วานนี้(1 มิ.ย.)นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับว่าผิดสัญญากับพรรคชาติไทยพัฒนาเพียงเรื่องเดียวคือการไม่ได้พาครอบครัวไปบึงฉวากจ.สุพรรณบุรี ว่า จะมาเลี่ยงบาลีกันไม่ได้ ยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทยเวลาจะทำอะไรเป็นก็มีสัญญาสุภาพบุรุษสัญญาใจเอาไว้กันแล้ว ทั้งนี้ พรรคยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราที่ไม่เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยังเหลือประเด็นว่าจะแก้ไขมาตรา 237 เพื่อตัวเราเองไม่ใช่เพราะเป็นข้อเสนอที่สอดคล้องกับคณะกรรมการศึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายชุด การแก้ไขมาตรานี้เพื่อแก้ไขระบบและแก้ไขวิกฤติการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และผลที่ได้รับไม่ได้มีแค่พรรคชาติไทยพัฒนาพรรคเดียว
ทั้งนี้ พรรคจะเดินหน้าแก้ 237 เพื่อให้ผู้กระทำความผิดเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวและไม่มีการยุบพรรคในกรณีนี้เด็ดขาด เพราะเรามองเห็นว่ามาตรา 237 เป็นการฆ่าตัดตอนทางการเมือง โดยควรให้พรรคการเมืองมีความต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงท่าทีไม่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เหลังเลือกตั้งเอาไว้มาคุยกัน เพียงแต่พรรคชาติไทยพัฒนาแสดงจุดยืนต่อความต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรเป็นปัญหา ท่าทีที่เพื่อนพรรคร่วมรัฐบาลแสดงออกมาเป็นปกติในช่วงวาระของการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง เห็นว่า เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้ว นายสุเทพ เป็นคนออกไปสัญญากับพรรคร่วมรัฐบาล ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ถูกต้องครับ ตนได้เจรจากับพรรคต่างๆ ที่จะมาร่วมรัฐบาลขณะนั้น และได้มีข้อซักซ้อมกันว่า จะให้ทำอะไร อย่างไร เราก็มาเล่าให้พรรคฟังแล้ว ที่ประชุมพรรคส่วนใหญ่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดเมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องที่ตกลงรับปากเอาไว้ก่อน ก็ได้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญในระบบเขตใหญ่ มาเป็นเขตเล็กอย่างที่เห็น
ส่วนที่พรรคร่วมออกมาระบุว่าจะให้มีการแก้ไขมาตรา 237 นั้นเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ที่ตนพูดไปเป็นเรื่องที่แล้วมา ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่ สัญญาไว้ได้ทำครบหมดแล้ว
ส่วนจะวางบทบาทการเป็นผู้จัดการรัฐบาลครั้งหน้าให้ชัดเจนอย่างไร เห็นว่าคนนินทาตนเป็นเรื่องปกติ อยู่ดีๆ ก็นินทาเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องเบี้ยวพรรคร่วมรัฐบาล คนที่รู้จักตนดีเข้าใจว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ส่วนที่พรรคร่วมไม่ได้บอกเช่นนั้น เชื่อว่าไม่เป็นไร ต่างตนต่างมุมมองไม่เป็นปัญหาคุยกันไว้ก่อนก็ได้ คุยทีหลังก็ได้ แล้วแต่ ส่วนจะกระชับความสัมพันธ์กับพรรคร่วมอย่างไร เห็นว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาการหาเสียง ถ้าเอาแต่ไปกระชับสัมพันธ์ แล้วตนจะเอาเวลาที่ไหนไปหาเสียง ต่างคนก็ต่างหาเสียง และไม่มีเวลาที่จะนัดกินข้าว
ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา บ่นว่า นายสุเทพไม่ค่อยโทรศัพท์มาหา นายสุเทพกล่าวว่า เดี๋ยวเสร็จจากการเลือกตั้ง ตนจะรีบโทรหาทันที
อีกเรื่อง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินกล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาระบุว่า จะยื่นฟ้องบรรดาแกนนำที่อยู่เบื้องหลังการเมือง อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อให้มีการยุบพรรคว่า ถือเป็นสิทธิของบุคคลที่มีสิทธิแสดงความเห็นทางการเมืองได้ และการบริหารงานของพรรคที่ผ่านมา นายสุวัจน์ก็ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเลย เราก็ทำของเราไป จึงไม่ทราบว่านายชูวิทย์จะเอาอะไรไปฟ้อง
นายชุมพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไม่ได้ตัดสิทธิบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้เพียงสองประเด็น คือ 1.ให้ยุบพรรคชาติไทยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 237 และมาตรา 68 และ2.ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคชาติไทยและกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดข้อห้ามบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามมาตรา 45 ที่ได้รับรองไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่ผ่านมานายบรรหาร ไม่เคยได้ร่วมกิจกรรมของพรรคและพรรคชาติไทยพัฒนาไม่เคยมอบหมายให้นายบรรหารดำเนินการอะไรทางการเมืองเพียงแต่เป็นการแสดงความคิดเห็นของนายบรรหารเท่านั้น และที่สำคัญกกต.เคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ดังนั้น อยากให้บุคคลที่ออกมาพาดพิงให้กลับไปดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการหาเสียงรายวัน นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่าพรรคจะปราศรัยใหญ่ ที่ลานสหกรณ์การเกษตรอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในเวลา 16.00 น. โดยมีหัวหน้านำทีมผู้บริหารพรรค และผู้สมัครร่วมปราศัย คาดจะมีผู้ฟังกว่า 2 หมื่นคน ที่บริเวณลำตะคอง บริเวณรูปปั้นพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการออกปฏิญญาลำตะคองด้วย
ทั้งนี้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้ทีมงานไปจัดการจัดเวทีเพื่อปราศรัยโดยนำนโยบายไปบอกประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ไม่ใช่การชูตัวหน้าพรรค สิ่งที่เรากำลังจะไปเพื่อบอกว่าภูมิใจไทย.จะทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ไม่ใช่ไปบอกว่า “เลือกภูมิใจไทย ได้ชวรัตน์”
เมื่อถามว่าที่ลงพื้นที่เพราะหัวหน้าขายไม่ได้หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าหัวหน้าขายไม่ได้ เพราะหากเปรียบเทียบกันเรื่องทำธุรกิจระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เก่งด้านธุรกิจนั้น เชื่อว่า เทียบนายชวรัตน์ไม่ได้เลยกับประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจ
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี อ่างทอง และพิจิตร อาจไม่จำเป็นที่แกนนำต้องไปช่วยเพราะผู้สมัครสามารถบริหารจัดการเองได้ นอกจากนี้พื้นที่ผู้สมัครหน้าใหม่ เช่นนายมนต์สิทธิ์ คำสร้อย แก้วศรีนวล เขต 2 มุกดาหาร นายสุระ แสนคำ หรือเขาทราย กาแลคซี่ เขต 2 เพชรบูรณ์ นายสมรักษ์ คำสิงห์ เขต 10 ขอนแก่น ก็จะให้ความสำคัญ
อีกเรื่องนางพรรณี จารุสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึง สาเหตุที่อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน จำเป็นต้องตั้งศูนย์ประสานงานแยกส่วนออกมาว่า เพราะที่ทำการพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ถ.หลานหลวง ไม่มีความพร้อมทั้งเรื่องสถานที่ และบุคลากร ซึ่งส่วนใหญ่ยังใช้ทีมงานของบริษัทเอกชนที่เป็นผู้จัดงานอีเว้นท์ ทำให้ขาดประสบการณ์ทำงานด้านการเมือง ส่งผลให้ผู้สมัครในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินเดิมเกิดปัญหา และรู้สึกอึดอัด อีกทั้งงานรณรงค์หาเสียง กิจกรรม และป้ายประชาสัมพันธ์ บางพื้นที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงพื้นที่หาเสียง รวมไปถึงกรณีที่ทีมงานของพรรคมุ่งเสนอภาพและบทบาทของ นพ.วรรณรัตน์ เพียงคนเดียวทำให้แกนนำฝั่งเพื่อแผ่นดินเดิมไม่พอใจ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะได้สส.ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ 7-8ที่นั่ง เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเจ้าของ และไม่เป็นไปของพรรคใดพรรคหนึ่ง
ด้านนายฉลอง เรี่ยวแรง และ 4 ผู้สมัคร ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย จังหวัดนนทบุรี นอนโลงศพ วัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อเป็นการถือเคล็ดว่าในช่วงหาเสียงได้นอนโลงแล้ว จะได้ไม่ต้องได้นอนอีก
ขณะที่ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรครักษ์สันติ ได้นำผู้สมัคร สส.ของพรรค ที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งในพื้นที่จ.นครราชสีมา เข้าสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อความเป็นสิริมงคล .
