นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL) กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบหน้าของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ครั้งหน้าในวันที่ 13 ก.ค.นี้ว่า อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกครั้งในรอบการประชุมนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ระดับที่ใกล้ภาวะปกติแล้ว ขณะที่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศ อาทิเช่นในแถบยุโรปและจีนอาจมีภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือทางด้านอุปสงค์และเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่ง
"แม้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นประเด็นสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป และทิศทางดอกเบี้ยจะยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ก็ตาม แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อัตราความเร่งรัดที่จะขึ้นดอกเบี้ยน่าจะชะลอลง ซึ่งผมว่าอาจไม่จำเป็นที่ต้องรีบขึ้นในการประชุมรอบหน้า เพื่อให้เวลาภาคธุรกิจได้ปรับตัว เพราะการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลที่เป็นภาระต่อการดำเนินงาน ถ้าหยุดรอเขาหน่อยก็จะช่วยได้มาก"
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ กนง.อาจปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1-2 ครั้ง โดยมีระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและอยู่ในระดับปกติที่ 3-3.5%
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปี เป็นเรื่องของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตชะลอลง ซึ่งจะช่วยทำให้ภาวะเงินเฟ้อชะลอลงได้บ้าง แต่การชะลอลงของเศรษฐกิจในหลายประเทศอาจไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยมากนัก ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น คงว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น
**คาดสินเชื่อทั้งปีทะลุเป้า**
ด้านการปล่อยสินเชื่อรวมในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวแล้วกว่า 5% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อขนาดใหญ่ แต่ธนาคารจะยังคงเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อรวมในปีนี้อยู่ที่ 6-8% แม้มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าธนาคารยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับอีกหลายโครงการที่มีสัญญาณว่าอาจมีความจำเป็นที่จะต้องขอวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายหลังจากที่ราคาสินค้าหลายอย่างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการเงินทุนในส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
"การขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งปีหลังแม้จะยังมีทิศทางที่ขยายตัวดี แต่อาจเป็นไปในลักษณะที่ชะลอตัวลงบ้างตามภาวะของเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศ เริ่มมีอัตราการเติบโตที่ชะลอลง ขณะที่ในส่วนของ NPL พบว่ามีสัญญาณการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง"
"แม้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นประเด็นสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป และทิศทางดอกเบี้ยจะยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ก็ตาม แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อัตราความเร่งรัดที่จะขึ้นดอกเบี้ยน่าจะชะลอลง ซึ่งผมว่าอาจไม่จำเป็นที่ต้องรีบขึ้นในการประชุมรอบหน้า เพื่อให้เวลาภาคธุรกิจได้ปรับตัว เพราะการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลที่เป็นภาระต่อการดำเนินงาน ถ้าหยุดรอเขาหน่อยก็จะช่วยได้มาก"
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ กนง.อาจปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1-2 ครั้ง โดยมีระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและอยู่ในระดับปกติที่ 3-3.5%
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปี เป็นเรื่องของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตชะลอลง ซึ่งจะช่วยทำให้ภาวะเงินเฟ้อชะลอลงได้บ้าง แต่การชะลอลงของเศรษฐกิจในหลายประเทศอาจไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยมากนัก ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น คงว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น
**คาดสินเชื่อทั้งปีทะลุเป้า**
ด้านการปล่อยสินเชื่อรวมในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวแล้วกว่า 5% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อขนาดใหญ่ แต่ธนาคารจะยังคงเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อรวมในปีนี้อยู่ที่ 6-8% แม้มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าธนาคารยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับอีกหลายโครงการที่มีสัญญาณว่าอาจมีความจำเป็นที่จะต้องขอวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายหลังจากที่ราคาสินค้าหลายอย่างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการเงินทุนในส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
"การขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งปีหลังแม้จะยังมีทิศทางที่ขยายตัวดี แต่อาจเป็นไปในลักษณะที่ชะลอตัวลงบ้างตามภาวะของเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศ เริ่มมีอัตราการเติบโตที่ชะลอลง ขณะที่ในส่วนของ NPL พบว่ามีสัญญาณการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง"
