ASTVผู้จัดการรายวัน- “ครม.มาร์ค” เบรกขึ้นค่าโดยสารเรือ ตามข้อเสนอ"โสภณ"อ้างช่วยเหลือค่าครองชีพชาวบ้าน “พรทิวา” สั่งทำกฎเหล็ก สกัดพ่อค้าเจ้าเล่ห์ ซิกแซกขึ้นราคาสินค้าทางอ้อม เพิ่มส่วนผสมนิดหน่อยขอขึ้นราคา หรือลดปริมาณแต่ขายราคาเดิม เผยสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่มามุขนี้ทั้งนั้น
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (31 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมรับทราบตามที่นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อขอเลื่อนการปรับอัตราค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา เรือด่วนคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟาก ออกไปก่อน
ภายหลังที่คณะกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับเดินเรือประจำทาง ได้มีการศึกษาต้นทุนและอนุมัติให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารขึ้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 2554 นี้เป็นต้นไป โดยเห็นว่า การเลื่อนการขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะค่าครองชีพสูง จึงจะขอความร่วมมือในการคงราคาค่าโดยสารไว้ก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ (1 มิ.ย.) กรมเจ้าท่าจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือด่วนคลองแสนแสบ เพื่อขอความร่วมมือตามนโยบายกระทรวงคมนาคมในการเลื่อนการปรับอัตราค่าโดยสารออกไปก่อน จากที่มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากประกอบการ อย่างไรก็ตาม ตามที่คณะกรรมการฯได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารนั้น เป็นการอนุมัติตามกรอบของราคาค่าน้ำมันที่ 29-33 บาทต่อลิตร ซึ่งเห็นว่าขณะนี้ผู้ประกอบการประสบปัญหาจริง จึงได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นดังกล่าว
หากมีการปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับเดินเรือประจำทาง จะทำให้เรือด่วนเจ้าพระยา และคลองแสบแสน ปรับขึ้นระยะละ 1 บาท และเรือข้ามฟาก ปรับขึ้นอีก 0.50 บาท จำนวน 3 ท่า ประกอบด้วย ท่าเรือสี่พระยา-คลองสาน ,ท่าเรือสะพานสาธร-ตากสิน และท่าเรือพระสมุทรเจดีย์-ปากน้ำ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมได้ติดตามปัญหาราคาสินค้าแพง โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า สินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญ โดยเฉพาะอาหาร ราคาไม่ได้เพิ่ม และบางตัวราคาลดลง จึงได้กำชับให้ติดตามเรื่องไข่ไก่ และเนื้อหมู เพื่อให้ราคาลดลงอีก แต่เนื้อไก่ยังต้องตรึงราคาไว้ เพราะมีการส่งออก หากยกเลิกการส่งออก จะทำให้เสียโอกาสในตลาดโลก สินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น คือ เหล็กและแบตเตอรี่ ที่จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก
“ส่วนค่าเรือข้ามฟาก ได้ขอให้ตรึงราคาไว้ก่อน ขณะที่ มาตรการรถเมล์ฟรี ที่จะสิ้นสุดภายในเดือนนี้ ให้รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องพิจารณา เพราะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถดำเนินการได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
“พรทิวา”วางกฎเหล็กกันพ่อค้าซิกแซก
