วานนี้(1 มิ.ย.) ผศ.ดร.จักร พันธ์ชูเพชร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก เปิดเผยผลสำรวจ “นเรศวรโพล” ว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด 1,828 ตัวอย่าง สำรวจระหว่าง 29-30 พ.ค. 2554 พบว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ คะแนนความนิยมสูงสุดเป็นพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 23.2 ส่วนประชาธิปัตย์ ร้อยละ 22.2 ส่วนพรรคอื่นร้อยละ 4.5 และยังไม่ตัดสินใจ 50.1 ส่วนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 31.8 เป็นนายอภิสิทธิ์ ร้อยละ 29.6 เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนอื่น 7.3 และยังไม่ตัดสินใจ 31.2
ทางด้านความคิดเห็นที่ว่า กรณีพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.สูงสุดได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ให้หัวหน้าพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี รับได้หรือไม่ ผลก็คือ รับได้ร้อยละ 37.1 รับไม่ได้ 33.7 ไม่แสดงความคิดเห็น 29.2 ทั้งนี้ยังเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการซื้อสิทธิขายเสียงมากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่านมา ผลคือ ซื้อเสียงมากขึ้น 52.2% ไม่แน่ใจ 24.8% เท่าเดิม 15.9% น้อย 7.1%
ส่วนความคิดเห็น กรณีพรรคที่ไม่ได้มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด แต่สามารถรวบรวม ส.ส.จากพรรคอื่นในสภาพได้เป็นเสียงข้างมากแล้วจัดตั้งรัฐบาลสำรวจ ก็รับได้ในระดับร้อยละ 50.1 กรณีนายกรัฐมนตรีหญิง จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด นั้นร้อยละ 42.7 ไม่แน่ใจ
ด้านว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรชัย กังวล ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่าจาการสำรวจความเห็นเรื่องข้าวยาก หมากแพง ปัญหาที่รอการแก้ไข เพื่อให้ทราบถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อมาตรการช่วยเหลือทางด้านราคาสินค้าและความหวังต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยจากการสอบถาม โดยเฉพาะความเชื่อมั่นว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่แล้วรัฐบาลชุดใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพงนี้ได้หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 84.2 ไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากร้อยละ 44.7 เห็นว่ารัฐบาลในแต่ละชุดที่เลือกขึ้นมานั้นมักเห็นแก่พวกพ้องตัวเอง มีการคอรัปชั่น นโยบายที่ออกมาเป็นเพียงเพื่อเรียกร้องคะแนนเสียงจากประชาชนเท่านั้น รองลงมาร้อยละ 36.3เห็นว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก เพราะรัฐบาลชุดไหนๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ขณะที่ร้อยละ 19.0 เห็นว่าราคาสินค้ามีแนวโน้มต่อการปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ทางด้านความคิดเห็นที่ว่า กรณีพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.สูงสุดได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ให้หัวหน้าพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี รับได้หรือไม่ ผลก็คือ รับได้ร้อยละ 37.1 รับไม่ได้ 33.7 ไม่แสดงความคิดเห็น 29.2 ทั้งนี้ยังเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการซื้อสิทธิขายเสียงมากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่านมา ผลคือ ซื้อเสียงมากขึ้น 52.2% ไม่แน่ใจ 24.8% เท่าเดิม 15.9% น้อย 7.1%
ส่วนความคิดเห็น กรณีพรรคที่ไม่ได้มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด แต่สามารถรวบรวม ส.ส.จากพรรคอื่นในสภาพได้เป็นเสียงข้างมากแล้วจัดตั้งรัฐบาลสำรวจ ก็รับได้ในระดับร้อยละ 50.1 กรณีนายกรัฐมนตรีหญิง จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด นั้นร้อยละ 42.7 ไม่แน่ใจ
ด้านว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรชัย กังวล ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่าจาการสำรวจความเห็นเรื่องข้าวยาก หมากแพง ปัญหาที่รอการแก้ไข เพื่อให้ทราบถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อมาตรการช่วยเหลือทางด้านราคาสินค้าและความหวังต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยจากการสอบถาม โดยเฉพาะความเชื่อมั่นว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่แล้วรัฐบาลชุดใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพงนี้ได้หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 84.2 ไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากร้อยละ 44.7 เห็นว่ารัฐบาลในแต่ละชุดที่เลือกขึ้นมานั้นมักเห็นแก่พวกพ้องตัวเอง มีการคอรัปชั่น นโยบายที่ออกมาเป็นเพียงเพื่อเรียกร้องคะแนนเสียงจากประชาชนเท่านั้น รองลงมาร้อยละ 36.3เห็นว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก เพราะรัฐบาลชุดไหนๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ขณะที่ร้อยละ 19.0 เห็นว่าราคาสินค้ามีแนวโน้มต่อการปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา
