญ่ทางด้านทิศตะวันของปราสาทโคปุระชั้นที่ 2 หันปากกระบอกปืนมาทางเขตแดนไทย ซึ่งทหารไทยได้เฝ้าระวังจับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด
พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยทั่วไปบริเวณเขาพระวิหารยังคงอยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งการที่ประเทศไทยถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกนั้น นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ต้องเสียดินแดนให้กับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขอยืนยันว่าทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่ ขอเพียงให้ชาวไทยทุกคนที่อยู่แนวหลังมีความสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่แบ่งแยกกลุ่ม แบ่งแยกสี สร้างความแตกแยกในแผ่นดินเท่านั้น และขอให้ส่งเพียงกำลังใจไปให้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้วย
“ขณะนี้ทหารกัมพูชายังไม่มีการเคลื่อนไหวกำลังทหาร แต่แม้ว่าจะมีการเพิ่มกำลังทหารบริเวณเขาพระวิหาร ทหารไทยก็พร้อมต่อสู้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทหารไทยทุกนายมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพสูง”พ.อ.ธนศักดิ์ กล่าว
***“ภูมิซรอล” เห็นด้วยถอน“มรดกโลก”
นางบัวคำ ศรีสะอาด อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ผู้แทนของไทยประกาศถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจากการที่ได้ติดตามข่าวสารแล้วทำให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า เมื่อไทยไม่ได้เป็นคณะกรรมการมรดกโลก ไทยก็ย่อมมีสิทธิที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติไทยบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งถือว่าเป็นเขตแดนของไทย และจะทำให้ไทยไม่ต้องเสียดินแดนให้กับกัมพูชา
นางสุริยันต์ ประสานกิจ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ทราบข่าวว่าไทยถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว ซึ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลไทยที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะจะทำให้ประเทศไทยไม่ต้องเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหาร.
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยลาออกจากภาคีมรดกโลก โดยอ้างว่าจะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถนำโบราณสถาน และอุทยานแห่งชาติ ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ ทั้งที่ไทยยังมีวิธีอื่นที่สามารถปกป้องสิทธิในเขตแดนได้ มากกว่าการตัดสินใจถอนตัว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ความสัมพันธ์ระดับนานาชาติของไทยมีปัญหา
"เมื่อปีที่แล้ว 2553 สุวิทย์(สุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าทีมเจรจามรดกโลก) คุยนักคุยหนาว่า เลื่อนวาระแผนบริหารและจัดการปราสาทพระวิหาร มาปี 54 ผมพูดในตอนนั้นว่า อยากให้ รัฐบาล ปชป.(พรรคประชาธิปัตย์) อยู่ถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปีนี้ และเป็นไปตามคาด คุณสุวิทย์ไม่สามารถเลื่อนวาระการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทออกไปได้อีก เพราะรัฐบาลนี้ไม่สามารถลอบบี้ประเทศอื่นที่เป็นกรรมการมรดกโลกให้ช่วยประเทศไทยได้ เพราะคุณมีเพื่อนน้อยในเวทีโลก" นายนพดลกล่าว
***“ปลอดประสพ” มั่ว! ต้องเข้าสภาก่อน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก แถลงที่กรุงปารีส ว่า ประเทศไทยได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกและกรรมการมรดกโลก หลังจากศูนย์มรดกโลกและยูเนสโกไม่ได้ฟังข้อทักท้วงของไทย ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนชาวไทยเจ้าของประเทศไทยต้องรู้ความจริง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะของประเทศไทยในเวทีโลกเกี่ยวกับดินแดน และบูรณภาพของราชอาณาจักรไทย ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทยขอถามไปยังนายสุวิทย์ คือ
ประการที่ 1 นายกรัฐมนตรีมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ เพราะนายสุวิทย์ได้อ้างว่า ได้โทรศัพท์หารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ประการที่ 2 การที่รัฐบาลประกาศถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศครั้งนี้ ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วหรือไม่ และเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับดินแดน และบูรณภาพของประเทศ ทำไมไม่หารือ และขอความเห็นจากสภาก่อน รัฐบาลทำไปโดยพลการได้อย่างไร ประการที่ 3 ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในฐานะของรัฐบาลรักษาการ และการเลือกตั้งก็กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ถัดไป เหตุใดรัฐบาลจึงรีบร้อนตัดสินใจ ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น นายสุวิทย์ และ นายอภิสิทธิ์ มีอะไรเป็นวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะมองดูชอบกลผิดกาลเทศะ
