นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาโจมตีว่าตนไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล จากการเขียนบันทึกในลงในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ว่า การตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา ต้องจำใจ เพราะไม่มีทางเลือกนั้น ตนคิดว่านายชุมพลไม่ได้อ่านบันทึกของตน เพราะมาตอบโต้ที่สิ่งตนไม่ได้เขียน
ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องชี้แจง หรือทำความเข้าใจกับนายชุมพล เพราะอีกไม่นาน นายชุมพล ก็คงทราบว่าการเขียนของตนคืออะไร และยืนยันว่า จะไม่หยุดเขียนบันทึกในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค เพราะต้องบันทึกความจริงเอาไว้ และที่สำคัญตนไม่มีเจตนาว่าอะไรใคร
** ถ้าปชป.แพ้ก็ยกบ้านเมืองให้เสื้อแดงไป
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คงไม่เป็นปัญหาอะไรในพรรคร่วมรัฐบาล และเห็นว่าเป็นช่วงกำลังหาเสียง บางทีจะไปยึดเอาคำพูดใดมาเป็นอารมณ์ทำให้น้อยใจกัน แต่จะโกรธกันไม่ได้ ต้องดูเจตนาด้วย อายุก็มากกันแล้ว ต้องรู้จักอดทนบ้าง
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเรื่องต่อรองจัดตั้งรัฐบาล แต่จะรอให้การเลือกตั้งเสร็จก่อน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะเป็นที่หนึ่ง เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองอื่นสนใจมาร่วมรัฐบาล แต่ถ้าประชาธิปัตย์แพ้หลุดลุ่ย เราก็ไม่ทำอะไร ก็ยกบ้านเมืองให้กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้บริหารไป ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนจะพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมาพูดเรื่องสูตรรัฐบาล
ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บอกไม่มีเรา เขาตั้งรัฐบาลไมได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ถูกต้อง เพราะทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคขนาดกลางไม่ได้ เพราะเสียงไม่พอแน่นอน ส่วนจะถูกต่อรองจากพรรคขนาดกลางหรือไม่ อยู่ที่ว่าพรรคที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลยอมได้แค่ไหน
ดังนั้นคนที่ทำนายว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้ ก็ช่วยจารึกชื่อคนทำนาย และเขียนติดฝาบ้านเอาไว้ แล้วจะส่งผลการเลือกตั้งไปให้ดู เพราะเชื่อว่าประชาชนไม่มีวันลืมว่า ทั้งคนเสื้อแดง กองกำลังติดอาวุธ ทำร้ายประชาชน เผาบ้านเผาเมือง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ไมได้สั่งฆ่าประชาชน และสำหรับชาวบ้านที่ลืมเหตุการณ์ไปแล้ว หากถูกบิดเบือนข้อมูล ก็อาจจะฟังจากคนพวกนั้น แต่สำหรับใครที่ติดตามข่าวมาตลอด คงพอจำได้ โดยเฉพาะคนกทม. ที่เป็นเสมือนฝันร้าย และถ้าคนเหล่านั้นมาบิดเบือนข้อมูลมากๆ ตนก็จะเอาข้อมูลมาเปิดเผยต่อไป
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกจะกลับเมืองไทยเดือนพฤศจิกายน นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครห้าม แต่ ถ้าอยู่เหนือกฏหมาย มีความพยายามทำต่างๆ นานาเพื่อลบล้างความผิด ไม่ยอมรับคำพิพากษา พยายามให้สมุนออกมายึดอำนาจรัฐ แล้วล้างความผิด เจ้าของประชาชนเขายอมไม่ได้
ส่วนที่คนเสื้อแดงประกาศว่า จะเคลื่อนไหวหากไม่ได้ตั้งรัฐบาล นั้นทำไม่ได้ ถ้าคนทั้งประเทศลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะ เท่ากับบอกบริวาร พ.ต.ท.ทักษิณว่า ชาวบ้านเขาไม่เอาพวกที่เผาบ้านเผาเมือง ส่วนที่มีความพยายามปูทางว่า พรรคเพื่อไทยแพ้ เพราะมีการโกงเลือกตั้ง ก็เริ่มเห็นมีการออกมาพูด จึงขอให้ประชาชนช่วยจับตาดู ถ้าเห็นการทุจริตที่ไหนให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือบอกมาที่ตนก็ได้
** "ชุมพล" อ้างอัด"มาร์ค"แค่เทคนิคหาเสียง
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การเขียนเฟซบุ๊ค เป็นความจริงว่า เป็นความรู้สึกของนายอภิสิทธิ์เองที่คิดว่านั่นคือความจริง แต่ความจริงของคนอื่น และความจริงของนายอภิสิทธิ์ คงจะคนละความจริง แต่ความจริงคือ การที่ตนได้กล่าวไปแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า ไม่มีพรรคให้เลือกแล้วพรรคการเมืองในประเทศมีให้เลือกอยู่เท่านี้ แต่คำพูดและวิธีแสดงออกก็ไม่น่าจะมาแสดงออกเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล็กๆน้อยๆในระหว่างเลือกตั้ง อย่าไปถือเป็นสาระ เอาเป็นเรื่องผูกพันไปถึงอนาคต เพราะอนาคตก็คืออนาคต หลังเลือกตั้งก็คือหลังเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่สื่อเสนอข่าวไปเหมือนกับว่า ตนปฏิเสธจะไม่ร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์อีกนั้น มันไม่ใช่ แต่พรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และนำไปสู่การปรองดอง ที่ให้สัมภาษณ์ไป ตนไม่ได้พูดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใคร เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เท่ากับว่าตนประกาศตัวเป็นศัตรูกับคนอื่นแล้ว อย่างนั้นมันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงไม่บานปลาย เพราะตน และนายอภิสิทธิ์ ทำงานด้วยกันมานานกว่า 7 ปีในมหาวิทยาลัยศิลปากร รู้จักนอสัยใจคอกันดี แต่บางครั้งคนเราอาจจะถูกคำถามจี้ให้จน ก็เลยต้องตอบอย่างนั้นก็เป็นได้ แต่ที่นายอภิสิทธิ์ คิดไม่ผิด เพราะพรรคการเมืองในประเทศไทย ก็มีอยู่แค่นั้น แต่สำคัญที่วิธีแสดงออก ตนเพียงขอให้สังเกตไว้เท่านั้น แต่ไม่ถือเป็นเรื่องราวใหญ่โตว่าจะต้องโกรธ หรือเป็นศัตรูกัน เพราะพรรคชาติไทยพัฒนา ขอประกาศว่าจะไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องนี้ จะส่งผลไปถึงการจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า คงไม่เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การตั้งรัฐบาล กับการวิพากษ์กันในช่วงหาเสียง มันเป็นคนละประเด็นกัน จะนำไปผูกพันกันไม่ได้ ดังนั้นหลังวันที่ 3 ก.ค. ขึ้นอยู่กับตัวเลขผลการเลือกตั้งว่า จะออกมาอย่างไร ใครจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
**"เด็กเติ้ง"อ้างถูกปืนจี้หัวให้ร่วมรัฐบาล
นายเอกพจน์ ปานแย้ม อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณี นายชุมพล ศิลปอาชา ระบุว่า ถ้าไม่ถูกบีบบังคับ ก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องจริง เพราะในขณะนั้นตนเป็นวิปรัฐบาล พยายามทำหน้าที่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระบบรัฐสภา แต่ถูกสกัดกั้นมาโดยตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของตน และของพรรค โดยถูกมองว่าเป็นการไปสนับสนุนอีกฝ่าย แม้หลายคนจะเตือนว่า ถ้าพรรคยังคงร่วมรัฐบาลต่อไปในขณะนั้น พรรคอาจจะถูกยุบแน่ แต่ทั้งนายบรรหาร และสมาชิกพรรค ก็ไม่มีใครเชื่อ
แต่ท้ายที่สุด พรรคก็ถูกยุบ และตัดสิทธิ์คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย มันเป็นความอัปยศสิ้นดี และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นอีก เพราะหลังจากนั้นทราบว่าสมาชิกที่เหลือจะต้องเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเราก็รู้ว่าหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ในขณะนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปถาม นายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ นายวราวุธ ได้พูดเป็นนัยว่า " มันต้องทำใจพี่ เราคงฝืนไม่ได้ มันเหมือนเราถูกเอาปืนจ่อหัวให้จำยอม ถ้าไม่ทำอาจจะหนักกว่าถูกตัดสิทธิ" ทำให้ตนเข้าใจว่า เราคงไม่มีทางเลือกจริงๆ และนี่คือสิ่งที่เรายังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ทุกวันนี้
**ฝันถึงตำแหน่งนายกฯขั้วที่ 3
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แถลงถึงผลการหาเสียงของพรรคโดยยึดแนวทางปรองดองว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะได้ส.ส.ถึง 30 คนอย่างแน่นอน
