ASTVผู้จัดการรายวัน – "ซันวา" ระบุตลาดก๊อกน้ำระดับล่างแข่งเดือด ร้านค้าวัสดุก่อสร้างนำเข้าสินค้าจีนตีตราไทย เร่งเข็นแบรนด์ "แรมโบ้" สู้ ขณะตลาดบนขยายตัวต่อเนื่อง เน้นแข่งคุณภาพชูจุดขาย ก๊อกทองเหลือง รับกระแสสุขภาพไม่มีส่วนผสมโลหะหนัก พร้อมทุ่มงบ 300 ล้านบาทซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังผลิต 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ขณะที่ตลาดอินเดียประสบปัญหาภาษีสูงถึง 70% หันส่งแรมโบ้ทำตลาดแทน เชื่อเปิดเขตเสรีการค้าเสรีฯ ยกเลิกกำแพงภาษีส่งผลดีขยายตลาดฉลุย คาดปี 54 รายได้ซันวาแตะ 1,100 ล้านบาท
นายพงษ์ชัย จินดาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มบริษัท จินดาสุข เปิดเผยว่า การแข่งขันตลาดก๊อกน้ำในปัจจุบันค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะตลาดระดับล่าง เนื่องจากสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด กลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้างหลายรายน้ำเข้ามาสินค้าจากจีน แล้วประทับแบรนด์ของตนเองเพื่อทำตลาดจำนวนมาก จนส่งผลให้มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งในตลาดล่างนั้นบริษัทได้ออกสินค้าแบรนด์ “แรมโบ้” ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งที่ผ่านมาแรมโบ้สามารถขยายตัวได้อย่างดี โดยสามารถสร้างยอดขายต่อปีถึง 100-200 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าตลาดรวมก๊อกน้ำในประเทศมีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยก๊อกน้ำในตลาดล่างรวมถึงสินค้าจากจีนมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 60-70% ขณะที่ก๊อกน้ำตลาดระดับบนมีส่วนแบ่งตลาด 30-40% หรือมีมูลค่รวมประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยตลาดก๊อกน้ำระดับบน นั้นการแข่งขันถือว่าไม่รุนแรงมากเพราะผู้ประกอบการรายหลักๆ ที่ทำตลาดอยู่มีเพียง 3-4 ราย ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทหรือประมาณ 40-50% ของตลาดก๊อกน้ำระดับบน
ทั้งนี้ ตลาดก๊อกน้ำระดับบน มีอัตราการขยายตัวที่ดีมาก โดยเฉพาะโครงการจัดสรร และตลาดภาคการเกษตร เนื่องกระแสการรักษาสุขภาพกำลังมาแรงทำให้ลูกค้าให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพการใช้งานและสุขภาพ เพราะสินค้าส่วนใหญ่ผลิตจากทองเหลือง
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ บริษัทมีกำลังการผลิต 3 ล้านชิ้นต่อเดือน ปัจจุบันผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว และเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดที่จะมีขึ้นในอนาคต บริษัทได้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท นำเข้าเครื่องจักรใหม่อีก 1 ตัว โดยจะสามารถผลิตก๊อกน้ำได้อีก 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านชิ้นต่อเดือน
ปัจจุบันกลุ่มจินดาสุข มีรายได้รวมต่อปี 2,000 ล้านบาทเศษ โดยมาจากบริษัท จินดาสุข ซึ่งรับงานจากหน่วยงานราชการ โดยเป็นผู้ประมูลงานและดูแลระบบซอฟแวร์บริหารจัดการระบบน้ำเสียของการประปานครหลวงมีรายได้ต่อปี 200-300 ล้านบาท, บริษัท บางกอกวัสดุภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย มิตเตอร์น้ำ วาล์วปิด-เปิดน้ำให้แก่การประปานครหลวงและโครงการอสังหาฯมีรายได้ 500 - 600 ล้านบาท และบริษัทอาซาฮี ไทยอัลลอยซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊อกน้ำซันวาและแรมโบ้ 1,200 -1,300 ล้านบาท
“ สำหรับรายได้จากกลุ่มก๊อกน้ำซันวา 1,000 ล้านบาทต่อปี นั้นแบ่งเป็นยอดส่งออก 30% ส่วนที่เหลือจำหน่ายในประเทศ ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดยภาคการเกษตรเป็นตลาดสำคัญของบริษัท”
ส่วนตลาดส่งออกหลักของบริษัทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศอาเซี่ยน และตะวันออกกลาง และเพื่อเป็นการขยายตลาดออกไปในอนาคตบริษัทเตรียมจะเปิดตลาดในประเทศอินเดีย ซึ่งมีความต้องการสูงมากในปัจจุบัน แต่เนื่องจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าของอินเดียสูงถึง 70% ซึ่งเป็นปัญหาด้านต้นทุนหากบริษัทส่งสินสินค้าแบรนด์ซันวาเข้าไปทำการตลาดเพราะมีต้นทุนสูง ดังนั้น บริษัทจึงส่งออกก๊อกน้ำแบรนด์แรมโบ้ แทนเพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
นายพงษ์ชัย สำหรับก๊อกน้ำแบรนด์แรมโบ้ ซึ่งเป็นสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ ของบริษัทนั้น ทำตลาดในประเทศนานกว่า 3-5 ปีแล้ว และสามารถแข่งขันกับสินค้าจากจีนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีราคาและต้นทุนที่ไม่แตกต่างจากสินค้าจากจีน แต่มีข้อได้เปรียบที่วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นทองเลืองแต่มีขนาดเล็กกว่าก๊อกน้ำแบรนด์ซันว่า ทำให้บริษัทตั้งราคาขายได้ไม่ต่างจากสินค้าจากจีน และเพื่อเป็นการดลต้นทุนด้านการตลาดแรมโบ้ จึงเน้นการตลาดแบบบอกต่อแทนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยให้ส่วนต่างด้านกำไรแก่ดีลเลอร์สูงกว่าก๊อกน้ำซันวา เพื่อให้ดีเลอร์มีกำไรสูงและพยายามสร้างยอดขายจำนวนมากๆ
“การขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคตหลังเปิดเขตการค้าเสรีอาเซี่ยน ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งหลังจากเปิดเสรีการค้าแล้วเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมาก เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีส่งออกเหลือ 0% ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น และสามารถขยายตลาดได้กว้างกว่าในปัจจุบัน”
สำหรับปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากกลุ่มก๊อกน้ำเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% หรือมียอดขายรวมจากก๊อกนำแบรนด์ "ซันวา" 1,100 ล้านบาท และมียอดขายจากกลุ่มก๊อกน้ำแบรนด์ แรมโบ้มประมาณ 110-220 ล้านบาท และเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค.นี้ บริษัทได้เตรียมงบโฆษณาไว้ผลิตภาพยนต์โฆษณาตัวใหม่พร้อมจัดแคมเปญพิเศษภายใต้ชื่อ “ชีวิตลื่นไหล ถวายก๊อกน้ำซันวา เป็นชุดสังฆทาน ในช่วงเข้าพรรษา” รวม 10 ล้านบาท โดยได้ผลิตก๊อกน้ำซันวา เฉดสีของพระสงฆ์ ออกมาจำนวน 100,000 ตัว เพื่อจำหน่ายในแคมเปญดังกล่าว โดยจะหักรายได้จากการขายก๊อกน้ำซันวา 1 บาทจากก๊อกน้ำทุกๆ 1 ชิ้น จำนวน 1 แสนบาท พร้อมสมทบทุนเงินในส่วนของบริษัทเพิ่มอีก 100,000 บาทเพื่อถวายแก่โรงพยาบาลสงฆ์ด้วย
นายพงษ์ชัย จินดาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มบริษัท จินดาสุข เปิดเผยว่า การแข่งขันตลาดก๊อกน้ำในปัจจุบันค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะตลาดระดับล่าง เนื่องจากสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด กลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้างหลายรายน้ำเข้ามาสินค้าจากจีน แล้วประทับแบรนด์ของตนเองเพื่อทำตลาดจำนวนมาก จนส่งผลให้มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งในตลาดล่างนั้นบริษัทได้ออกสินค้าแบรนด์ “แรมโบ้” ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งที่ผ่านมาแรมโบ้สามารถขยายตัวได้อย่างดี โดยสามารถสร้างยอดขายต่อปีถึง 100-200 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าตลาดรวมก๊อกน้ำในประเทศมีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยก๊อกน้ำในตลาดล่างรวมถึงสินค้าจากจีนมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 60-70% ขณะที่ก๊อกน้ำตลาดระดับบนมีส่วนแบ่งตลาด 30-40% หรือมีมูลค่รวมประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยตลาดก๊อกน้ำระดับบน นั้นการแข่งขันถือว่าไม่รุนแรงมากเพราะผู้ประกอบการรายหลักๆ ที่ทำตลาดอยู่มีเพียง 3-4 ราย ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทหรือประมาณ 40-50% ของตลาดก๊อกน้ำระดับบน
ทั้งนี้ ตลาดก๊อกน้ำระดับบน มีอัตราการขยายตัวที่ดีมาก โดยเฉพาะโครงการจัดสรร และตลาดภาคการเกษตร เนื่องกระแสการรักษาสุขภาพกำลังมาแรงทำให้ลูกค้าให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพการใช้งานและสุขภาพ เพราะสินค้าส่วนใหญ่ผลิตจากทองเหลือง
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ บริษัทมีกำลังการผลิต 3 ล้านชิ้นต่อเดือน ปัจจุบันผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว และเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดที่จะมีขึ้นในอนาคต บริษัทได้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท นำเข้าเครื่องจักรใหม่อีก 1 ตัว โดยจะสามารถผลิตก๊อกน้ำได้อีก 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านชิ้นต่อเดือน
ปัจจุบันกลุ่มจินดาสุข มีรายได้รวมต่อปี 2,000 ล้านบาทเศษ โดยมาจากบริษัท จินดาสุข ซึ่งรับงานจากหน่วยงานราชการ โดยเป็นผู้ประมูลงานและดูแลระบบซอฟแวร์บริหารจัดการระบบน้ำเสียของการประปานครหลวงมีรายได้ต่อปี 200-300 ล้านบาท, บริษัท บางกอกวัสดุภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย มิตเตอร์น้ำ วาล์วปิด-เปิดน้ำให้แก่การประปานครหลวงและโครงการอสังหาฯมีรายได้ 500 - 600 ล้านบาท และบริษัทอาซาฮี ไทยอัลลอยซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊อกน้ำซันวาและแรมโบ้ 1,200 -1,300 ล้านบาท
“ สำหรับรายได้จากกลุ่มก๊อกน้ำซันวา 1,000 ล้านบาทต่อปี นั้นแบ่งเป็นยอดส่งออก 30% ส่วนที่เหลือจำหน่ายในประเทศ ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดยภาคการเกษตรเป็นตลาดสำคัญของบริษัท”
ส่วนตลาดส่งออกหลักของบริษัทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศอาเซี่ยน และตะวันออกกลาง และเพื่อเป็นการขยายตลาดออกไปในอนาคตบริษัทเตรียมจะเปิดตลาดในประเทศอินเดีย ซึ่งมีความต้องการสูงมากในปัจจุบัน แต่เนื่องจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าของอินเดียสูงถึง 70% ซึ่งเป็นปัญหาด้านต้นทุนหากบริษัทส่งสินสินค้าแบรนด์ซันวาเข้าไปทำการตลาดเพราะมีต้นทุนสูง ดังนั้น บริษัทจึงส่งออกก๊อกน้ำแบรนด์แรมโบ้ แทนเพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
นายพงษ์ชัย สำหรับก๊อกน้ำแบรนด์แรมโบ้ ซึ่งเป็นสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ ของบริษัทนั้น ทำตลาดในประเทศนานกว่า 3-5 ปีแล้ว และสามารถแข่งขันกับสินค้าจากจีนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีราคาและต้นทุนที่ไม่แตกต่างจากสินค้าจากจีน แต่มีข้อได้เปรียบที่วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นทองเลืองแต่มีขนาดเล็กกว่าก๊อกน้ำแบรนด์ซันว่า ทำให้บริษัทตั้งราคาขายได้ไม่ต่างจากสินค้าจากจีน และเพื่อเป็นการดลต้นทุนด้านการตลาดแรมโบ้ จึงเน้นการตลาดแบบบอกต่อแทนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยให้ส่วนต่างด้านกำไรแก่ดีลเลอร์สูงกว่าก๊อกน้ำซันวา เพื่อให้ดีเลอร์มีกำไรสูงและพยายามสร้างยอดขายจำนวนมากๆ
“การขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคตหลังเปิดเขตการค้าเสรีอาเซี่ยน ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งหลังจากเปิดเสรีการค้าแล้วเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมาก เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีส่งออกเหลือ 0% ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น และสามารถขยายตลาดได้กว้างกว่าในปัจจุบัน”
สำหรับปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากกลุ่มก๊อกน้ำเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% หรือมียอดขายรวมจากก๊อกนำแบรนด์ "ซันวา" 1,100 ล้านบาท และมียอดขายจากกลุ่มก๊อกน้ำแบรนด์ แรมโบ้มประมาณ 110-220 ล้านบาท และเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค.นี้ บริษัทได้เตรียมงบโฆษณาไว้ผลิตภาพยนต์โฆษณาตัวใหม่พร้อมจัดแคมเปญพิเศษภายใต้ชื่อ “ชีวิตลื่นไหล ถวายก๊อกน้ำซันวา เป็นชุดสังฆทาน ในช่วงเข้าพรรษา” รวม 10 ล้านบาท โดยได้ผลิตก๊อกน้ำซันวา เฉดสีของพระสงฆ์ ออกมาจำนวน 100,000 ตัว เพื่อจำหน่ายในแคมเปญดังกล่าว โดยจะหักรายได้จากการขายก๊อกน้ำซันวา 1 บาทจากก๊อกน้ำทุกๆ 1 ชิ้น จำนวน 1 แสนบาท พร้อมสมทบทุนเงินในส่วนของบริษัทเพิ่มอีก 100,000 บาทเพื่อถวายแก่โรงพยาบาลสงฆ์ด้วย