ประการที่ 4 การแก้ปัญหาระหว่างประเทศมีหลายวิธี หลายขั้นตอน เหตุใดรัฐบาลจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา การถอนตัวออกมารัฐบาล หรือประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร เป็นซาดิสต์ไปแล้วหรือ เพราะถึงประเทศไทยไม่อยู่ ไม่เป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกก็คงจะประชุมต่อไป และก็จะตัดสินใจอะไรได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม เพราะไม่มีประเทศใดมาขัดขวาง จึงถามว่า การลาออกยกเว้นการสะใจแล้วได้อะไรอีกมีแต่เสียหาย
ประการที่ 5 รัฐบาลเคยถามคนอยุธยา คนอุดรธานี คนสุโขทัย คนนครราชสีมา คนอุทัยธานี(ห้วยขาแข้ง) แล้วหรือยัง ในการถอนตัวจากการเป็นมรดกโลก เป็นหน้าตาของจังหวัด เข้าไปทำลายไปทำร้ายเขาทำไม แน่ใจแล้วหรือว่ามีสิทธิ์จะตัดสินใจอย่างนี้แทนเจ้าของพื้นที่ ประการที่ 6 รัฐบาลรู้หรือไม่ว่าการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมรดกโลกจะกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง การมาเที่ยวนั้นนักท่องเที่ยวจะดู web ว่า ประเทศใดมีมรดกโลกบ้าง แล้วก็มาดูการถอนตัวจากมรดกโลกเป็นการลดระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย การตัดสินใจของนายสุวิทย์ กับ นายอภิสิทธิ์ ครั้งนี้ จึงเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยิ่ง
ประการที่ 7 นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จะไม่มีการประชุมเรื่องเขาพระวิหารแน่นอน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ได้มีการพูดเช่นนี้อีก จึงขอถามว่าทำไมต้องโกหกประชาชน ทำไมต้องหลอกลวงพูดความจริงไม่เป็นหรือ ประการที่ 8 นายสุวิทย์ เบิกเงินไป 10 ล้านบาท อ้างว่า เป็นค่าใช้จ่ายในการล็อบบี้ขอทราบรายละเอียดจากการใช้จ่ายด้วย ขอให้รู้ว่าเราติดตามมาตลอด และรู้ทันการคอร์รัปชัน การล็อบบี้นั้นควรให้เอกอัคราชทูตไทยตามประเทศที่เป็นกรรมการมรดกโลกไปเข้าพบ และขอกับผู้นำประเทศของเขา เพราะเป็นเรื่องใหญ่เป็นนโยบายระดับประเทศ ไม่ใช่มากินเลี้ยงกินกันเอง
และประการที่ 9 ขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเตรียมเสนอพื้นที่ 21 แห่งขึ้นมรดกโลก เพราะเป็นยกฐานะประเทศไทยในเวทีโลก ซึ่งที่สำคัญสองพื้นที่เราคิดว่าจะได้ คือ การเสนอสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นมรดกโลก ดังนั้น กรุงเทพฯก็จะเป็นมรดกโลก กรุงธนบุรีก็จะเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก ขณะเดียวกัน กำลังเสนอหมู่เกาะสุรินทร์ สิมิรัน ตะรุเตา เป็นมรดกโลก ซึ่งหากได้รับการพิจารณาก็จะเป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของประเทศ และจะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจถอนตัวเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการทำลายโอกาสหรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ของใหม่ก็ไม่ได้ของเก่าก็เจ๊ง เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์มีคำตอบหรือไม่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเพียงแต่คิดสั้นๆ จะเอาใจพันธมิตรฯ เพราะคิดจะใช้พันธมิตรฯหลังจากจะแพ้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้
*เขมรกร้าว! พร้อมรบ
สำนักข่าวดึมอัมปึล ของกัมพูชา รายงานอ้างคำกล่าวของ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการในกองทัพแห่งชาติกัมพูชา ภายหลังทราบข่าวการถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก ของคณะผู้แทนไทย ระบุว่า ทหารกัมพูชาได้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ในการปฏิบัติตามคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน เพื่อทำการสู้รบต่อต้านศัตรู
พล.อ.เจีย ดารา กล่าวต่อว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำการตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทพระวิหาร มีใจที่จะสู้รบตลอดเวลา ขอแค่ให้มีการรุกรานจากศัตรูที่ต้องการได้ดินแดนกัมพูชา อย่าว่าแต่ต้องการได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แม้เพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ก็ไม่สามารถมาเอาไปได้
*สั่งทหารไทยพร้อมรบ 24 ชม.
วานนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุรินทร์ ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ตึงเครียดขึ้นมากเรื่อยๆ โดยทหารไทย และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ประจำพื้นที่ชายแดนไทยด้านจังหวัดสุรินทร์ทุกจุด หลังได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา อ.พนมดงรัก แล้ว ได้รับคำสั่งให้กลับเข้าฐานที่ตั้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเร่งด่วน และให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีการประเมินสถานการณ์ ว่า ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเข้าสู่ขั้นตึงเครียดสูงสุด อาจเกิดการปะทะระลอกใหม่ได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เวลาประมาณ 16.00 น.วันเดียวกันนี้ ได้มีเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ-16 จำนวน 2 ลำ ของกองทัพอากาศไทยบินเหนือพื้นที่ บริเวณ อ.ปราสาท ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ราว 20 กิโลเมตร เสียงดังกระหึ่ม ในระดับที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ชาวบ้านต่างแหงนมองขึ้นท้องฟ้าดูเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ทั้ง 2 ลำ ด้วยความสนใจ และต่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แน่นอน
แหล่งข่าวทหารไทย ระบุว่า ทหารฝ่ายกัมพูชามีความเคลื่อนไหวเร่งสร้างหลุมหลบภัย จำนวนมาก ตลอดแนวชายแดน ด้านตรงข้ามพื้นที่ อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะจุดใกล้กับปราสาทตาควาย ทหารช่างของไทยที่ทำการก่อสร้างถนนเข้าไปยังพื้นที่ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบว่า ทหารกัมพูชาจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 300 นาย พากันเร่งขุดหลุมบังเกอร์ และตั้งฐานปืนใหญ่หันกระบอกปืนมาฝั่งไทย ซึ่งทหารกัมพูชาเหล่านี้ยังได้ตะโกนสั่งห้ามไม่ให้ทหารไทยยืนสังเกตการณ์ดูการเร่งสร้างหลุมหลบภัยดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ที่บริเวณชายแดนฝั่งกัมพูชาด้านตรงข้ามช่องกร่าง บ้านหนองตาเลิฟ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างปราสาทตาควาย กับ ปราสาทตาเมือนธม รวมทั้งบริเวณที่ตั้งทหารกัมพูชา ฝั่งตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นั้น ฝ่ายกัมพูชาได้มีความเคลื่อนไหวทางการทหารระดมกำลังพลเข้าเสริมพื้นที่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางด้านประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้พื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขะ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ทหาร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ ยังไม่มีอะไรรุนแรง แต่ขอให้ประชาชนทุกหมู่บ้านอยู่ในสภาพเตรียมความพร้อม เก็บสิ่งของที่มีค่าและเครื่องใช้จำเป็นเตรียมอพยพออกนอกพื้นที่ หากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยให้ทุกคนรีบไปยังจุดนับพบประจำหมู่บ้านก่อนเดินทางไปยังศูนย์อพยพ ที่ทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมไว้รองรับ
***ทหาร“เขาวิหาร”พร้อมป้องอธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 บ้านน้ำเย็น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะสื่อมวลชนขึ้นไปดูสถานการณ์บริเวณปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหาร ซึ่งจากจุดผามออีแดงสามารถมองเห็นปราสาทพระวิหารได้ค่อนข้างชัดเจน บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงอยู่ในสภาวะปกติ ทหารไทยและทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง
ขณะที่ทหารกัมพูชายังคงเร่งสร้างบังเกอร์รอบบริเวณเขาพระวิหาร รวมทั้งมีการสร้างฐานปืนใหญ่ทางด้านทิศตะวันของปราสาทโคปุระชั้นที่ 2 หันปากกระบอกปืนมาทางเขตแดนไทย ซึ่งทหารไทยได้เฝ้าระวังจับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด
พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยทั่วไปบริเวณเขาพระวิหารยังคงอยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งการที่ประเทศไทยถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกนั้น นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ต้องเสียดินแดนให้กับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขอยืนยันว่าทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่ ขอเพียงให้ชาวไทยทุกคนที่อยู่แนวหลังมีความสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่แบ่งแยกกลุ่ม แบ่งแยกสี สร้างความแตกแยกในแผ่นดินเท่านั้น และขอให้ส่งเพียงกำลังใจไปให้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้วย
“ขณะนี้ทหารกัมพูชายังไม่มีการเคลื่อนไหวกำลังทหาร แต่แม้ว่าจะมีการเพิ่มกำลังทหารบริเวณเขาพระวิหาร ทหารไทยก็พร้อมต่อสู้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทหารไทยทุกนายมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพสูง”พ.อ.ธนศักดิ์ กล่าว
***“ภูมิซรอล” เห็นด้วยถอน“มรดกโลก”
นางบัวคำ ศรีสะอาด อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ผู้แทนของไทยประกาศถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจากการที่ได้ติดตามข่าวสารแล้วทำให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า เมื่อไทยไม่ได้เป็นคณะกรรมการมรดกโลก ไทยก็ย่อมมีสิทธิที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติไทยบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งถือว่าเป็นเขตแดนของไทย และจะทำให้ไทยไม่ต้องเสียดินแดนให้กับกัมพูชา
นางสุริยันต์ ประสานกิจ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ทราบข่าวว่าไทยถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว ซึ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลไทยที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะจะทำให้ประเทศไทยไม่ต้องเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหาร.