ASTVผู้จัดการรายวัน – ทรัพย์อนันต์ สยายปีกโกอินเตอร์ ก้าวปั้น”เช็ปเป้”บุกตลาดเครื่องดื่มโลก ปูพรมลุยยุโรป ระบุตลาดเครื่องดื่มไทยแข่งสงครามราคาเดือด หลังอากาศแปรปรวนกระทบตลาดวูบ จ่อแตกไลน์ชานมลงตลาดดูแลรูปร่าง อัด 10 ล้านบาท ส่งฟอร์วันเดย์ แจ้งเกิดตลาดน้ำผักเต็มตัว เดินเกมเจาะคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้ากวาดรายได้ 190ล้านบาท ลุ้นรายได้รวมสิ้นปีโตเข้าเป้า
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางแผนขยายตลาดส่งออกในเชิงรุก โดยวางเป้าหมายสร้างแบรนด์เครื่องดื่มไทยก้าวสู่เวทีโลก ในเบื้องต้นเครื่องดื่มของบริษัทที่จะบุกตลาดต่างประเทศจะใช้ภายใต้แบรนด์”เช็ปเป้” โดยจะเปิดตลาดด้วยเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมว่านหางจระเข้ เพราะเป็นสินค้าที่ทำตลาดมานานในยุโรปและได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้การทำตลาดต่างประเทศ บริษัทจะโฟกัสในทวีปยุโรป หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปร่วมทุนกับผู้ประกอบการน้ำผลไม้ในสโลวาเกีย เนื่องจากมีความได้เปรียบเทียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป ซึ่งคาดว่าการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม และตั้งเป้า 2 ปี สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 10% ซึ่งมาจากการทำตลาดกว่า 37 ประเทศทั่วโลก โดยมีตลาดหลักในเอเชีย จะะเพิ่มเป็น 25% จากการขยายตลาดในยุโรป ส่วนรายได้ภายในประเทศจาก 90% เป็นเหลือ 75%
สภาพตลาดเครื่องดื่มโดยรวมในไทย ขณะนี้ทุกกลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ ชาพร้อมดื่ม ฟังก์ชันนัลดริงก์ น้ำดื่ม อัดสงครามราคาเกือบทั้งหมด โดยหั่นราคาเหลือขวดละ 10-12 บาท เพราะด้วยภาพรวมตลาดเครื่องดื่มปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนไม่เติบโต จากสภาพอากาศแปรปรวน และฝนตกทุกวัน ซึ่งคาดว่าตลาดเครื่องดื่มปีนี้เติบโตไม่มากนัก โดยเฉพาะในแง่มูลค่า ขณะที่ปริมาณคาดว่าจะเติบโต สำหรับการทำตลาดเครื่องดื่มของบริษัท ไม่มุ่งเน้นกลยุทธ์ราคา แต่โฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์และคอนเซปต์ของสินค้าเป็นหลัก
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อถึงแผนการตลาดในประเทศว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะแตกไลน์ชานมทรีอินวันภายใต้แบรนด์”เพรียว” โดยเป็นชานมไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เจาะกลุ่มวัยทำงานดูแลรูปร่าง ต่อยอดจากการทำกาแฟทรีอินวันและได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกันนี้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท รุกตลาดน้ำผลไม้”เช็ปเป้ ฟอร์ วัน เดย์”ภายใต้แนวคิด น้ำผักสำหรับ 1 วัน ซึ่งได้เปิดตัวมาแล้ว 2 ปี แต่ยังไม่ได้มีการทำตลาดอย่างจริงจัง โดยมีด้วยกัน 2 รสชาติ สูตรผสมคลอโรฟิลล์ และสูตรผสมใยอาหาร ราคา 25 บาท
สำหรับกลยุทธ์การตลาด บริษัทเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และสร้างการรับรู้ถึงการเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ด้วยการสื่อสารที่สนุกสนาน สร้างความแตกต่างจากแบรนด์ยูนิฟ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ซึ่งมุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน ขณะเดียวกันการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ผลักดันให้ตลาดน้ำผักมูลค่า 600 ล้านบาท เติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันโตเฉลี่ย 6% โดยบริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา กิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้จาการรุกตลาดปีนี้คาดว่ายอดขายน้ำผักเช็ปเป้ ฟอร์วันเดย์ เติบโต 25% หรือเกือบ 190 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 150ล้านบาท หรือเป็นอันดับสองของตลาด ขณะที่ปลายเดือนพฤษภาคม นี้ บริษัทจะรีเฟรชแบรนด์น้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% ภายใต้แบรนด์โมกุ โมกุ หลังจากหยุดทำตลาดมากว่า 1 ปี โดยรายได้รวมปีที่ผ่านมาโต 20% หรือ 1,600 ล้านบาท สำหรับปีนี้ต้องลุ้นรายได้ถึงสิ้นปีนี้ว่าจะเติบโตมากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพตลาดเครื่องดื่มเติบโตไม่มากนัก
