ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"โม้สื่อเทศจะได้ ส.ส. 200 ที่นั่ง อ้างไม่ได้พูดว่าถ้าได้แค่ 170 จะลาออก ยันถ้าได้แค่ 160 แต่ได้เป็นรัฐบาลก็จะอยู่ต่อ อัด"ยิ่งลักษณ์"นโยบายเขตปกครองพิเศษแก้ปัญหา 3 จว.ชายแดนใต้ไม่ได้ ขณะที่นักวิชาการชี้ ปชป.อ่อนหัด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ จะได้ส.ส. 200 ที่นั่งว่า ก็เขาก็ถามตนว่าเห็นโพลแล้วเป็นอย่างไร ตนก็บอกว่าสูสีกัน คำนวณออกมาก็เหมือนกับว่า สองพรรคใหญ่จะได้รวมกันอยู่ที่ 400 ก็อยู่ระหว่าง 200 บวก ลบ ก็เป็นการคำนวณตัวเลขให้เห็น
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าถ้าได้ 170 เสียง จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เป็นการผูกมัดตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าที่จริงตนไม่ได้พูดอย่างนั้น เพราะตนบอกว่า หากทำพรรคถดถอย ตนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่หากตนได้ 160 แล้วมาอันดับหนึ่ง ตนก็ไม่ออก ซึ่ง 200 ที่นั่งก็จะได้จากทั่วประเทศ
เมื่อถามว่าจะได้ ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากกว่าเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในกรุงเทพมหานคร ส.ส.ลดไป 4 คนจาก 37 เหลือ 33 การเพิ่มตัวเลข ก็ค่อนข้างที่จะยาก แต่ว่าก็แข่งขันเต็มที่ ทุกพื้นที่ ส่วนใน 6 เขตที่พรรคไม่เคยได้ส.ส.เลยนั้น เราก็จะทำงานหนักในเขตเหล่านี้ ซึ่งตนยืนยันว่า คนที่สมัครในเขตเลือกตั้งเหล่านี้ ก็เป็นคนที่มีความแน่วแน่มากๆ เขารู้อยู่แล้ว อย่างนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมืองที่รู้อยู่แล้วว่าต้องแข่งกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาก็อาสาตัวด้วยความแน่วแน่
** เย้ย"แม้ว"แค่ผู้ใหญ่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอแนวคิดหมู่บ้านแดงว่า การมีแนวคิดเรื่องหมู่บ้านแดง แล้วจะปรองดองได้อย่างไร ขณะที่เรากำลังจะบอกให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ทำไมต้องประกาศโซน ประกาศพื้นที่ เป็นสีนั้นสีนี้ มันไม่เอื้อที่จะนำไปสู่การปรองดองสามัคคี เรื่องนี้แกนนำเสื้อแดงต้องตอบ และแกนนำเสื้อแดงยังเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อย่างน้อย 3 คน อยู่ใน 10 ลำดับแรก ก็ต้องตอบว่า นี่คือนโยบายของพรรคเพื่อไทย เรื่องการปรองดองหรือไม่ ที่จะแบ่งสีเป็นพื้นที่ๆ
เมื่อถามว่าในหมู่บ้านมีการติดภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในชุดที่ติดยศเต็มยศแล้วบอกว่า นี่คือประมุขของหมู่บ้าน นายอภิสิทธิ์ ยิ้มก่อนกล่าวว่า"ไม่เป็นไรครับประมุขหมู่บ้านก็เทียบเท่าผู้ใหญ่บ้าน"
**ซัดเขตปกครองพิเศษแก้ไฟใต้ไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ชูการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการจัดให้เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายกระจายอำนาจ และคนในพื้นที่มีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่เราเดินหน้ามาตลอด โครงสร้างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. )ใหม่ มีสภาที่ปรึกษาจากตัวแทนทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันองค์กรส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล( อบ ต. ) เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ. )ต้องได้รับอำนาจมากขึ้น และสามาถตกลงกันเองโดยมีการยุบรวมกันเองได้ โดยมีการยุบรวม หรือมีข้อเสนอของคนในพื้นที่ขึ้นมา เราจะพิจารณา แต่การกระโดดไปเป็นองค์กรรูปแบบพิเศษทันที อย่างเมืองพัทยานั้น ตนต้องบอกว่า
1. อบจ., อบต. ทุกแห่งที่นั่นหายไปทันที เพราะเป็นแนวทางของการทำองค์กรท้องถิ่นของท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
2. ตนสันนิษฐานเอาว่า องค์กรนี้จะตั้งอยู่ที่ ปัตตานี ตนถามว่า คนที่อยู่ เบตง สุไหงโกลก จากเดิมที่มี อบต. มีเทศบาล มีอบจ. ที่ค่อนข้างใกล้พื้นที่ของตัวเอง ต่อไปต้องไปขึ้นอยู่ที่ปัตตานีหมด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าแนวทางของพรรคเพื่อไทย มันจะไปตอบโจทย์ที่จะให้ทุกคนได้รับการดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร แต่ของพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโจทย์เพราะ อบต. เทศบาล อบจ. จะได้รับอำนาจมากขึ้น เนื่องจากมีช่องทางพิเศษในการนำเสนอนโยบายผ่านสภาที่ปรึกษา ตามโครงสร้าง ศอ.บต.ใหม่ และเขามีโครงการที่สามารถที่จะนำเสนอได้ ผ่านกลไกของคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดภาคใต้ ( กพต. ) ดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ และที่ผ่านมาเราพิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อเหตุการณ์มันคลี่คลายได้เราสามารถที่ จะยกเลิกกฎหมายพิเศษ อย่างที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี หรือใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้ และเราไม่ย้อนกลับไป แม้แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ก็ยอมรับว่าทำผิดพลาดเอาไว้
** คนใต้ยังไม่ลืม "กรือเซะ-ตากใบ"
เมื่อถามว่า มีการเลือกตั้งครั้งหนึ่ง ที่คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธพรรคไทยรักไทยทั้งหมด คิดว่าจะเกิดลักษณะอย่างนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบยาก ประชาชน 3 จังหวัดต้องเป็นผู้ตอบ แต่มันชัดเจนว่าปี 48 เป็นการปฏิเสธการแก้ปัญหาซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์อย่าง มัสยิดกรือเซะ หรือที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อย่างชัดเจน เมื่อถามว่า กลัวว่านโยบายเขตปกครองพิเศษ จะดึงคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กลัว เหมือนกับที่ไปโฆษณาเรื่องแลนด์บริดจ์ จะเอาอุตสาหกรรมหนักเข้าไป ตนบอกว่าเราไม่เอา คนภาคใต้ควรจะมีแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีหลักประกันว่า ไม่เจอความเสี่ยงจากการที่ทรัพย์สินตรงนั้นถูกทำลาย โดยอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตาม จากการ ที่มีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรืออุตสาหกรรมหนักเข้าไป
** "เทือก"ไขก๊อกด้วยหากได้ไม่ถึง170
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรค หากพรรคได้ ส.ส.ต่ำกว่า 170 ที่นั่ง ว่า ถ้าหัวหน้าพรรคลาออก ตนก็ลาออกด้วย จะอยู่ไปทำไม เราทีมเดียวกันชัดเจนอยู่แล้ว แต่ตนไม่พูดแซงหัวหน้าเท่านั้นเอง ก็มีคนสบประมาทกันมาก ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เท่านั้นเท่านี้ ตนก็อดทนอยู่ พอหัวหน้าพรรคพูดอย่างนี้ ตนก็โล่งใจ เพราะจะได้พูดบ้าง ดังนั้นชัดเจนว่า ถ้าได้คะแนนเท่านั้น ก็เท่ากับว่าแพ้เขายับเยิน ยกบ้านยกเมืองให้คนเผาบ้านเผาเมืองไป แล้วก็สมควรที่จะต้องรับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารพรรค
** ชี้ปชป.อ่อนหัดแพ้สงครามข่าวพท.
ดร.เขียน ธีระวิทย์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ สาขารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "การเลือกตั้งส.ส. สงครามระหว่างความเท็จกับความจริง" มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า จุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำให้ตกเป็นรองพรรคเพื่อไทย คือ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ในเชิงรุกมากเท่าคู่แข่ง นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ใช้ประเด็นต่างๆชี้แจงความจริงให้ประชาชนทราบ ทำให้มวลชนจำนวนมากคล้อยตามการกล่าวหาของกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะใน 2 ข้อกล่าวหาสำคัญคือ เข่นฆ่าประชาชน และสนับสนุนการรัฐประหาร
**"เสื้อแดง"ไม่เลิกรังควาญ"มาร์ค"
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ ( 15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะได้ลงพื้นที่หมู่บ้านดีเค เขตบางบอน ช่วยนายสามารถ ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 28 กทม. หาเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นรถแห่สลับกับการเดินเท้าในหมู่บ้าน ท่ามกลางการคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก โดยมีการนำดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจ ขอจับมือและถ่ายรูปเป็นระยะ มีเพียงช่วงแห่รถออกจากหมู่บ้านเท่านั้น ที่เจอกลุ่มประชาชน 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ชาย 2 คน โดยชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีแดง ความจริงวันนี้ ได้ชู 1 นิ้ว ให้กับขบวนแห่ ซึ่งนายถนอม อ่อนเกตุพล อดีตเลขานุการของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ทำหน้าที่โฆษกของขบวนแห่ ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการกล่าวผ่านไมโครโฟน ว่า ขอบคุณที่มาเชียร์ให้พรรคประชาธิปัตย์ ชนะเป็นที่หนึ่ง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ และคณะขึ้นรถแห่มายังหมู่บ้านพระปิ่น 5 ในซอยเอกชัย 109 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ลงเดินพบปะประชาชน และได้รับการตอบรับจากประชาชน ที่มาจับจ่ายซื้อของในบริเวณดังกล่าว และได้รับมอบกล้วยดิบ 2 หวี จากผู้หญิง 2 คน และอวยพรให้เจอแต่เรื่องกล้วยๆ พร้อมกับหอมแก้มนายอภิสิทธิ์ ฟอดใหญ่
ทั้งนี้ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มแม่ค้าที่ขายเสื้อผ้าอยู่ในหมู่บ้าน ได้ยืนรอบริเวณหน้าร้าน ประมาณ 5 คน โดยมีการนำฝากล่องโฟม และกระดาษลัง ที่ระบุข้อความว่า “ไข่ก็แพง น้ำมันก็แพง ไม่เห็นมีอะไรดี” “ อยู่มา 3 ปีแล้ว ทำไมไม่ทำ ดีแต่พูด” พร้อมกับตะโกนว่า “ รู้ว่านายกฯจะมา หาเสียง เราก็มาต้อนรับ เรารักอภิสิทธิ์ แต่เราจะเลือก ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย พร้อมกับชู 1 นิ้ว ตอบโต้กับกองเชียร์ของพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ตลอดเวลา
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ และคณะได้มาช่วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 29 กทม. ในพื้นที่หมู่บ้านหรรษา และหมู่บ้านศรีเพชร โดยในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กำลังช่วยผู้สมัครหาเสียงอยู่นั้น ได้มีชายสวมเสื้อสีแดงความจริงวันนี้ โบกธงแดง ใส่รถขบวนแห่ของนายอภิสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีความวุ่นวายใด เกิดขึ้น
** พบสภาหอการค้าแจงนโยบายศก.
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ นายกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปพบปะ หารือ และชี้แจงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานทางด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กับหอการค้าไทย และ สภาหอการกค้าแห่งประเทศไทย โดยมีนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการ และกรรมการให้การต้อนรับ และร่วมรับฟังการชี้แจง
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอคุณภาคเอกชน และหอการค้า ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานกับรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการวางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง กรอ.จังหวัด แผนปฏิรูปประเทศไทย และการต่อต้านคอร์รัปชัน นโยบายเหล่านี้ รัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อทำงานอย่างเต็มที่ หากได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ รักษาวินัยทางการเงิน การคลัง ทั้งระยะสั้น กลางและยาว ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจมหาภาค นอกจากนั้น จะต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจเป็นธรรม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มศักยภาพและโอกาส รวมทั้งนำประเทศไปสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร และอุตสาหกรรม ที่ไทยจะเป็นตัวเชื่อมเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย
** หอการค้าจี้ต้องขจัดคอร์รัปชันให้สิ้น
อย่างไรก็ตาม ทางหอการค้าไทย ได้เสนอข้อแนะว่า จะต้องเน้นให้ประเทศไทย มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ไม่ว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศมาจากพรรคการเมืองใด หอการค้าไทย สนับสุนให้มีการดำเนินยุทธศาสตร์ใน 2 ประเด็น หลักคือ
1. การต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานที่บั่นทอนเศรษฐกิจ และสังคมอย่างมาก และถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกฝายต้องช่วยกันแก้ไข
2. การลดความเลื่อมล้ำ ให้มีการกระจายรายได้ของประเทศ สร้างความเสมอภาคและความสมดุลในประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
**จวกพท.ทำประเทศขาดดุล 2 ล้านล้าน
นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบปะหารือและชี้แจงนโยบาย กับหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า เรื่องการต่อต้านทุจริต คอร์รัปชัน และปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่มีการเสนอมานั้น เป็นแนวทางที่ตรงกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ทางพรรคยืนยันนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่เอื้อต่อการเติบโตภาคการเกษตร แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ประกาศยกเลิกนโยบายประกันรายได้ และจะกลับไปใช้นโยบายจำนำ จะเป็นการสร้างความเสี่ยงอย่างมากต่ออนาคตทางการเกษตรของประเทศ และต่อระเบียบการค้าโลกอีกด้วย
"นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะทำให้ประเทศขาดดุลงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ยังนึกไม่ออกว่าจะทำกันอย่างไร นี่ยังไม่ได้สิ่งที่จะนำเสนอใหม่ เพราะเห็นว่ามีเพิ่มเติมกันทุกวัน เราต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่เช่นนั้นการตัดสินใจของประชาชน อาจจะไม่ทราบผลกระทบที่ตามมา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ปชป.เตรียมปราศรัยใหญ่ในกทม.
นางการดี เลียวไพโรจน์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันนี้ (16 มิ.ย.) พรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ ในพื้นที่กทม.ส่วนภาคใต้ 15 เขต ที่ วงเวียนใหญ่ โดยจะมีแกนนำพรรคไปปราศรัย เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. และนายอภิสิทธิ์ จะขึ้นปราศรัยในเวลา 19.30 น.
ส่วนวันที่ 17 มิ.ย. พรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ พื้นที่ กทม.ส่วนกลาง ที่สวนเบญจสิริ และวันที่ 19 มิ.ย. จะปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กทม. ภาคตะวันออก ที่หนองจอก
** ปรับยุทธศาสตร์ดึงฐานเสียงวัยโจ๋
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้เปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเยาวชนที่เพิ่งได้ลงคะแนนเสียงครั้งแรก หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย ผ่านโครงการ " ช่วยสร้างสรรค์เติมฝันให้เต็มสิบ" เพื่อเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็น ต่อยอดนโยบายของพรรคในด้านต่างๆ ซึ่งพรรคจะเริ่มลงพื้นที่ รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ ด้วยการตระเวนไปตามแหล่งชุมชน ทั้ง สยามสแควร์ มาบุญครอง จตุจักร ทองหล่อ ฯลฯ และเปิดให้คนทั่วไปแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ค ของพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ จะได้ส.ส. 200 ที่นั่งว่า ก็เขาก็ถามตนว่าเห็นโพลแล้วเป็นอย่างไร ตนก็บอกว่าสูสีกัน คำนวณออกมาก็เหมือนกับว่า สองพรรคใหญ่จะได้รวมกันอยู่ที่ 400 ก็อยู่ระหว่าง 200 บวก ลบ ก็เป็นการคำนวณตัวเลขให้เห็น
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าถ้าได้ 170 เสียง จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เป็นการผูกมัดตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าที่จริงตนไม่ได้พูดอย่างนั้น เพราะตนบอกว่า หากทำพรรคถดถอย ตนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่หากตนได้ 160 แล้วมาอันดับหนึ่ง ตนก็ไม่ออก ซึ่ง 200 ที่นั่งก็จะได้จากทั่วประเทศ
เมื่อถามว่าจะได้ ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากกว่าเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในกรุงเทพมหานคร ส.ส.ลดไป 4 คนจาก 37 เหลือ 33 การเพิ่มตัวเลข ก็ค่อนข้างที่จะยาก แต่ว่าก็แข่งขันเต็มที่ ทุกพื้นที่ ส่วนใน 6 เขตที่พรรคไม่เคยได้ส.ส.เลยนั้น เราก็จะทำงานหนักในเขตเหล่านี้ ซึ่งตนยืนยันว่า คนที่สมัครในเขตเลือกตั้งเหล่านี้ ก็เป็นคนที่มีความแน่วแน่มากๆ เขารู้อยู่แล้ว อย่างนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมืองที่รู้อยู่แล้วว่าต้องแข่งกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาก็อาสาตัวด้วยความแน่วแน่
** เย้ย"แม้ว"แค่ผู้ใหญ่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอแนวคิดหมู่บ้านแดงว่า การมีแนวคิดเรื่องหมู่บ้านแดง แล้วจะปรองดองได้อย่างไร ขณะที่เรากำลังจะบอกให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ทำไมต้องประกาศโซน ประกาศพื้นที่ เป็นสีนั้นสีนี้ มันไม่เอื้อที่จะนำไปสู่การปรองดองสามัคคี เรื่องนี้แกนนำเสื้อแดงต้องตอบ และแกนนำเสื้อแดงยังเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อย่างน้อย 3 คน อยู่ใน 10 ลำดับแรก ก็ต้องตอบว่า นี่คือนโยบายของพรรคเพื่อไทย เรื่องการปรองดองหรือไม่ ที่จะแบ่งสีเป็นพื้นที่ๆ
เมื่อถามว่าในหมู่บ้านมีการติดภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในชุดที่ติดยศเต็มยศแล้วบอกว่า นี่คือประมุขของหมู่บ้าน นายอภิสิทธิ์ ยิ้มก่อนกล่าวว่า"ไม่เป็นไรครับประมุขหมู่บ้านก็เทียบเท่าผู้ใหญ่บ้าน"
**ซัดเขตปกครองพิเศษแก้ไฟใต้ไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ชูการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการจัดให้เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายกระจายอำนาจ และคนในพื้นที่มีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่เราเดินหน้ามาตลอด โครงสร้างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. )ใหม่ มีสภาที่ปรึกษาจากตัวแทนทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันองค์กรส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล( อบ ต. ) เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ. )ต้องได้รับอำนาจมากขึ้น และสามาถตกลงกันเองโดยมีการยุบรวมกันเองได้ โดยมีการยุบรวม หรือมีข้อเสนอของคนในพื้นที่ขึ้นมา เราจะพิจารณา แต่การกระโดดไปเป็นองค์กรรูปแบบพิเศษทันที อย่างเมืองพัทยานั้น ตนต้องบอกว่า
1. อบจ., อบต. ทุกแห่งที่นั่นหายไปทันที เพราะเป็นแนวทางของการทำองค์กรท้องถิ่นของท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
2. ตนสันนิษฐานเอาว่า องค์กรนี้จะตั้งอยู่ที่ ปัตตานี ตนถามว่า คนที่อยู่ เบตง สุไหงโกลก จากเดิมที่มี อบต. มีเทศบาล มีอบจ. ที่ค่อนข้างใกล้พื้นที่ของตัวเอง ต่อไปต้องไปขึ้นอยู่ที่ปัตตานีหมด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าแนวทางของพรรคเพื่อไทย มันจะไปตอบโจทย์ที่จะให้ทุกคนได้รับการดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร แต่ของพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโจทย์เพราะ อบต. เทศบาล อบจ. จะได้รับอำนาจมากขึ้น เนื่องจากมีช่องทางพิเศษในการนำเสนอนโยบายผ่านสภาที่ปรึกษา ตามโครงสร้าง ศอ.บต.ใหม่ และเขามีโครงการที่สามารถที่จะนำเสนอได้ ผ่านกลไกของคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดภาคใต้ ( กพต. ) ดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ และที่ผ่านมาเราพิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อเหตุการณ์มันคลี่คลายได้เราสามารถที่ จะยกเลิกกฎหมายพิเศษ อย่างที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี หรือใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้ และเราไม่ย้อนกลับไป แม้แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ก็ยอมรับว่าทำผิดพลาดเอาไว้
** คนใต้ยังไม่ลืม "กรือเซะ-ตากใบ"
เมื่อถามว่า มีการเลือกตั้งครั้งหนึ่ง ที่คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธพรรคไทยรักไทยทั้งหมด คิดว่าจะเกิดลักษณะอย่างนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบยาก ประชาชน 3 จังหวัดต้องเป็นผู้ตอบ แต่มันชัดเจนว่าปี 48 เป็นการปฏิเสธการแก้ปัญหาซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์อย่าง มัสยิดกรือเซะ หรือที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อย่างชัดเจน เมื่อถามว่า กลัวว่านโยบายเขตปกครองพิเศษ จะดึงคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กลัว เหมือนกับที่ไปโฆษณาเรื่องแลนด์บริดจ์ จะเอาอุตสาหกรรมหนักเข้าไป ตนบอกว่าเราไม่เอา คนภาคใต้ควรจะมีแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีหลักประกันว่า ไม่เจอความเสี่ยงจากการที่ทรัพย์สินตรงนั้นถูกทำลาย โดยอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตาม จากการ ที่มีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรืออุตสาหกรรมหนักเข้าไป
** "เทือก"ไขก๊อกด้วยหากได้ไม่ถึง170
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรค หากพรรคได้ ส.ส.ต่ำกว่า 170 ที่นั่ง ว่า ถ้าหัวหน้าพรรคลาออก ตนก็ลาออกด้วย จะอยู่ไปทำไม เราทีมเดียวกันชัดเจนอยู่แล้ว แต่ตนไม่พูดแซงหัวหน้าเท่านั้นเอง ก็มีคนสบประมาทกันมาก ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เท่านั้นเท่านี้ ตนก็อดทนอยู่ พอหัวหน้าพรรคพูดอย่างนี้ ตนก็โล่งใจ เพราะจะได้พูดบ้าง ดังนั้นชัดเจนว่า ถ้าได้คะแนนเท่านั้น ก็เท่ากับว่าแพ้เขายับเยิน ยกบ้านยกเมืองให้คนเผาบ้านเผาเมืองไป แล้วก็สมควรที่จะต้องรับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารพรรค
** ชี้ปชป.อ่อนหัดแพ้สงครามข่าวพท.
ดร.เขียน ธีระวิทย์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ สาขารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "การเลือกตั้งส.ส. สงครามระหว่างความเท็จกับความจริง" มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า จุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำให้ตกเป็นรองพรรคเพื่อไทย คือ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ในเชิงรุกมากเท่าคู่แข่ง นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ใช้ประเด็นต่างๆชี้แจงความจริงให้ประชาชนทราบ ทำให้มวลชนจำนวนมากคล้อยตามการกล่าวหาของกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะใน 2 ข้อกล่าวหาสำคัญคือ เข่นฆ่าประชาชน และสนับสนุนการรัฐประหาร
**"เสื้อแดง"ไม่เลิกรังควาญ"มาร์ค"
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ ( 15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะได้ลงพื้นที่หมู่บ้านดีเค เขตบางบอน ช่วยนายสามารถ ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 28 กทม. หาเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นรถแห่สลับกับการเดินเท้าในหมู่บ้าน ท่ามกลางการคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก โดยมีการนำดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจ ขอจับมือและถ่ายรูปเป็นระยะ มีเพียงช่วงแห่รถออกจากหมู่บ้านเท่านั้น ที่เจอกลุ่มประชาชน 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ชาย 2 คน โดยชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีแดง ความจริงวันนี้ ได้ชู 1 นิ้ว ให้กับขบวนแห่ ซึ่งนายถนอม อ่อนเกตุพล อดีตเลขานุการของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ทำหน้าที่โฆษกของขบวนแห่ ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการกล่าวผ่านไมโครโฟน ว่า ขอบคุณที่มาเชียร์ให้พรรคประชาธิปัตย์ ชนะเป็นที่หนึ่ง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ และคณะขึ้นรถแห่มายังหมู่บ้านพระปิ่น 5 ในซอยเอกชัย 109 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ลงเดินพบปะประชาชน และได้รับการตอบรับจากประชาชน ที่มาจับจ่ายซื้อของในบริเวณดังกล่าว และได้รับมอบกล้วยดิบ 2 หวี จากผู้หญิง 2 คน และอวยพรให้เจอแต่เรื่องกล้วยๆ พร้อมกับหอมแก้มนายอภิสิทธิ์ ฟอดใหญ่
ทั้งนี้ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มแม่ค้าที่ขายเสื้อผ้าอยู่ในหมู่บ้าน ได้ยืนรอบริเวณหน้าร้าน ประมาณ 5 คน โดยมีการนำฝากล่องโฟม และกระดาษลัง ที่ระบุข้อความว่า “ไข่ก็แพง น้ำมันก็แพง ไม่เห็นมีอะไรดี” “ อยู่มา 3 ปีแล้ว ทำไมไม่ทำ ดีแต่พูด” พร้อมกับตะโกนว่า “ รู้ว่านายกฯจะมา หาเสียง เราก็มาต้อนรับ เรารักอภิสิทธิ์ แต่เราจะเลือก ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย พร้อมกับชู 1 นิ้ว ตอบโต้กับกองเชียร์ของพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ตลอดเวลา
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ และคณะได้มาช่วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 29 กทม. ในพื้นที่หมู่บ้านหรรษา และหมู่บ้านศรีเพชร โดยในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กำลังช่วยผู้สมัครหาเสียงอยู่นั้น ได้มีชายสวมเสื้อสีแดงความจริงวันนี้ โบกธงแดง ใส่รถขบวนแห่ของนายอภิสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีความวุ่นวายใด เกิดขึ้น