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน เข้าไปดูกฎระเบียบการพิจารณาอนุมัติการตั้งราคาสินค้าชนิดใหม่ หรือการปรับขนาดสินค้าใหม่เพื่อทดแทนสินค้าขนาดเดิม เพื่อสร้างมาตรฐานการพิจารณาการตั้งราคาสินค้าใหม่ให้เป็นระบบ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้ประการและผู้ผลิตสินค้าหลายรายได้ใช้ช่องว่างในการขออนุญาตตั้งราคา เพื่อฉวยขึ้นราคาสินค้าแทนการขอปรับราคา ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่เคยพิจารณาให้ปรับขึ้นราคา
“มีข่าวว่า ผู้ผลิตสินค้าได้ใช้วิธีซิกแซกขอตั้งราคาสินค้าใหม่ หรือปรับขนาดแล้วตั้งราคาใหม่ เพื่อเป็นการปรับราคาขายทางอ้อม แทนการขอขึ้นราคาแบบตรงๆ จึงได้ขอให้กรมการค้าภายในเข้าไปดูอย่างจริงจัง ไม่ให้ใช้เป็นช่องโหว่ในการขอขึ้นราคาสินค้าอีก เพราะที่ผ่านมาได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน สินค้าหลายชนิดแพงขึ้นทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นราคาเลย”นางพรทิวากล่าว
นางพรทิวา กล่าวว่า จะต้องทำเป็นหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ชัดเจน และทำเป็นโครงสร้างสินค้ารายตัวว่ามีสัดส่วนต้นทุนการผลิตที่สำคัญประกอบด้วยอะไรบ้าง เพราะแต่ละชนิดมีโครงสร้างต้นทุนไม่เหมือนกัน ซึ่งจำเป็นจะต้องสร้างเป็นฐานอ้างอิงเอาไว้ ไม่ใช่พอเอกชนยื่นต้นทุนเสนอมา ก็ต้องเชื่อหมด เพราะไม่มีข้อมูลอ้างอิงของกรมฯ
แต่หากดำเนินการไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ก็ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง สำหรับรัฐบายสมัย???น้า เพราะถือเป็นข้อมูลสำคัญของการพิจารณาการปรับราคาสินค้า
รายงานข่าวแจ้งว่า สินค้าที่นิยมขอตั้งราคาสินค้าใหม่ หรือขอปรับขนาดเพื่อเปลี่ยนแปลงราคา ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ผงซักฟอก แป้งโรยตัว ครีมนวดผม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด นมผงสำหรับเด็ก ขนมขบเคี้ยว นมสดพร้อมดื่ม เนื่องจากการขอตั้งราคาสินค้าใหม่ จะได้รับการอนุญาตง่ายกว่าการขอปรับราคาโดยตรง ที่จะต้องมีการแจ้งต้นทุนอย่างละเอียดเพื่อเปรียบเทียบกับราคาเก่าถึงจะให้ขึ้นราคาได้
สำหรับวิธีการที่ผู้ผลิตสินค้าขอตั้งราคาใหม่เพื่อปรับขึ้นราคาสินค้าทางอ้อม เช่น หากสินค้าใดไม่สามารถขึ้นราคาได้ ก็จะนำสินค้าไปปรับสูตรการผลิตเพียงเล็กน้อย เช่น แต่งกลิ่น เติมสี รสชาติ หรือใช้สารเคมีตัวใหม่เข้าไปผสมในสินค้าเพียงเล็กน้อย เพื่อทำเป็นสินค้ารายการใหม่ และหลังจากนั้นจึงค่อยขอตั้งราคาเข้ามา ซึ่งจะไม่เกิดการเปรียบเทียบต้นทุนกับสินค้าเดิม ทำให้ได้รับอนุญาตให้ขึ้นราคาได้ง่ายกว่า เช่น สินค้าเดิมราคา 40 บาท แต่พอแต่งกลิ่นเติมสีเพิ่มต้นทุนเล็กน้อย ราคาอาจเพิ่มเป็น 45 บาท ขณะที่สินค้าสูตรเดิมที่ไม่ได้ขึ้นราคาก็จะผลิตปริมาณน้อยลง หรือยกเลิกการผลิตไปเลย
นอกจากนี้ ยังมีบางรายใช้วิธีเปลี่ยนแปลงขนาดสินค้า และปรับราคาใหม่ หรืออาจขายราคาเท่าเดิม แต่ปรับลดปริมาณสินค้าลงจากเดิม ทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยว ที่มีขนาดถุงใหญ่เท่าเดิมแต่ปริมาณลดลง อีกทั้งยังเป็นถุงทึบ ทำให้ผู้บริโภคสังเกตด้วยตาเปล่าไม่เห็น หรือผู้ผลิตบางรายอาจลดขนาดและลดราคา เช่น สินค้าขนาด 500 กรัม ขาย 50 บาท แต่ปรับขนาดเป็น 300 กรัม แต่กลับขาย 35 บาท ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการขึ้นราคาทางอ้อม เป็นต้น
