00 ได้เห็นข่าวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย คนหนึ่งที่ชื่อ ไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ อะไรนั่น มีเรื่องมีราวกับทหารหน่วยปฏิบัติการ ฉก.3-1-5 ถึงขั้นชักปืนข่มขู่ทหารดังกล่าว ต่อมีการแถลงข่าวและมีการแจ้งความดำเนินคดีจากโฆษกกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด และตามมาด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงของผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำนองว่า ยอมไม่ได้เป็นอันขาดที่จะให้ “ทหารถูกรังแก” ฟังดูเผินๆ เออสะใจดีวุ้ย ต้องเจอคนจริง โดนซะบ้าง อะไรทำนองนี้ แต่เมื่อตั้งสติค่อยๆคิด เฮ้ย นี่มัน “บ้าหรือเปล่าวะ” ทหารในเครื่องแบบถูกไอ้ผู้สมัครส.ส. “กระจอก” คนหนึ่ง และที่ผ่านมาไม่มีเคยมีบทบาทอะไรเป็นที่โดดเด่น กลับมีข่าวว่า ใช้ปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่ทหาร ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมกันหลายคน มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้
00 ถามสักคำว่า คนที่ชื่อ ไพโรจน์ ดังกล่าวนี้จะมีกี่คนที่รู้ว่ามันเป็นส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เคยมีผลงานอะไร ทั้งในและนอกสภา ให้เป็นที่จดจำในเชิงสร้างสรรค์บ้าง เปล่าเลย ถ้าไม่มีก็แสดงว่ามัน “ไร้ค่า” หากจะมีอิทธิพลมันก็ไม่ต่างจากพวก “นายทุนท้องถิ่น” หรือพวกคุมคิวรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ ระดับล่าง แต่นี่ถึงกับบอกว่าทำให้ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ต้องหวั่นไหว ถูกข่มขู่ ซึ่งจริงไม่จริง ยังไม่รู้ แต่ถ้าจริงก็ถือว่า “ทหารพวกนั้น” นั่นแหละกระจอกยิ่งกว่า ไล่ขึ้นไปตั้งแต่ พ.อ.สรรเสริญ ที่เป็นโฆษกกองทัพบก จนถึง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขันต้องลงทุนออกมาตั้งโต๊ะแถลง ชี้หน้าด่าผู้สมัครส.ส.โนเนม ให้มันจนสร้างราคาขึ้นมาเกิดความสนใจ เพราะถ้า“ไอ้เวร”นั่นมันกร่างนัก ก็จับกุมมันไปเลยสิ เพราะถือว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าทหารจับไม่ได้ ก็ให้ตำรวจที่อยู่ในหน่วยผสม ฉก.3-1-5 มีภารกิจปราบยาเสพติดจับกุมแทนก็ได้ ถ้าขวางถือว่ามีเอี่ยวค้ายาหรือเปล่า ไม่ต้องมาพูดมาก จนทำลายศักดิ์ศรีกองทัพเปล่าๆ เพราะถึงขนาดบอกว่า “ทหารถูกรังแก” แล้วหยั่งงี้ชาวบ้านทั่วไปจะเหลืออะไรละทั่น อย่าดีแต่ฮึ่ม ทุด !!
00 กรณี “หมู่บ้านเสื้อแดง” ในภาคอีสานก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีการเผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ไม่มีการตื่นตัว ซึ่งถ้ามองกันในแง่ดี ก็อาจจะเป็นแบบไม่อยากให้สร้างกระแส ทำลายความมั่นคง แต่ขณะเดียวกันการที่ยังมีหมู่บ้านแบบนี้ มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ที่ไม่อาจสร้างความเข้าใจกับมวลชนได้เลย กว่าสองปีถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่ากำลังตรวจสอบดูอยู่นั้น ก็ขอให้ดูต่อไปเรื่อยๆ จนตายก็แล้วกัน
00 มาเรื่องการเมือง “น้ำเน่า” อีกแบบหนึ่งกันต่อ ได้เห็นท่าทางขึงขัง แสดงอาการโกรธเกรี้ยวของ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และปชป. ไม่ให้เกียรติที่ไปเขียนในเฟซบุ๊คในทำนองว่า ที่ต้องดึงชาติไทยฯ เพราะ “ไม่มีทางเลือก” จนต้องตอบโต้ว่า ถ้าไม่ถูกบังคับจาก “พลังภายนอก” ที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็ไม่ไปร่วมหรอก อะไรประมาณนั้น ถ้าพิจารณากันแบบ “รู้ทัน” นี่คือ จังหวะ“ปั่นราคา” เพราะรู้ดีว่า ถึงอย่างไรตัวเองก็ได้ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ว่าขั้วไหนชนะ นั่นคือถ้าเพื่อไทยมาก็ได้ ขณะที่ปชป.มาก็จะทำอิดออด เรียกร้องให้มากที่สุด แถมยังกลายเป็นว่า นี่คือเกมต่อเนื่องหาทางชิ่งหนีเอาตัวรอด ฉีกเอ็มโอยูกับ “ภูมิใจห้อย” ได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยใช้ข้ออ้างไม่สะดวกใจที่จะจับมือกับปชป. ( แต่สะดวกที่จะอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร ) เพราะจะมีการนิรโทษฯ ซึ่ง บรรหาร จะได้ประโยชน์ด้วย ) มันก็แค่นี้แหละ ทุด !!
00 นี่ก็ไม่น้อยหน้า ต้องออกมาคอมเมนท์กับเขาบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกัน เหมือนกับที่ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" จากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินบอกว่า พรรคที่ได้อันดับ 3 อาจได้เป็นนายกฯ เพราะนาทีนี้ยังเชื่อว่าไม่มีใครชนะได้เสียงเกินครึ่ง แต่สำคัญก็คือ จะเป็นพรรคไหน ความหมายก็คือจะเป็น “ขั้วที่ 3” อย่างที่พยายามผลักดันกันหรือเปล่า ก็ว่ากันไป !!
00 ถามสักคำว่า คนที่ชื่อ ไพโรจน์ ดังกล่าวนี้จะมีกี่คนที่รู้ว่ามันเป็นส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เคยมีผลงานอะไร ทั้งในและนอกสภา ให้เป็นที่จดจำในเชิงสร้างสรรค์บ้าง เปล่าเลย ถ้าไม่มีก็แสดงว่ามัน “ไร้ค่า” หากจะมีอิทธิพลมันก็ไม่ต่างจากพวก “นายทุนท้องถิ่น” หรือพวกคุมคิวรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ ระดับล่าง แต่นี่ถึงกับบอกว่าทำให้ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ต้องหวั่นไหว ถูกข่มขู่ ซึ่งจริงไม่จริง ยังไม่รู้ แต่ถ้าจริงก็ถือว่า “ทหารพวกนั้น” นั่นแหละกระจอกยิ่งกว่า ไล่ขึ้นไปตั้งแต่ พ.อ.สรรเสริญ ที่เป็นโฆษกกองทัพบก จนถึง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขันต้องลงทุนออกมาตั้งโต๊ะแถลง ชี้หน้าด่าผู้สมัครส.ส.โนเนม ให้มันจนสร้างราคาขึ้นมาเกิดความสนใจ เพราะถ้า“ไอ้เวร”นั่นมันกร่างนัก ก็จับกุมมันไปเลยสิ เพราะถือว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าทหารจับไม่ได้ ก็ให้ตำรวจที่อยู่ในหน่วยผสม ฉก.3-1-5 มีภารกิจปราบยาเสพติดจับกุมแทนก็ได้ ถ้าขวางถือว่ามีเอี่ยวค้ายาหรือเปล่า ไม่ต้องมาพูดมาก จนทำลายศักดิ์ศรีกองทัพเปล่าๆ เพราะถึงขนาดบอกว่า “ทหารถูกรังแก” แล้วหยั่งงี้ชาวบ้านทั่วไปจะเหลืออะไรละทั่น อย่าดีแต่ฮึ่ม ทุด !!
00 กรณี “หมู่บ้านเสื้อแดง” ในภาคอีสานก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีการเผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ไม่มีการตื่นตัว ซึ่งถ้ามองกันในแง่ดี ก็อาจจะเป็นแบบไม่อยากให้สร้างกระแส ทำลายความมั่นคง แต่ขณะเดียวกันการที่ยังมีหมู่บ้านแบบนี้ มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ที่ไม่อาจสร้างความเข้าใจกับมวลชนได้เลย กว่าสองปีถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่ากำลังตรวจสอบดูอยู่นั้น ก็ขอให้ดูต่อไปเรื่อยๆ จนตายก็แล้วกัน
00 มาเรื่องการเมือง “น้ำเน่า” อีกแบบหนึ่งกันต่อ ได้เห็นท่าทางขึงขัง แสดงอาการโกรธเกรี้ยวของ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และปชป. ไม่ให้เกียรติที่ไปเขียนในเฟซบุ๊คในทำนองว่า ที่ต้องดึงชาติไทยฯ เพราะ “ไม่มีทางเลือก” จนต้องตอบโต้ว่า ถ้าไม่ถูกบังคับจาก “พลังภายนอก” ที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็ไม่ไปร่วมหรอก อะไรประมาณนั้น ถ้าพิจารณากันแบบ “รู้ทัน” นี่คือ จังหวะ“ปั่นราคา” เพราะรู้ดีว่า ถึงอย่างไรตัวเองก็ได้ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ว่าขั้วไหนชนะ นั่นคือถ้าเพื่อไทยมาก็ได้ ขณะที่ปชป.มาก็จะทำอิดออด เรียกร้องให้มากที่สุด แถมยังกลายเป็นว่า นี่คือเกมต่อเนื่องหาทางชิ่งหนีเอาตัวรอด ฉีกเอ็มโอยูกับ “ภูมิใจห้อย” ได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยใช้ข้ออ้างไม่สะดวกใจที่จะจับมือกับปชป. ( แต่สะดวกที่จะอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร ) เพราะจะมีการนิรโทษฯ ซึ่ง บรรหาร จะได้ประโยชน์ด้วย ) มันก็แค่นี้แหละ ทุด !!
00 นี่ก็ไม่น้อยหน้า ต้องออกมาคอมเมนท์กับเขาบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกัน เหมือนกับที่ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" จากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินบอกว่า พรรคที่ได้อันดับ 3 อาจได้เป็นนายกฯ เพราะนาทีนี้ยังเชื่อว่าไม่มีใครชนะได้เสียงเกินครึ่ง แต่สำคัญก็คือ จะเป็นพรรคไหน ความหมายก็คือจะเป็น “ขั้วที่ 3” อย่างที่พยายามผลักดันกันหรือเปล่า ก็ว่ากันไป !!
