ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ปัญหาแย่งสิทธิ์ในการบริหารโรงแรมหรรษา เจ.บี.หาดใหญ่ ระหว่างเจ้าของรายใหม่และผู้เช่ารายเก่ายังบานปลาย หลังศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้บริหารชุดใหม่ออก แต่ยังเฉยแถมเสริมกำลังชายฉกรรจ์ตรึงภายในโรงแรม ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายต่างหันพึ่งบารมีศาลเพื่อหาความชอบธรรม ด้านนายกสมาคมโรงแรมฯ ลั่นความขัดแย้งนี้ไม่ขอยุ่งเกี่ยว เพราะโรงแรมไม่ได้เป็นสมาชิก
ปัญหาความขัดแย้งภายหลังจากซื้อกิจการโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ จากธนาคารทหารไทยของ บริษัท หาดใหญ่หรรษาพลาซ่า จำกัด ยังไม่สิ้นสุด โดยภายหลังจากที่ใช้กำลังชายฉกรรจ์ปิดโรงแรมในช่วงค่ำวันที่ 23 พ.ค. ทำให้ นายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เซาเธิร์นโฮเต็ล แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้เช่าดำเนินกิจการแจ้งความดำเนินคดีกับ สภ.หาดใหญ่ และฟ้องธนาคารเพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการซื้อขายกับบริษัทหรรษาที่ไม่ชอบธรรม
ในขณะที่การเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายของผู้เช่าและเจ้าของรายใหม่ไม่เป็นผลสำเร็จในข้อตกลง บริษัทหาดใหญ่หรรษาฯ ได้เข้าไปบริหารโดยเปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมหรรษา เจ.บี. และเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. แต่ในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศาลพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลเรื่องคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แจ้งให้ผู้บริหารบริษัทหาดใหญ่หรรษาฯ รับทราบและให้ออกไปจากโรงแรมทันที แต่ก็ยังไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากผู้บริหารบริษัทหาดใหญ่หรรษาฯ จะไม่ยอมออกจากโรงแรมแล้ว พบว่า ผู้บริหารบริษัทหาดใหญ่หรรษาฯ ยังขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และให้ชายฉกรรจ์ประมาณ 50 คน เปิดห้องพักเพื่อตรึงกำลังอยู่ภายในเพื่อรักษาความเรียบร้อย ขณะที่ผู้เช่ารายเก่าจำเป็นต้องขออำนาจศาลออกหมายจับบังคับให้คู่กรณีปฏิบัติตาม และอยู่ระหว่างรอผลว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไรต่อไป
นายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ กล่าวว่า แม้ศาลจะสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตนสามารถเข้าไปภายในโรงแรม โดยที่เจ้าของคนใหม่ต้องออกและไม่ยุ่งเกี่ยวเป็นการชั่วคราว ทว่ากลับไม่มีการปฏิบัติตามและท้าทายอำนาจรัฐ ตนก็ต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมต่อไป แต่จะไม่ทำอะไรที่ต้องเกิดเหตุปะทะเพื่อความปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้มีเพียงลูกค้าประจำในขณะที่ตนบริหารอยู่เท่านั้นที่เข้ามาใช้บริการ เพราะมีการจองล่วงหน้าเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ สำหรับคดีการบุกรุกในวันที่กำลังชายฉกรรจ์ปิดโรงแรมเมื่อวันที่ 23 พ.ค. แม้จะมีการแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ไปแล้ว แต่ตำรวจเพิ่งเริ่มสอบปากคำ ทำให้ไม่มีความคืบหน้าทั้งที่เป็นการกระทำอย่างผู้มีอิทธิพล และควรทำให้เป็นคดีตัวอย่าง แม้ว่าจะมีการอ้างสิทธิ์ครอบครองแต่ก็ไม่ทำตามกฎหมาย
ด้านนายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ จึงไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นอกจากกังวลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบที่มีการแก้ปัญหาโดยใช้กำลังยึดโรงแรมกันไปมา ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจที่จะใช้บริการและเสียบรรยากาศท่องเที่ยว แต่ก็ไม่กระทบต่อการลงทุนในภาพรวม เพราะเป็นที่รู้อยู่แล้วว่ามีการประกาศขายโรงแรมมานานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าซื้อเพราะผู้เช่ารายเดิมต้องการซื้อคืนจากธนาคารทหารไทย แต่เมื่อมีนักลงทุนกล้าเสี่ยงและซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมมาก ก็ต้องแลกกับสุขภาพจิต เสียเวลาในการฟ้องร้องเพื่อความยุติธรรมอีกเป็นปี
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายกิจการโรงแรมในราคาเกือบ 500 ล้านบาท ถือว่าถูกกว่าก่อสร้างเอง และในขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ให้ความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย จนกลับเข้ามาเที่ยวหาดใหญ่ตามปกติแล้ว ทำให้ห้องพักเต็มจนล้นในบางเทศกาลวันหยุดยาวด้วยซ้ำ จึงเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจห้องพัก หลังจากซบเซาจากผลกระทบเหตุความไม่สงบ และมีโรงแรมทยอยเปิดใหม่หลายแห่ง หลังจากที่ผ่านช่วงวิกฤตหนัก จนโรงแรมหลายแห่งประกาศขายและปิดตัวดังที่เป็นข่าวมาแล้วหลายปี