นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ถามว่าจนถึงเวลานี้แล้วพรรคชาติไทยพัฒนาคาดหวังจำนวน ส.ส.ไว้เท่าไหร่ ว่า ก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้มากกว่า 30 ที่นั่งก็ลดลงแล้ว แต่ตนกล้าฟันธงได้ว่าน่าจะได้อยู่ประมาณ 25 - 30 ที่นั่ง
ทั้งนี้ ตนได้ทำโพลล์ในกทม.พบว่า เสียงของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยคู่คี่กัน เรียกได้ว่าฉิวเฉียดกันเลย ถ้าจะแพ้ก็แพ้แค่ 2 - 3 ที่นั่งเท่านั้น โพลล์ในกทม.พรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงขึ้นมา ส่วนต่างจังหวัดก็ต้องไปว่ากัน ภาคเหนือกับภาคอีสานน่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ หากในกทม.คะแนนพรรคเพื่อไทยคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์แสดงว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.อันดับหนึ่ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องรอคำตอบวันที่ 3 ก.ค.นี้
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยได้อันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วมีอำนาจพิเศษเข้ามาจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามา เพราะฟังจากฝ่ายทหารยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะวางตัวเป็นกลาง ทำให้สบายใจได้ และคิดว่าคราวนี้ไม่มีแน่ ซึ่งทุกครั้งก็ไม่มี ทุกอย่างว่ากันในสภาฯ ที่ว่ามีนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาไปคุยกัน ไม่ได้ไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคงไม่มีใครไปหาอะไรกับใครเป็นพิเศษ แต่หากหลังเลือกตั้งแล้วเกิดเหตุวุ่นวายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อยและไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้องหรือบีบบังคับ
อีกด้าน นายบรรหาร กล่าวยอมรับว่า ประมาณ 10 วันนี้ เป็นการหาเสียงที่มีความรุนแรงมากเท่าที่เคยมีมา มีการยิงกันเกิดขึ้นหลายจังหวัด อย่างไรก็ตามเหตุที่เกิดก็มาจากฝ่ายการเมืองด้วยกันที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พอโพลล์ออกมามีพรรคที่ได้คะแนนเสียงมาก อีกพรรคก็พยายามเร่งหาเสียงให้มากเท่าที่จะทำได้
“อ่านหนังสือพิมพ์ไหมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้พิพากษาว่าปัญหาข้อขัดแย้งมีอยู่แน่นอน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องลดความขัดแย้งลง ตรงกับความคิดคนไทยทั้งประเทศที่มีอยู่ พระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยออกมาแบบนี้เพราะฉะนั้นคนไทยเราต้องหัดลืมไม่งั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาผมได้เตรียมวัดไปบวชแล้วไปเป็นหลวงตา ผมยังเคยคิดว่าบั้นปลายชีวิตจะบวชสักพรรษาหนึ่ง เพราะเห็นการเมืองแล้วเบื่อไม่รู้เป็นไง แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์อาจจะเลิกเบื่อบ้างก็ได้” นายบรรหาร กล่าวและว่า ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดและคันไม้คันมือบ้างในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนตัวซีเรียสมากกฎหมายนี้ไม่ให้ความเป็นธรรม พรรคการเมืองตั้งมาด้วยความยากลำบากเลย
ทั้งนี้ นายบรรหาร ได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่าอยากเป็นนักข่าวและขอเป็นผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 “ผมทำได้นะถ้ามีการทาบทาม และคุณสรยุทธก็สู้ไม่ได้หรอก แต่ต้องขอมีพิธีกรคู่มาอีกคนหนึ่งขอเป็นดาราช่อง 7 มานั่งใกล้ๆจะเป็น “อั้ม” พัชราภา หรือ พลอย ชมพู่ ก็ได้ทั้งนั้นชอบทุกคน ถ้าได้มาประกาศด้วยกันผมยอมแน่ทิ้งการเมืองเลย”