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (31 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมรับทราบตามที่นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อขอเลื่อนการปรับอัตราค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา เรือด่วนคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟาก ออกไปก่อน
ภายหลังที่คณะกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับเดินเรือประจำทาง ได้มีการศึกษาต้นทุนและอนุมัติให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารขึ้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 2554 นี้เป็นต้นไป โดยเห็นว่า การเลื่อนการขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะค่าครองชีพสูง จึงจะขอความร่วมมือในการคงราคาค่าโดยสารไว้ก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ (1 มิ.ย.) กรมเจ้าท่าจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือด่วนคลองแสนแสบ เพื่อขอความร่วมมือตามนโยบายกระทรวงคมนาคมในการเลื่อนการปรับอัตราค่าโดยสารออกไปก่อน จากที่มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากประกอบการ อย่างไรก็ตาม ตามที่คณะกรรมการฯได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารนั้น เป็นการอนุมัติตามกรอบของราคาค่าน้ำมันที่ 29-33 บาทต่อลิตร ซึ่งเห็นว่าขณะนี้ผู้ประกอบการประสบปัญหาจริง จึงได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นดังกล่าว
หากมีการปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับเดินเรือประจำทาง จะทำให้เรือด่วนเจ้าพระยา และคลองแสบแสน ปรับขึ้นระยะละ 1 บาท และเรือข้ามฟาก ปรับขึ้นอีก 0.50 บาท จำนวน 3 ท่า ประกอบด้วย ท่าเรือสี่พระยา-คลองสาน ,ท่าเรือสะพานสาธร-ตากสิน และท่าเรือพระสมุทรเจดีย์-ปากน้ำ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมได้ติดตามปัญหาราคาสินค้าแพง โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า สินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญ โดยเฉพาะอาหาร ราคาไม่ได้เพิ่ม และบางตัวราคาลดลง จึงได้กำชับให้ติดตามเรื่องไข่ไก่ และเนื้อหมู เพื่อให้ราคาลดลงอีก แต่เนื้อไก่ยังต้องตรึงราคาไว้ เพราะมีการส่งออก หากยกเลิกการส่งออก จะทำให้เสียโอกาสในตลาดโลก สินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น คือ เหล็กและแบตเตอรี่ ที่จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก
“ส่วนค่าเรือข้ามฟาก ได้ขอให้ตรึงราคาไว้ก่อน ขณะที่ มาตรการรถเมล์ฟรี ที่จะสิ้นสุดภายในเดือนนี้ ให้รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องพิจารณา เพราะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถดำเนินการได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
“พรทิวา”วางกฎเหล็กกันพ่อค้าซิกแซก
