ASTVผู้จัดการรายวัน – เศรษฐีไทยพร้อมใช้เงิน ส่งตลาดนาฬิกาแบรนด์หรูโตต่อเนื่อง “เบรเกต์” มั่นใจปีนี้ยอดขายโต 2 เท่า ดีสุดในรอบ 25 ปีที่ทำตลาดในไทย พร้อมออกรุ่นใหม่ ฉลอง 200 ปี ทำราคาต่ำสุด 5 แสนกว่าบาท เจาะกลุ่มสุภาพสตรี
นายคริสตอฟ วิเกอรี่ กรรมการผู้จัดการ นาฬิกา แบรนด์ เบรเกต์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันตลาดนาฬิกาปีนี้ ค่อนข้างรุนแรง มีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามามากมาย และแต่ละแบรนด์มีการเพิ่มงบการตลาด ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่า กลุ่มนาฬิกาที่จับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางถึงบน จะมีการเติบโตมากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ
โดยการเมืองและเศรษฐกิจไม่ส่งผลต่อลูกค้ากลุ่มนี้ ดังนั้นจึงมองว่าในส่วนของกลุ่มนาฬิการะดับพรีเมี่ยมยังไปได้ดีอยู่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเติบโต หรือมีมูลค่าเท่าไร
ในส่วนของเบรเกต์ ปีนี้มั่นใจว่าจะมียอดขายรวมเติบโตขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปีนี้ 2 ปัจจัย คือ 1. สถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น
และ 2.เบรเกต์ครบรอบ 200 ปี จึงมีการออกคอลเล็กชั่นใหม่ร่วมเฉลิมฉลอง ในรุ่น “แรน เดอ นาปล์ ออโตโมติก สไตรค์” พร้อมชิ้นงานมาสเตอร์พีซอีก 2 รุ่น จับกลุ่มผู้หญิง คือ แรน เดอ นาปล์ สตีล ราคา 5.3 แสนบาท เป็นราคาที่ถูกสุดที่เคยทำในกลุ่มผู้หญิง และแรน เดอ นาปส์ คามเมีย ราคา 5.3 ล้านบาท
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทยังจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายหลัก 2 ราย ใน 3 สาขา ได้แก่ เอ็มโพเรียม พารากอน และโคติน่า วอสช์ เอราวัณ และยังไม่มีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่าย หรือช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่
นายคริสตอฟ กล่าวว่า ในปีก่อนนอกจากสถานการร์การเมืองที่มีปัญหาแล้ว เบรเกต์ยังมีปัญหาในเรื่องของการส่งของที่ล่าช้า ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า แต่ปีนี้เชื่อว่ายอดขายจะดีขึ้น และดีที่สุดในรอบ 25 ปี ที่เข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพเช่นเดียวกับหลายๆประเทศในเอเชีย ทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินเดีย ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีการเติบโตที่ดีของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตดีกว่ากลุ่มยุโรปด้วย
นายคริสตอฟ วิเกอรี่ กรรมการผู้จัดการ นาฬิกา แบรนด์ เบรเกต์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันตลาดนาฬิกาปีนี้ ค่อนข้างรุนแรง มีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามามากมาย และแต่ละแบรนด์มีการเพิ่มงบการตลาด ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่า กลุ่มนาฬิกาที่จับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางถึงบน จะมีการเติบโตมากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ
โดยการเมืองและเศรษฐกิจไม่ส่งผลต่อลูกค้ากลุ่มนี้ ดังนั้นจึงมองว่าในส่วนของกลุ่มนาฬิการะดับพรีเมี่ยมยังไปได้ดีอยู่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเติบโต หรือมีมูลค่าเท่าไร
ในส่วนของเบรเกต์ ปีนี้มั่นใจว่าจะมียอดขายรวมเติบโตขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปีนี้ 2 ปัจจัย คือ 1. สถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น
และ 2.เบรเกต์ครบรอบ 200 ปี จึงมีการออกคอลเล็กชั่นใหม่ร่วมเฉลิมฉลอง ในรุ่น “แรน เดอ นาปล์ ออโตโมติก สไตรค์” พร้อมชิ้นงานมาสเตอร์พีซอีก 2 รุ่น จับกลุ่มผู้หญิง คือ แรน เดอ นาปล์ สตีล ราคา 5.3 แสนบาท เป็นราคาที่ถูกสุดที่เคยทำในกลุ่มผู้หญิง และแรน เดอ นาปส์ คามเมีย ราคา 5.3 ล้านบาท
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทยังจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายหลัก 2 ราย ใน 3 สาขา ได้แก่ เอ็มโพเรียม พารากอน และโคติน่า วอสช์ เอราวัณ และยังไม่มีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่าย หรือช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่
นายคริสตอฟ กล่าวว่า ในปีก่อนนอกจากสถานการร์การเมืองที่มีปัญหาแล้ว เบรเกต์ยังมีปัญหาในเรื่องของการส่งของที่ล่าช้า ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า แต่ปีนี้เชื่อว่ายอดขายจะดีขึ้น และดีที่สุดในรอบ 25 ปี ที่เข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพเช่นเดียวกับหลายๆประเทศในเอเชีย ทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินเดีย ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีการเติบโตที่ดีของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตดีกว่ากลุ่มยุโรปด้วย