ที่ตลาดศรีย่าน นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยแกนนำพรรคเดินหาเสียงที่ตลาดบางกระบือ ตลาดศรีย่าน โดยได้ประกาศหาเสียงชัดเจนว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ส่งผู้สมัครเขต ในพื้นทีดังกล่าวแต่เป็นการมาของผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อสนับสนุนแนวคิดปรองดอง
นายชุมพล กล่าวว่า ที่ยอมรับว่าแพ้กระแสพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานนั้นไม่ได้เป็นการทำลายกำลังใจผู้สมัครของพรรค แต่ต้องการให้ทุกคนเข้มแข็งและลงพื้นที่ จากกระแสพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานมาแรงจริงๆ
ส่วนนายตุ่น จินตะเวช ผู้สมัครส.ส.เขต 11 จังหวัดอุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวยอมรับว่า กระแสของเพื่อไทยแรงจริงๆ แต่ตนเคยสู้มาแล้วโดยอาศัยลูกขยัน ส่วนที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนายอมรับว่าอาจเหลือตนเพียงคนเดียวนั้น ขอร้องให้พี่น้องประชาชนพิจารณาผู้สมัครของพรรค อย่าให้ตนได้เข้าสภาเพียงคนเดียว และตนก็ไม่ค่อยเชื่อโพลล์ด้วย ขณะที่พรรคอื่นก็โจมตีว่าตนอายุมากอย่าไปเลือก
พรรชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นำผู้สมัครลงพื้นที่หาเสียงย่านสีลม ภายในศูนย์การค้าเดอะสีลมแกลเลอเรีย และตลาดนัดด้านหลังอาคาร แต่กลับมีผู้ค้ารายหนึ่งแสดงความไม่พอใจคณะหาเสียง โดยตะโกนถามว่าพรรคอะไร ปรองดองหรือไม่ ขออนุญาตใครหรือยัง
อย่างไรก็ตามพรรคยังคง ชูนโยบายไม่แบ่งขั้ว สลายสี ที่พรรคได้นำเสนอออกมา 8 ข้อ ขณะที่ยังมั่นใจว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 20-25 ที่นั่ง โดยเฉพาะใน จ.นครราชสีมา
ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ประชาชื่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวภายหลังนำทีมงานลงพื้นที่หาเสียงกับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย ว่า ตนขอเรียกร้องให้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้ความเป็นธรรมกับนักศึกษาจบใหม่ ด้วยการขยายเวลาส่งคืนเงินกู้จาก 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อให้มีโอกาสเก็บเงินสร้างฐานะ หากตนได้เป็น ส.ส. พร้อมประกาศนโยบายขยายเวลาชดใช้หนี้ กยศ. ออกไป 5 ปี พร้อมลดดอกเบี้ยให้อีกด้วย
“ที่จริงสนามเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเล็กไม่จำเป็นต้องหาเสียง เพราะต่างจังหวัดมีระบบอุปถัมภ์อยู่ ส่วน กทม.ใครคิดว่าหมูนั้นไม่ใช่ เพราะคน กทม.ประหลาดบอกไม่ให้เลือกใครก็จะเลือก และที่สำคัญคน กทม.ชอบคนประหลาด”
ที่ตลาดสดรังสิต ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรคและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรครักษ์สันติ พร้อมยทีมงานพรรค ได้ลงพื้นที่หาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.ปทุมธานี ขณะที่ ร.ต.อ.ปุระชัยได้โชว์การจับปลาไหลด้วยมือเปล่าให้กับสื่อมวลชนดู ทั้งนี้ยังอ้างว่ามีหัวคะแนนบางพรรคมีการซื้อเสียงหัวละ 500-3,000 บาทต่อหัว ตรงนี้ถือเป็นวงจรอุบาทว์
วันเดียวกันที่ พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าหน้าที่พรรคได้แจ้งให้ทราบว่านายสุวโรช พะลัง ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 24 ซึ่งมีอายุ 57ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อเวลา 12.50 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยนายสุวโรช ป่วยเป็นโรคดังกล่าวมานานกว่า 1 ปีแล้ว และเข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ส.ส.สัดส่วนได้เป็นอย่างดี โดยเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร อย่างต่อเนื่อง และหลังจากการยุบสภา แต่อาการเกิดทรุดหนักในช่วงทีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จ.ชุมพร ซึ่งนายสุวโรช ได้ลุยลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้อาการกำเริบ จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชมาระยะหนึ่ง แต่ก็มาเสียชีวิตลงอย่างสงบ