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน เข้าไปดูกฎระเบียบการพิจารณาอนุมัติการตั้งราคาสินค้าชนิดใหม่ หรือการปรับขนาดสินค้าใหม่เพื่อทดแทนสินค้าขนาดเดิม เพื่อสร้างมาตรฐานการพิจารณาการตั้งราคาสินค้าใหม่ให้เป็นระบบ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้ประการและผู้ผลิตสินค้าหลายรายได้ใช้ช่องว่างในการขออนุญาตตั้งราคา เพื่อฉวยขึ้นราคาสินค้าแทนการขอปรับราคา ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่เคยพิจารณาให้ปรับขึ้นราคา
“มีข่าวว่า ผู้ผลิตสินค้าได้ใช้วิธีซิกแซกขอตั้งราคาสินค้าใหม่ หรือปรับขนาดแล้วตั้งราคาใหม่ เพื่อเป็นการปรับราคาขายทางอ้อม แทนการขอขึ้นราคาแบบตรงๆ จึงได้ขอให้กรมการค้าภายในเข้าไปดูอย่างจริงจัง ไม่ให้ใช้เป็นช่องโหว่ในการขอขึ้นราคาสินค้าอีก เพราะที่ผ่านมาได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน สินค้าหลายชนิดแพงขึ้นทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นราคาเลย”นางพรทิวากล่าว
นางพรทิวา กล่าวว่า จะต้องทำเป็นหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ชัดเจน และทำเป็นโครงสร้างสินค้ารายตัวว่ามีสัดส่วนต้นทุนการผลิตที่สำคัญประกอบด้วยอะไรบ้าง เพราะแต่ละชนิดมีโครงสร้างต้นทุนไม่เหมือนกัน ซึ่งจำเป็นจะต้องสร้างเป็นฐานอ้างอิงเอาไว้ ไม่ใช่พอเอกชนยื่นต้นทุนเสนอมา ก็ต้องเชื่อหมด เพราะไม่มีข้อมูลอ้างอิงของกรมฯ
แต่หากดำเนินการไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ก็ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง สำหรับรัฐบายสมัย???น้า เพราะถือเป็นข้อมูลสำคัญของการพิจารณาการปรับราคาสินค้า
รายงานข่าวแจ้งว่า สินค้าที่นิยมขอตั้งราคาสินค้าใหม่ หรือขอปรับขนาดเพื่อเปลี่ยนแปลงราคา ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ผงซักฟอก แป้งโรยตัว ครีมนวดผม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด นมผงสำหรับเด็ก ขนมขบเคี้ยว นมสดพร้อมดื่ม เนื่องจากการขอตั้งราคาสินค้าใหม่ จะได้รับการอนุญาตง่ายกว่าการขอปรับราคาโดยตรง ที่จะต้องมีการแจ้งต้นทุนอย่างละเอียดเพื่อเปรียบเทียบกับราคาเก่าถึงจะให้ขึ้นราคาได้
สำหรับวิธีการที่ผู้ผลิตสินค้าขอตั้งราคาใหม่เพื่อปรับขึ้นราคาสินค้าทางอ้อม เช่น หากสินค้าใดไม่สามารถขึ้นราคาได้ ก็จะนำสินค้าไปปรับสูตรการผลิตเพียงเล็กน้อย เช่น แต่งกลิ่น เติมสี รสชาติ หรือใช้สารเคมีตัวใหม่เข้าไปผสมในสินค้าเพียงเล็กน้อย เพื่อทำเป็นสินค้ารายการใหม่ และหลังจากนั้นจึงค่อยขอตั้งราคาเข้ามา ซึ่งจะไม่เกิดการเปรียบเทียบต้นทุนกับสินค้าเดิม ทำให้ได้รับอนุญาตให้ขึ้นราคาได้ง่ายกว่า เช่น สินค้าเดิมราคา 40 บาท แต่พอแต่งกลิ่นเติมสีเพิ่มต้นทุนเล็กน้อย ราคาอาจเพิ่มเป็น 45 บาท ขณะที่สินค้าสูตรเดิมที่ไม่ได้ขึ้นราคาก็จะผลิตปริมาณน้อยลง หรือยกเลิกการผลิตไปเลย
นอกจากนี้ ยังมีบางรายใช้วิธีเปลี่ยนแปลงขนาดสินค้า และปรับราคาใหม่ หรืออาจขายราคาเท่าเดิม แต่ปรับลดปริมาณสินค้าลงจากเดิม ทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยว ที่มีขนาดถุงใหญ่เท่าเดิมแต่ปริมาณลดลง อีกทั้งยังเป็นถุงทึบ ทำให้ผู้บริโภคสังเกตด้วยตาเปล่าไม่เห็น หรือผู้ผลิตบางรายอาจลดขนาดและลดราคา เช่น สินค้าขนาด 500 กรัม ขาย 50 บาท แต่ปรับขนาดเป็น 300 กรัม แต่กลับขาย 35 บาท ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการขึ้นราคาทางอ้อม เป็นต้น