ฤทธิ์ฝ่ามือคุณหญิงเล่าเอาทีมหาเสียง พท.ปวดระบม-ไข้ขึ้น ต้องโร่พบแพทย์จัดยาแก้ปวดให้ ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนติดตามความคืบหน้าคดี ขณะที่เจ้าตัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณี ยืนยันจะฟ้องร้องดำเนินคดีถึงที่สุด บอกทำงานกับพรรคกว่า 10 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ สน.วัดพระยาไกร นางอุดมลักษณ์ จันทร์มา อายุ 49 ปี หัวหน้าทีมงานหาเสียงของ นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม พร้อมด้วย น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสสมาอีล อายุ 24 ปี หนึ่งในทีมงานหาเสียง ที่ถูกคุณหญิง พวงทอง เกตุอังกูร อายุ 62 ปี ตบหน้าขณะกำลังช่วย นายพงษ์พิสุทธิ์ หาเสียงอยู่บริเวณตลาดสดกิ่งจันทร์ ถนนจันทร์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม เนื่องจากรำคาญเสียงของเครื่องขยายเสียงจนทนไม่ไหว และไม่พอใจที่ถูก น.ส.ญาณี ถ่ายภาพเอาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตอีก ทั้งยังไม่ยอมลบรูปที่ถ่ายไว้ ได้เดินทางมายังสน.วัดพระยาไกร เพื่อขอเข้าพบ ร.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาราศรี พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.วัดพระยาไกร เจ้าของคดี เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว แต่ไม่พบพนักงานสอบสวนเนื่องจากกำลังรวบรวมสำนวนคดีนี้ส่งให้อัยการ
น.ส.ญาณี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) ตนก็ไม่ได้ไปช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์หาเสียงต่อ แต่ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยแพทย์ก็ได้ทำการเอกซเรย์ และฉีดยาแก้อักเสบให้ 1 เข็ม เนื่องจากยังมีอาการปวดระบมอยู่ จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน พอตกช่วงกลางคืนก็มีอาการไข้ขึ้นสูง ตอนเช้าวันนี้จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นมากิน จากนั้นก็เดินทางมาขอพบพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และจะกลับบ้านไปพักผ่อนต่อไป
น.ส.ญาณี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ทางฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้ติดต่อมาขอเจรจาหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายตนก็คงต้องฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป โดยตนกับแม่ขอยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เรื่องไปจบที่กระบวนการในชั้นศาล ทั้งนี้ตนทำงานให้พรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคไทยรักไทย มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เรียนหนังสืออยู่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ด้านนางอุดมลักษณ์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งก็จะเจอเหตุการณ์โห่ไล่เพียงปกติเท่านั้น แต่เหตุการณ์แบบเมื่อวานนี้ที่ถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามทางผู้สมัครก็ได้กำชับไว้ว่าไม่ให้ตอบโต้หรือใช้อารมณ์ ซึ่งตนคิดว่า การมีความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นสามารถทำได้ แต่การลงมือทำร้ายร่างกายรุนแรงแบบนี้คงไม่สามารถยอมความได้ เพราะเกรงว่าจะไปลงมือทำกับคนอื่นอีก จึงต้องมาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งด้านครอบครัวของ น.ส.ญาณี เองก็ยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ส่วน ร.ต.ท.สืบศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้นัดทางผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) ได้ทำการสอบปากคำเสร็จสิ้นไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ทำสำนวนคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการนำส่งให้อัยการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่
ผกก.แจงคดีคุณหญิงตบทีมหาเสียงพท.เคลียร์ลงตัวจบแค่ปรับ!
ต่อมาเมื่อเวลา 12.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร เปิดเผยความคืบหน้าว่า สำหรับคดีดังกล่าวได้ประสานงานกับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งคดีนี้หากสามารถปรับในชั้น สน.ได้ก็จะปรับ หากไม่ได้ก็จะไปปรับในชั้นศาล เพราะถ้าเป็นเพียงแค่โทษปรับก็น่าจะคุยกันได้ เป็นเพียงอารมณ์โมโหชั่ววูบของคุณหญิงเท่านั้น ซึ่งก็อายุมากแล้ว ไม่ได้มุ่งร้ายอะไร และเท่าที่คุยกันทางเด็กก็เข้าใจแล้ว ซึ่งทางนายพงษ์พิสุทธิ์ ก็ได้ขอโทษคุณหญิงแล้วเรื่องเสียงดังต่างๆก็ไม่มีอะไรกัน ไม่มีอะไรน่ากลัวน่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะจบที่ใดก็ปรับเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นัดไกล่เกลี่ยหรือยัง พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวว่า ได้คุยกันแล้ว ผู้สมัครก็ขอโทษไม่มีอะไรแล้ว เหลือเพียงว่าจะจบยังไง โดยพนักงานสอบสวนนัดเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะจบได้ในวันนี้ ช่วงบ่ายหรือเย็นนี้ ประมาณ 16.00 น.ก็น่าจะรู้เรื่อง ก็ปรับความเข้าใจแล้ว ทางผู้สมัคร ส.ส.ขอโทษ ว่าเสียงดังไปหน่อย ส่วนคุณหญิงก็ยอมรับและเข้าใจ ซึ่งก็อาจโมโหที่ถูกถ่ายรูป เพราะบางคนการถูกถ่ายรูปอาจมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันนี้สิทธิส่วนบุคคลแทบไม่มีแล้ว เพราะกล้องมีเต็มไปหมดทุกที่ ซึ่งคดีนี้ก็ไม่มีอะไรคุยกันได้
คุณหญิงเดือดทีมหาเสียง พท.ด่า “ไอ้พรรคขี้โกง” ตบหน้าแถมฉาดใหญ่!