ทั้งนี้ ตนได้ทำโพลล์ในกทม.พบว่า เสียงของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยคู่คี่กัน เรียกได้ว่าฉิวเฉียดกันเลย ถ้าจะแพ้ก็แพ้แค่ 2 - 3 ที่นั่งเท่านั้น โพลล์ในกทม.พรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงขึ้นมา ส่วนต่างจังหวัดก็ต้องไปว่ากัน ภาคเหนือกับภาคอีสานน่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ หากในกทม.คะแนนพรรคเพื่อไทยคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์แสดงว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.อันดับหนึ่ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องรอคำตอบวันที่ 3 ก.ค.นี้
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยได้อันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วมีอำนาจพิเศษเข้ามาจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามา เพราะฟังจากฝ่ายทหารยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะวางตัวเป็นกลาง ทำให้สบายใจได้ และคิดว่าคราวนี้ไม่มีแน่ ซึ่งทุกครั้งก็ไม่มี ทุกอย่างว่ากันในสภาฯ ที่ว่ามีนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาไปคุยกัน ไม่ได้ไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคงไม่มีใครไปหาอะไรกับใครเป็นพิเศษ แต่หากหลังเลือกตั้งแล้วเกิดเหตุวุ่นวายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อยและไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้องหรือบีบบังคับ
อีกด้าน นายบรรหาร กล่าวยอมรับว่า ประมาณ 10 วันนี้ เป็นการหาเสียงที่มีความรุนแรงมากเท่าที่เคยมีมา มีการยิงกันเกิดขึ้นหลายจังหวัด อย่างไรก็ตามเหตุที่เกิดก็มาจากฝ่ายการเมืองด้วยกันที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พอโพลล์ออกมามีพรรคที่ได้คะแนนเสียงมาก อีกพรรคก็พยายามเร่งหาเสียงให้มากเท่าที่จะทำได้
“อ่านหนังสือพิมพ์ไหมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้พิพากษาว่าปัญหาข้อขัดแย้งมีอยู่แน่นอน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องลดความขัดแย้งลง ตรงกับความคิดคนไทยทั้งประเทศที่มีอยู่ พระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยออกมาแบบนี้เพราะฉะนั้นคนไทยเราต้องหัดลืมไม่งั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาผมได้เตรียมวัดไปบวชแล้วไปเป็นหลวงตา ผมยังเคยคิดว่าบั้นปลายชีวิตจะบวชสักพรรษาหนึ่ง เพราะเห็นการเมืองแล้วเบื่อไม่รู้เป็นไง แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์อาจจะเลิกเบื่อบ้างก็ได้” นายบรรหาร กล่าวและว่า ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดและคันไม้คันมือบ้างในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนตัวซีเรียสมากกฎหมายนี้ไม่ให้ความเป็นธรรม พรรคการเมืองตั้งมาด้วยความยากลำบากเลย
ทั้งนี้ นายบรรหาร ได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่าอยากเป็นนักข่าวและขอเป็นผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 “ผมทำได้นะถ้ามีการทาบทาม และคุณสรยุทธก็สู้ไม่ได้หรอก แต่ต้องขอมีพิธีกรคู่มาอีกคนหนึ่งขอเป็นดาราช่อง 7 มานั่งใกล้ๆจะเป็น “อั้ม” พัชราภา หรือ พลอย ชมพู่ ก็ได้ทั้งนั้นชอบทุกคน ถ้าได้มาประกาศด้วยกันผมยอมแน่ทิ้งการเมืองเลย”
ที่ตลาดศรีย่าน นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยแกนนำพรรคเดินหาเสียงที่ตลาดบางกระบือ ตลาดศรีย่าน โดยได้ประกาศหาเสียงชัดเจนว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ส่งผู้สมัครเขต ในพื้นทีดังกล่าวแต่เป็นการมาของผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อสนับสนุนแนวคิดปรองดอง