"เป้าหมายต่อไปที่พรรควางไว้ คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซี่งพรรคมั่นใจว่า ทั้งพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และนายชุมพล ศิลปอาชา สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีจากขั้วที่สามได้แน่นอน" นายวัชระ กล่าว
ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องชี้แจง หรือทำความเข้าใจกับนายชุมพล เพราะอีกไม่นาน นายชุมพล ก็คงทราบว่าการเขียนของตนคืออะไร และยืนยันว่า จะไม่หยุดเขียนบันทึกในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค เพราะต้องบันทึกความจริงเอาไว้ และที่สำคัญตนไม่มีเจตนาว่าอะไรใคร
** ถ้าปชป.แพ้ก็ยกบ้านเมืองให้เสื้อแดงไป
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คงไม่เป็นปัญหาอะไรในพรรคร่วมรัฐบาล และเห็นว่าเป็นช่วงกำลังหาเสียง บางทีจะไปยึดเอาคำพูดใดมาเป็นอารมณ์ทำให้น้อยใจกัน แต่จะโกรธกันไม่ได้ ต้องดูเจตนาด้วย อายุก็มากกันแล้ว ต้องรู้จักอดทนบ้าง
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเรื่องต่อรองจัดตั้งรัฐบาล แต่จะรอให้การเลือกตั้งเสร็จก่อน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะเป็นที่หนึ่ง เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองอื่นสนใจมาร่วมรัฐบาล แต่ถ้าประชาธิปัตย์แพ้หลุดลุ่ย เราก็ไม่ทำอะไร ก็ยกบ้านเมืองให้กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้บริหารไป ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนจะพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมาพูดเรื่องสูตรรัฐบาล
ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บอกไม่มีเรา เขาตั้งรัฐบาลไมได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ถูกต้อง เพราะทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคขนาดกลางไม่ได้ เพราะเสียงไม่พอแน่นอน ส่วนจะถูกต่อรองจากพรรคขนาดกลางหรือไม่ อยู่ที่ว่าพรรคที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลยอมได้แค่ไหน
ดังนั้นคนที่ทำนายว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้ ก็ช่วยจารึกชื่อคนทำนาย และเขียนติดฝาบ้านเอาไว้ แล้วจะส่งผลการเลือกตั้งไปให้ดู เพราะเชื่อว่าประชาชนไม่มีวันลืมว่า ทั้งคนเสื้อแดง กองกำลังติดอาวุธ ทำร้ายประชาชน เผาบ้านเผาเมือง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ไมได้สั่งฆ่าประชาชน และสำหรับชาวบ้านที่ลืมเหตุการณ์ไปแล้ว หากถูกบิดเบือนข้อมูล ก็อาจจะฟังจากคนพวกนั้น แต่สำหรับใครที่ติดตามข่าวมาตลอด คงพอจำได้ โดยเฉพาะคนกทม. ที่เป็นเสมือนฝันร้าย และถ้าคนเหล่านั้นมาบิดเบือนข้อมูลมากๆ ตนก็จะเอาข้อมูลมาเปิดเผยต่อไป
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกจะกลับเมืองไทยเดือนพฤศจิกายน นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครห้าม แต่ ถ้าอยู่เหนือกฏหมาย มีความพยายามทำต่างๆ นานาเพื่อลบล้างความผิด ไม่ยอมรับคำพิพากษา พยายามให้สมุนออกมายึดอำนาจรัฐ แล้วล้างความผิด เจ้าของประชาชนเขายอมไม่ได้
ส่วนที่คนเสื้อแดงประกาศว่า จะเคลื่อนไหวหากไม่ได้ตั้งรัฐบาล นั้นทำไม่ได้ ถ้าคนทั้งประเทศลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะ เท่ากับบอกบริวาร พ.ต.ท.ทักษิณว่า ชาวบ้านเขาไม่เอาพวกที่เผาบ้านเผาเมือง ส่วนที่มีความพยายามปูทางว่า พรรคเพื่อไทยแพ้ เพราะมีการโกงเลือกตั้ง ก็เริ่มเห็นมีการออกมาพูด จึงขอให้ประชาชนช่วยจับตาดู ถ้าเห็นการทุจริตที่ไหนให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือบอกมาที่ตนก็ได้
** "ชุมพล" อ้างอัด"มาร์ค"แค่เทคนิคหาเสียง
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การเขียนเฟซบุ๊ค เป็นความจริงว่า เป็นความรู้สึกของนายอภิสิทธิ์เองที่คิดว่านั่นคือความจริง แต่ความจริงของคนอื่น และความจริงของนายอภิสิทธิ์ คงจะคนละความจริง แต่ความจริงคือ การที่ตนได้กล่าวไปแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า ไม่มีพรรคให้เลือกแล้วพรรคการเมืองในประเทศมีให้เลือกอยู่เท่านี้ แต่คำพูดและวิธีแสดงออกก็ไม่น่าจะมาแสดงออกเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล็กๆน้อยๆในระหว่างเลือกตั้ง อย่าไปถือเป็นสาระ เอาเป็นเรื่องผูกพันไปถึงอนาคต เพราะอนาคตก็คืออนาคต หลังเลือกตั้งก็คือหลังเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่สื่อเสนอข่าวไปเหมือนกับว่า ตนปฏิเสธจะไม่ร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์อีกนั้น มันไม่ใช่ แต่พรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และนำไปสู่การปรองดอง ที่ให้สัมภาษณ์ไป ตนไม่ได้พูดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใคร เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เท่ากับว่าตนประกาศตัวเป็นศัตรูกับคนอื่นแล้ว อย่างนั้นมันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงไม่บานปลาย เพราะตน และนายอภิสิทธิ์ ทำงานด้วยกันมานานกว่า 7 ปีในมหาวิทยาลัยศิลปากร รู้จักนอสัยใจคอกันดี แต่บางครั้งคนเราอาจจะถูกคำถามจี้ให้จน ก็เลยต้องตอบอย่างนั้นก็เป็นได้ แต่ที่นายอภิสิทธิ์ คิดไม่ผิด เพราะพรรคการเมืองในประเทศไทย ก็มีอยู่แค่นั้น แต่สำคัญที่วิธีแสดงออก ตนเพียงขอให้สังเกตไว้เท่านั้น แต่ไม่ถือเป็นเรื่องราวใหญ่โตว่าจะต้องโกรธ หรือเป็นศัตรูกัน เพราะพรรคชาติไทยพัฒนา ขอประกาศว่าจะไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องนี้ จะส่งผลไปถึงการจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า คงไม่เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การตั้งรัฐบาล กับการวิพากษ์กันในช่วงหาเสียง มันเป็นคนละประเด็นกัน จะนำไปผูกพันกันไม่ได้ ดังนั้นหลังวันที่ 3 ก.ค. ขึ้นอยู่กับตัวเลขผลการเลือกตั้งว่า จะออกมาอย่างไร ใครจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
**"เด็กเติ้ง"อ้างถูกปืนจี้หัวให้ร่วมรัฐบาล
นายเอกพจน์ ปานแย้ม อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณี นายชุมพล ศิลปอาชา ระบุว่า ถ้าไม่ถูกบีบบังคับ ก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องจริง เพราะในขณะนั้นตนเป็นวิปรัฐบาล พยายามทำหน้าที่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระบบรัฐสภา แต่ถูกสกัดกั้นมาโดยตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของตน และของพรรค โดยถูกมองว่าเป็นการไปสนับสนุนอีกฝ่าย แม้หลายคนจะเตือนว่า ถ้าพรรคยังคงร่วมรัฐบาลต่อไปในขณะนั้น พรรคอาจจะถูกยุบแน่ แต่ทั้งนายบรรหาร และสมาชิกพรรค ก็ไม่มีใครเชื่อ
แต่ท้ายที่สุด พรรคก็ถูกยุบ และตัดสิทธิ์คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย มันเป็นความอัปยศสิ้นดี และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นอีก เพราะหลังจากนั้นทราบว่าสมาชิกที่เหลือจะต้องเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเราก็รู้ว่าหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ในขณะนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปถาม นายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ นายวราวุธ ได้พูดเป็นนัยว่า " มันต้องทำใจพี่ เราคงฝืนไม่ได้ มันเหมือนเราถูกเอาปืนจ่อหัวให้จำยอม ถ้าไม่ทำอาจจะหนักกว่าถูกตัดสิทธิ" ทำให้ตนเข้าใจว่า เราคงไม่มีทางเลือกจริงๆ และนี่คือสิ่งที่เรายังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ทุกวันนี้
**ฝันถึงตำแหน่งนายกฯขั้วที่ 3
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แถลงถึงผลการหาเสียงของพรรคโดยยึดแนวทางปรองดองว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะได้ส.ส.ถึง 30 คนอย่างแน่นอน
"เป้าหมายต่อไปที่พรรควางไว้ คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซี่งพรรคมั่นใจว่า ทั้งพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และนายชุมพล ศิลปอาชา สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีจากขั้วที่สามได้แน่นอน" นายวัชระ กล่าว