** พบสภาหอการค้าแจงนโยบายศก.
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ นายกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปพบปะ หารือ และชี้แจงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานทางด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กับหอการค้าไทย และ สภาหอการกค้าแห่งประเทศไทย โดยมีนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการ และกรรมการให้การต้อนรับ และร่วมรับฟังการชี้แจง
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอคุณภาคเอกชน และหอการค้า ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานกับรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการวางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง กรอ.จังหวัด แผนปฏิรูปประเทศไทย และการต่อต้านคอร์รัปชัน นโยบายเหล่านี้ รัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อทำงานอย่างเต็มที่ หากได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ รักษาวินัยทางการเงิน การคลัง ทั้งระยะสั้น กลางและยาว ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจมหาภาค นอกจากนั้น จะต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจเป็นธรรม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มศักยภาพและโอกาส รวมทั้งนำประเทศไปสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร และอุตสาหกรรม ที่ไทยจะเป็นตัวเชื่อมเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย
** หอการค้าจี้ต้องขจัดคอร์รัปชันให้สิ้น
อย่างไรก็ตาม ทางหอการค้าไทย ได้เสนอข้อแนะว่า จะต้องเน้นให้ประเทศไทย มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ไม่ว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศมาจากพรรคการเมืองใด หอการค้าไทย สนับสุนให้มีการดำเนินยุทธศาสตร์ใน 2 ประเด็น หลักคือ
1. การต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานที่บั่นทอนเศรษฐกิจ และสังคมอย่างมาก และถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกฝายต้องช่วยกันแก้ไข
2. การลดความเลื่อมล้ำ ให้มีการกระจายรายได้ของประเทศ สร้างความเสมอภาคและความสมดุลในประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
**จวกพท.ทำประเทศขาดดุล 2 ล้านล้าน
นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบปะหารือและชี้แจงนโยบาย กับหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า เรื่องการต่อต้านทุจริต คอร์รัปชัน และปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่มีการเสนอมานั้น เป็นแนวทางที่ตรงกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ทางพรรคยืนยันนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่เอื้อต่อการเติบโตภาคการเกษตร แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ประกาศยกเลิกนโยบายประกันรายได้ และจะกลับไปใช้นโยบายจำนำ จะเป็นการสร้างความเสี่ยงอย่างมากต่ออนาคตทางการเกษตรของประเทศ และต่อระเบียบการค้าโลกอีกด้วย
"นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะทำให้ประเทศขาดดุลงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ยังนึกไม่ออกว่าจะทำกันอย่างไร นี่ยังไม่ได้สิ่งที่จะนำเสนอใหม่ เพราะเห็นว่ามีเพิ่มเติมกันทุกวัน เราต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่เช่นนั้นการตัดสินใจของประชาชน อาจจะไม่ทราบผลกระทบที่ตามมา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ปชป.เตรียมปราศรัยใหญ่ในกทม.
นางการดี เลียวไพโรจน์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันนี้ (16 มิ.ย.) พรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ ในพื้นที่กทม.ส่วนภาคใต้ 15 เขต ที่ วงเวียนใหญ่ โดยจะมีแกนนำพรรคไปปราศรัย เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. และนายอภิสิทธิ์ จะขึ้นปราศรัยในเวลา 19.30 น.
ส่วนวันที่ 17 มิ.ย. พรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ พื้นที่ กทม.ส่วนกลาง ที่สวนเบญจสิริ และวันที่ 19 มิ.ย. จะปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กทม. ภาคตะวันออก ที่หนองจอก
** ปรับยุทธศาสตร์ดึงฐานเสียงวัยโจ๋
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้เปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเยาวชนที่เพิ่งได้ลงคะแนนเสียงครั้งแรก หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย ผ่านโครงการ " ช่วยสร้างสรรค์เติมฝันให้เต็มสิบ" เพื่อเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็น ต่อยอดนโยบายของพรรคในด้านต่างๆ ซึ่งพรรคจะเริ่มลงพื้นที่ รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ ด้วยการตระเวนไปตามแหล่งชุมชน ทั้ง สยามสแควร์ มาบุญครอง จตุจักร ทองหล่อ ฯลฯ และเปิดให้คนทั่วไปแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ค ของพรรค