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางแผนขยายตลาดส่งออกในเชิงรุก โดยวางเป้าหมายสร้างแบรนด์เครื่องดื่มไทยก้าวสู่เวทีโลก ในเบื้องต้นเครื่องดื่มของบริษัทที่จะบุกตลาดต่างประเทศจะใช้ภายใต้แบรนด์”เช็ปเป้” โดยจะเปิดตลาดด้วยเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมว่านหางจระเข้ เพราะเป็นสินค้าที่ทำตลาดมานานในยุโรปและได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้การทำตลาดต่างประเทศ บริษัทจะโฟกัสในทวีปยุโรป หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปร่วมทุนกับผู้ประกอบการน้ำผลไม้ในสโลวาเกีย เนื่องจากมีความได้เปรียบเทียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป ซึ่งคาดว่าการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม และตั้งเป้า 2 ปี สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 10% ซึ่งมาจากการทำตลาดกว่า 37 ประเทศทั่วโลก โดยมีตลาดหลักในเอเชีย จะะเพิ่มเป็น 25% จากการขยายตลาดในยุโรป ส่วนรายได้ภายในประเทศจาก 90% เป็นเหลือ 75%
สภาพตลาดเครื่องดื่มโดยรวมในไทย ขณะนี้ทุกกลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ ชาพร้อมดื่ม ฟังก์ชันนัลดริงก์ น้ำดื่ม อัดสงครามราคาเกือบทั้งหมด โดยหั่นราคาเหลือขวดละ 10-12 บาท เพราะด้วยภาพรวมตลาดเครื่องดื่มปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนไม่เติบโต จากสภาพอากาศแปรปรวน และฝนตกทุกวัน ซึ่งคาดว่าตลาดเครื่องดื่มปีนี้เติบโตไม่มากนัก โดยเฉพาะในแง่มูลค่า ขณะที่ปริมาณคาดว่าจะเติบโต สำหรับการทำตลาดเครื่องดื่มของบริษัท ไม่มุ่งเน้นกลยุทธ์ราคา แต่โฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์และคอนเซปต์ของสินค้าเป็นหลัก
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อถึงแผนการตลาดในประเทศว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะแตกไลน์ชานมทรีอินวันภายใต้แบรนด์”เพรียว” โดยเป็นชานมไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เจาะกลุ่มวัยทำงานดูแลรูปร่าง ต่อยอดจากการทำกาแฟทรีอินวันและได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกันนี้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท รุกตลาดน้ำผลไม้”เช็ปเป้ ฟอร์ วัน เดย์”ภายใต้แนวคิด น้ำผักสำหรับ 1 วัน ซึ่งได้เปิดตัวมาแล้ว 2 ปี แต่ยังไม่ได้มีการทำตลาดอย่างจริงจัง โดยมีด้วยกัน 2 รสชาติ สูตรผสมคลอโรฟิลล์ และสูตรผสมใยอาหาร ราคา 25 บาท
สำหรับกลยุทธ์การตลาด บริษัทเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และสร้างการรับรู้ถึงการเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ด้วยการสื่อสารที่สนุกสนาน สร้างความแตกต่างจากแบรนด์ยูนิฟ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ซึ่งมุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน ขณะเดียวกันการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ผลักดันให้ตลาดน้ำผักมูลค่า 600 ล้านบาท เติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันโตเฉลี่ย 6% โดยบริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา กิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้จาการรุกตลาดปีนี้คาดว่ายอดขายน้ำผักเช็ปเป้ ฟอร์วันเดย์ เติบโต 25% หรือเกือบ 190 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 150ล้านบาท หรือเป็นอันดับสองของตลาด ขณะที่ปลายเดือนพฤษภาคม นี้ บริษัทจะรีเฟรชแบรนด์น้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% ภายใต้แบรนด์โมกุ โมกุ หลังจากหยุดทำตลาดมากว่า 1 ปี โดยรายได้รวมปีที่ผ่านมาโต 20% หรือ 1,600 ล้านบาท สำหรับปีนี้ต้องลุ้นรายได้ถึงสิ้นปีนี้ว่าจะเติบโตมากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพตลาดเครื่องดื่มเติบโตไม่มากนัก