ทั้งนี้ พรรคจะเดินหน้าแก้ 237 เพื่อให้ผู้กระทำความผิดเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวและไม่มีการยุบพรรคในกรณีนี้เด็ดขาด เพราะเรามองเห็นว่ามาตรา 237 เป็นการฆ่าตัดตอนทางการเมือง โดยควรให้พรรคการเมืองมีความต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงท่าทีไม่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เหลังเลือกตั้งเอาไว้มาคุยกัน เพียงแต่พรรคชาติไทยพัฒนาแสดงจุดยืนต่อความต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรเป็นปัญหา ท่าทีที่เพื่อนพรรคร่วมรัฐบาลแสดงออกมาเป็นปกติในช่วงวาระของการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง เห็นว่า เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้ว นายสุเทพ เป็นคนออกไปสัญญากับพรรคร่วมรัฐบาล ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ถูกต้องครับ ตนได้เจรจากับพรรคต่างๆ ที่จะมาร่วมรัฐบาลขณะนั้น และได้มีข้อซักซ้อมกันว่า จะให้ทำอะไร อย่างไร เราก็มาเล่าให้พรรคฟังแล้ว ที่ประชุมพรรคส่วนใหญ่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดเมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องที่ตกลงรับปากเอาไว้ก่อน ก็ได้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญในระบบเขตใหญ่ มาเป็นเขตเล็กอย่างที่เห็น
ส่วนที่พรรคร่วมออกมาระบุว่าจะให้มีการแก้ไขมาตรา 237 นั้นเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ที่ตนพูดไปเป็นเรื่องที่แล้วมา ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่ สัญญาไว้ได้ทำครบหมดแล้ว
ส่วนจะวางบทบาทการเป็นผู้จัดการรัฐบาลครั้งหน้าให้ชัดเจนอย่างไร เห็นว่าคนนินทาตนเป็นเรื่องปกติ อยู่ดีๆ ก็นินทาเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องเบี้ยวพรรคร่วมรัฐบาล คนที่รู้จักตนดีเข้าใจว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ส่วนที่พรรคร่วมไม่ได้บอกเช่นนั้น เชื่อว่าไม่เป็นไร ต่างตนต่างมุมมองไม่เป็นปัญหาคุยกันไว้ก่อนก็ได้ คุยทีหลังก็ได้ แล้วแต่ ส่วนจะกระชับความสัมพันธ์กับพรรคร่วมอย่างไร เห็นว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาการหาเสียง ถ้าเอาแต่ไปกระชับสัมพันธ์ แล้วตนจะเอาเวลาที่ไหนไปหาเสียง ต่างคนก็ต่างหาเสียง และไม่มีเวลาที่จะนัดกินข้าว
ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา บ่นว่า นายสุเทพไม่ค่อยโทรศัพท์มาหา นายสุเทพกล่าวว่า เดี๋ยวเสร็จจากการเลือกตั้ง ตนจะรีบโทรหาทันที
อีกเรื่อง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินกล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาระบุว่า จะยื่นฟ้องบรรดาแกนนำที่อยู่เบื้องหลังการเมือง อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อให้มีการยุบพรรคว่า ถือเป็นสิทธิของบุคคลที่มีสิทธิแสดงความเห็นทางการเมืองได้ และการบริหารงานของพรรคที่ผ่านมา นายสุวัจน์ก็ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเลย เราก็ทำของเราไป จึงไม่ทราบว่านายชูวิทย์จะเอาอะไรไปฟ้อง
นายชุมพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไม่ได้ตัดสิทธิบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้เพียงสองประเด็น คือ 1.ให้ยุบพรรคชาติไทยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 237 และมาตรา 68 และ2.ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคชาติไทยและกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดข้อห้ามบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามมาตรา 45 ที่ได้รับรองไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่ผ่านมานายบรรหาร ไม่เคยได้ร่วมกิจกรรมของพรรคและพรรคชาติไทยพัฒนาไม่เคยมอบหมายให้นายบรรหารดำเนินการอะไรทางการเมืองเพียงแต่เป็นการแสดงความคิดเห็นของนายบรรหารเท่านั้น และที่สำคัญกกต.เคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ดังนั้น อยากให้บุคคลที่ออกมาพาดพิงให้กลับไปดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการหาเสียงรายวัน นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่าพรรคจะปราศรัยใหญ่ ที่ลานสหกรณ์การเกษตรอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในเวลา 16.00 น. โดยมีหัวหน้านำทีมผู้บริหารพรรค และผู้สมัครร่วมปราศัย คาดจะมีผู้ฟังกว่า 2 หมื่นคน ที่บริเวณลำตะคอง บริเวณรูปปั้นพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการออกปฏิญญาลำตะคองด้วย
ทั้งนี้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้ทีมงานไปจัดการจัดเวทีเพื่อปราศรัยโดยนำนโยบายไปบอกประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ไม่ใช่การชูตัวหน้าพรรค สิ่งที่เรากำลังจะไปเพื่อบอกว่าภูมิใจไทย.จะทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ไม่ใช่ไปบอกว่า “เลือกภูมิใจไทย ได้ชวรัตน์”
เมื่อถามว่าที่ลงพื้นที่เพราะหัวหน้าขายไม่ได้หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าหัวหน้าขายไม่ได้ เพราะหากเปรียบเทียบกันเรื่องทำธุรกิจระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เก่งด้านธุรกิจนั้น เชื่อว่า เทียบนายชวรัตน์ไม่ได้เลยกับประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจ
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี อ่างทอง และพิจิตร อาจไม่จำเป็นที่แกนนำต้องไปช่วยเพราะผู้สมัครสามารถบริหารจัดการเองได้ นอกจากนี้พื้นที่ผู้สมัครหน้าใหม่ เช่นนายมนต์สิทธิ์ คำสร้อย แก้วศรีนวล เขต 2 มุกดาหาร นายสุระ แสนคำ หรือเขาทราย กาแลคซี่ เขต 2 เพชรบูรณ์ นายสมรักษ์ คำสิงห์ เขต 10 ขอนแก่น ก็จะให้ความสำคัญ
อีกเรื่องนางพรรณี จารุสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึง สาเหตุที่อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน จำเป็นต้องตั้งศูนย์ประสานงานแยกส่วนออกมาว่า เพราะที่ทำการพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ถ.หลานหลวง ไม่มีความพร้อมทั้งเรื่องสถานที่ และบุคลากร ซึ่งส่วนใหญ่ยังใช้ทีมงานของบริษัทเอกชนที่เป็นผู้จัดงานอีเว้นท์ ทำให้ขาดประสบการณ์ทำงานด้านการเมือง ส่งผลให้ผู้สมัครในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินเดิมเกิดปัญหา และรู้สึกอึดอัด อีกทั้งงานรณรงค์หาเสียง กิจกรรม และป้ายประชาสัมพันธ์ บางพื้นที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงพื้นที่หาเสียง รวมไปถึงกรณีที่ทีมงานของพรรคมุ่งเสนอภาพและบทบาทของ นพ.วรรณรัตน์ เพียงคนเดียวทำให้แกนนำฝั่งเพื่อแผ่นดินเดิมไม่พอใจ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะได้สส.ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ 7-8ที่นั่ง เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเจ้าของ และไม่เป็นไปของพรรคใดพรรคหนึ่ง
ด้านนายฉลอง เรี่ยวแรง และ 4 ผู้สมัคร ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย จังหวัดนนทบุรี นอนโลงศพ วัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อเป็นการถือเคล็ดว่าในช่วงหาเสียงได้นอนโลงแล้ว จะได้ไม่ต้องได้นอนอีก
ขณะที่ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรครักษ์สันติ ได้นำผู้สมัคร สส.ของพรรค ที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งในพื้นที่จ.นครราชสีมา เข้าสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อความเป็นสิริมงคล .