ผู้บริหารเก่าฟ้องศาลเพิกถอนการซื้อขายรร.เจ.บี.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ -ศึกชิงโรงแรม เจ.บี.ยังไม่จบ ผู้บริหารชุดเก่าออกโรงโต้ยืนยันสิทธิ์ในการบริหาร เตรียมยื่นฟ้องแบงก์ทหารไทยให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์การซื้อขาย พร้อมแจ้งความชายฉกรรจ์ที่เข้ายึดโรงแรมในข้อหาบุกรุก ลั่นพร้อมเปิดทางให้จังหวัดเป็นตัวกลางเจรจา 2ฝ่ายเพื่อยุติปัญหา

ปัญหาโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ โรงแรมเก่าแก่หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองหาดใหญ่ยังไม่จบ หลังมีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 50 คนบุกเข้ายึดโรงแรมเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา และต้องปิดให้บริหารชั่วครา3วัน แม้ขณะนี้ผู้บริหารชุดใหม่จะเข้าบริหารและเริ่มเปิดดำเนินการในชื่อ โรงแรม หรรษาเจ.บี. ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. หลังได้รับการโอนกรรมสิทธิ์จากธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ กรรมการบริษัท เซาเทิร์น โฮเตล แมเนจ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการบริหารงานโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ชุดเก่า พร้อมด้วย ร.ต.อ.อารยุทธ อมาตโยธิน ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ได้เปิดแถลงข่าวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมนำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมายืนยันสิทธิ์ในการบริหารงานโรงแรมเจ.บี.

นายอัครเดช กล่าวว่า ตามกฎหมายบริษัทเซาเทิร์นฯ ยังมีสิทธิ์บริหารงานโรงแรมเจ.บี.ได้อีก3 ปี ตามที่ได้ทำสัญญาเช่ากับธนาคารทหารไทย ซึ่งเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา และการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บริษัทใหม่นั้น บริษัทใหม่จะต้องรับโอนสิทธิการเช่าด้วย การที่จะบอกเลิกสัญญาต้องบอกล่วงหน้าไม่ใช่ใช้อำนาจเข้าไปยึดสถานที่

พร้อมกับยืนยันว่า ผู้บริหารชุดเก่าไม่ได้มีปัญหาในประเด็นเรื่องของการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและโรงแรมให้แก่บริษัทใหม่ แต่ปัญหาอยู่ที่เรื่องของข้อกฎหมายในเรื่องสัญญาเช่ากับธนาคารทหารไทย และกรณีการบุกเข้ายึดโรงแรม

“โดยขณะนี้ได้ยื่นฟ้องร้องธนาคารทหารไทย ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการซื้อขายระหว่างธนาคารทหารไทยกับบริษัทใหม่ รวมทั้งได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ายึดโรงแรมเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาบุกรุก พร้อมกับจะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายปกครอง ทั้งระดับท้องถิ่นและส่วนกลาง เช่น มณฑลทหารบกที่ 42 กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองปราบ เพื่อเร่งรัดให้มีการดำเนินการทางกฎหมายตามที่ได้แจ้งความเอาไว้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐในระดับท้องถิ่นยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และฝ่ายตนไม่ได้รับความเป็นธรรม”

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า ต้องการให้ปัญหาที่เกิดขึ้นยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษ์ด้านการท่องเที่ยวของ จ.สงขลาและโรงแรมเจ.บี. ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหาดใหญ่ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุด คือ ให้จังหวัดเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งข้อเรียกร้องของผู้บริหารชุดเก่าคือเรื่องสิทธิ์ของพนักงานเก่า ที่ต้องนับอายุงานต่อเนื่องไม่ใช่เริ่มต้นใหม่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและปรับปรุงโรงแรม 20 ล้านบาทให้แก่ผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งตนพร้อมที่จะโอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้ เนื่องจากโรงแรมเจ.บี.เป็นโรงแรมเดียวที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากการเจรจาไม่เป็นผลก็ยืนยันว่าจำเป็นจะต้องรักษาสิทธิ์และฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป