ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลแขวงพระนครใต้ สั่งปรับ 500 บาท“คุณหญิง”ขี้หงุดหงิด ตบหน้าทีมหาเสียงพรรคเพื่อไทย อ้างส่งเสียงดังหนวกหูน่ารำคาญ เจ้าตัวรับสารภาพแต่โดยดี ขณะที่ผู้เสียหาย แจ้งสื่อ ปวดระบมไข้ขึ้น
วานนี้(26 พ.ค.)ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง พนักอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครใต้ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คุณหญิงพวงทอง เกตุอังกูร อายุ 62 ปี มายื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น
โดยอัยการระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.54 เวลาประมาณ 07.30 น.ขณะที่ น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสมาอีล อายุ 24 ปี ผู้เสียหายกำลังช่วย นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย เขตยานนาวา-บางคอแหลม อยู่นั้น จำเลยได้ใช้มือตบผู้เสียหายที่ใบหน้า 1 ครั้งได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่พอใจที่ทีมงานหาเสียงส่งเสียงดังจนเกิดความรำคาญ
ทั้งนี้ เหตุเกิดบริเวณตลาดสดกิ่งจันทร์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้วเห็นว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง จึงสั่งปรับ 500 บาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าตำรวจจะส่งฟ้องศาล วันเดียวกันเวลา 11.30 น.ที่ สน.วัดพระยาไกร นางอุดมลักษณ์ จันทร์มา อายุ 49 ปี หัวหน้าทีมงานหาเสียง พร้อมด้วย น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสสมาอีล ผู้เสียหายได้เดินทางมายัง สน.วัดพระยาไกร เพื่อขอเข้าพบ ร.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาราศรี พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.วัดพระยาไกร เจ้าของคดี เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว แต่ไม่พบพนักงานสอบสวนเนื่องจากกำลังรวบรวมสำนวนคดีนี้ส่งให้อัยการ
น.ส.ญาณี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุว่า ตนไม่ได้ไปช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ หาเสียงต่อ แต่ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยแพทย์ก็ได้ทำการเอกซเรย์ และฉีดยาแก้อักเสบให้ 1 เข็ม เนื่องจากยังมีอาการปวดระบมอยู่ จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน พอตกช่วงกลางคืนก็มีอาการไข้ขึ้นสูง ตอนเช้าวันนี้จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นมากิน จากนั้นก็เดินทางมาขอพบพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และจะกลับบ้านไปพักผ่อนต่อไป
น.ส.ญาณี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ทางฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้ติดต่อมาขอเจรจาหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายตนก็คงต้องฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป โดยตนกับแม่ขอยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เรื่องไปจบที่กระบวนการในชั้นศาล ทั้งนี้ตนทำงานให้พรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคไทยรักไทย มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เรียนหนังสืออยู่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
วานนี้(26 พ.ค.)ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง พนักอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครใต้ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คุณหญิงพวงทอง เกตุอังกูร อายุ 62 ปี มายื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น
โดยอัยการระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.54 เวลาประมาณ 07.30 น.ขณะที่ น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสมาอีล อายุ 24 ปี ผู้เสียหายกำลังช่วย นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย เขตยานนาวา-บางคอแหลม อยู่นั้น จำเลยได้ใช้มือตบผู้เสียหายที่ใบหน้า 1 ครั้งได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่พอใจที่ทีมงานหาเสียงส่งเสียงดังจนเกิดความรำคาญ
ทั้งนี้ เหตุเกิดบริเวณตลาดสดกิ่งจันทร์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้วเห็นว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง จึงสั่งปรับ 500 บาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าตำรวจจะส่งฟ้องศาล วันเดียวกันเวลา 11.30 น.ที่ สน.วัดพระยาไกร นางอุดมลักษณ์ จันทร์มา อายุ 49 ปี หัวหน้าทีมงานหาเสียง พร้อมด้วย น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสสมาอีล ผู้เสียหายได้เดินทางมายัง สน.วัดพระยาไกร เพื่อขอเข้าพบ ร.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาราศรี พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.วัดพระยาไกร เจ้าของคดี เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว แต่ไม่พบพนักงานสอบสวนเนื่องจากกำลังรวบรวมสำนวนคดีนี้ส่งให้อัยการ
น.ส.ญาณี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุว่า ตนไม่ได้ไปช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ หาเสียงต่อ แต่ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยแพทย์ก็ได้ทำการเอกซเรย์ และฉีดยาแก้อักเสบให้ 1 เข็ม เนื่องจากยังมีอาการปวดระบมอยู่ จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน พอตกช่วงกลางคืนก็มีอาการไข้ขึ้นสูง ตอนเช้าวันนี้จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นมากิน จากนั้นก็เดินทางมาขอพบพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และจะกลับบ้านไปพักผ่อนต่อไป
น.ส.ญาณี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ทางฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้ติดต่อมาขอเจรจาหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายตนก็คงต้องฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป โดยตนกับแม่ขอยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เรื่องไปจบที่กระบวนการในชั้นศาล ทั้งนี้ตนทำงานให้พรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคไทยรักไทย มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เรียนหนังสืออยู่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