นายชุมพล กล่าวว่า ที่ยอมรับว่าแพ้กระแสพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานนั้นไม่ได้เป็นการทำลายกำลังใจผู้สมัครของพรรค แต่ต้องการให้ทุกคนเข้มแข็งและลงพื้นที่ จากกระแสพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานมาแรงจริงๆ
ส่วนนายตุ่น จินตะเวช ผู้สมัครส.ส.เขต 11 จังหวัดอุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวยอมรับว่า กระแสของเพื่อไทยแรงจริงๆ แต่ตนเคยสู้มาแล้วโดยอาศัยลูกขยัน ส่วนที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนายอมรับว่าอาจเหลือตนเพียงคนเดียวนั้น ขอร้องให้พี่น้องประชาชนพิจารณาผู้สมัครของพรรค อย่าให้ตนได้เข้าสภาเพียงคนเดียว และตนก็ไม่ค่อยเชื่อโพลล์ด้วย ขณะที่พรรคอื่นก็โจมตีว่าตนอายุมากอย่าไปเลือก
พรรชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นำผู้สมัครลงพื้นที่หาเสียงย่านสีลม ภายในศูนย์การค้าเดอะสีลมแกลเลอเรีย และตลาดนัดด้านหลังอาคาร แต่กลับมีผู้ค้ารายหนึ่งแสดงความไม่พอใจคณะหาเสียง โดยตะโกนถามว่าพรรคอะไร ปรองดองหรือไม่ ขออนุญาตใครหรือยัง
อย่างไรก็ตามพรรคยังคง ชูนโยบายไม่แบ่งขั้ว สลายสี ที่พรรคได้นำเสนอออกมา 8 ข้อ ขณะที่ยังมั่นใจว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 20-25 ที่นั่ง โดยเฉพาะใน จ.นครราชสีมา
ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ประชาชื่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวภายหลังนำทีมงานลงพื้นที่หาเสียงกับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย ว่า ตนขอเรียกร้องให้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้ความเป็นธรรมกับนักศึกษาจบใหม่ ด้วยการขยายเวลาส่งคืนเงินกู้จาก 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อให้มีโอกาสเก็บเงินสร้างฐานะ หากตนได้เป็น ส.ส. พร้อมประกาศนโยบายขยายเวลาชดใช้หนี้ กยศ. ออกไป 5 ปี พร้อมลดดอกเบี้ยให้อีกด้วย
“ที่จริงสนามเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเล็กไม่จำเป็นต้องหาเสียง เพราะต่างจังหวัดมีระบบอุปถัมภ์อยู่ ส่วน กทม.ใครคิดว่าหมูนั้นไม่ใช่ เพราะคน กทม.ประหลาดบอกไม่ให้เลือกใครก็จะเลือก และที่สำคัญคน กทม.ชอบคนประหลาด”
ที่ตลาดสดรังสิต ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรคและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรครักษ์สันติ พร้อมยทีมงานพรรค ได้ลงพื้นที่หาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.ปทุมธานี ขณะที่ ร.ต.อ.ปุระชัยได้โชว์การจับปลาไหลด้วยมือเปล่าให้กับสื่อมวลชนดู ทั้งนี้ยังอ้างว่ามีหัวคะแนนบางพรรคมีการซื้อเสียงหัวละ 500-3,000 บาทต่อหัว ตรงนี้ถือเป็นวงจรอุบาทว์
วันเดียวกันที่ พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าหน้าที่พรรคได้แจ้งให้ทราบว่านายสุวโรช พะลัง ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 24 ซึ่งมีอายุ 57ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อเวลา 12.50 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยนายสุวโรช ป่วยเป็นโรคดังกล่าวมานานกว่า 1 ปีแล้ว และเข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ส.ส.สัดส่วนได้เป็นอย่างดี โดยเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร อย่างต่อเนื่อง และหลังจากการยุบสภา แต่อาการเกิดทรุดหนักในช่วงทีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จ.ชุมพร ซึ่งนายสุวโรช ได้ลุยลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้อาการกำเริบ จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชมาระยะหนึ่ง แต่ก็มาเสียชีวิตลงอย่างสงบ
