xs
xsm
sm
md
lg

ลั่น7วันเอาผิดม.อีสาน นศ.เป็นโจทก์ฟ้องร่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - มติที่ประชุม 4 ฝ่าย สางปัญหาซื้อ-ขายป.บัณฑิต ม.อีสาน ยื่นฟ้องภายใน 7 วัน แนะนักศึกษาที่ซื้อ ใบ ป.บัณฑิตจริงเเสดงตัวกันเป็นพยานเพิ่ม โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการ พร้อมตรวจสอบรายคณะย้อนหลัง นัดติดตามความคืบหน้าอีก 13 มิ.ย.นี้ ขณะที่นศ.มอส.เดือดร้อนร้องขอเป็นธรรมพร้อมเป็นโจทย์ร่วมฟ้อง
 

วานนี้ (23 พ.ค.)ที่สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)ได้มีการประชุมร่วม 4 ฝ่าย ประกอบด้วยกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีการซื้อขายประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) มหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องและแก้ไขปัญหาหลักสูตรป. บัณฑิตเพื่อหาทางเยียวยาบัณฑิตที่เรียนจริง

นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ประชุมมีมติให้คุรุสภาและ สกอ.ร่วมเป็นเจ้าภาพ ฟ้องร้องเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในกรณีของ มอส. เพราะ สกอ.มีข้อมูลของคณะกรรมสอบสวนฯ และคณะกรรมการควบคุม มอส. เพียงพอที่จะแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่ง สกอ.จะดำเนินการแจ้งความภายใน 7 วันหลังจากนี้ ทั้งนี้ คุรุสภาก็จะนำมติของที่ประชุมวันนี้ ไปเสนอต่อคณะอนุกรรมด้านกฎหมาย ของคุรุสภา และนำเสนอให้คณะกรรมการคุรุสภา (บอร์ด คุรุสภา) พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ ซึ่งการฟ้องร้องจะดำเนินการจะแยกมูลฐานความผิด โดยพิจารณาแยกเป็นต่างละกรรมแต่ละวาระไป สำหรับกลุ่มคนที่ สกอ.จะดำเนินการฟ้องร้องเบื้องต้น ได้แก่ อดีตอธิการบดี คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และข้อหาที่จะฟ้องหลักๆ จะเป็นเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ใช้หลักฐานเท็จ ซึ่งต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง

นายไชยยศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติในเรื่องการเยียวยานักศึกษา โดยให้คัดแยกนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ อาทิ กลุ่มที่เรียนจริง กลุ่มที่กำลังเรียนอยู่ และกลุ่มที่ไม่ได้เรียนและซื้อใบ ป.บัณฑิตมา เพื่อเยียวยาได้ถูกต้อง ซึ่งหากใครอยากจะเรียนต่อก็จะดำเนินการให้เรียนต่อจนจบ แต่หากต้องการเงินชดเชยจากมหาวิทยาลัย ก็ต้องคืนเงินค่าเรียนให้ตามใบเสร็จที่มีอยู่ ดังนั้นตนขอย้ำไปยังนักศึกษาทั้งในส่วนที่เรียนจริง และไม่ได้เรียนจริงให้ออกมาแสดงตน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นข้าราชการหรือผู้เกี่ยวข้อง เมื่อมาแสดงตนเราก็จะกันให้เป็นพยาน แต่หากไม่มาแสดงตนเมื่อพ้นช่วงระยะเวลานี้ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ จะนัดประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าอีกครั้งในวันที่ 13 มิถุนายนนี้

“จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรียนจริง มีจำนวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้เรียนทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบในคณะอื่นๆ รวมถึงคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สาขาการปกครองท้องถิ่นที่มีการร้องเรียนเข้ามาด้วย โดยจะดูฐานข้อมูลบัณฑิตย้อนหลังในทุกคณะที่ มอส.เปิดสอน ดังนั้นไม่ได้แปลว่าผู้ที่ได้ปริญญาไปแล้วจะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผมกำลังรอดูว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจะตีความว่า กรณีนี้อยู่ในข่ายเป็นฐานความผิดของดีเอสไอหรือไม่ ถ้าเป็นก็จะช่วยให้เราสามารถดูแลเรื่องระบบการเงินได้เร็วขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะมีการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีต่อได้ ”นายไชยยศ กล่าว

ด้าน นายองค์กร กล่าวว่า ตนจะนำมติของที่ประชุมเสนอต่อบอร์ด คุรุสภาเพื่อพิจารณา ซึ่งจากมติของการประชุมครั้งนี้ ตนก็เชื่อว่าบอร์ด คุรุสภาก็จะเร่งพิจารณาเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตนอยากฝากว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือเป็นการกลั่นแกล้งกันใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน ซึ่งยังไม่มีการยุบสภาและไม่มีใครพูดเรื่องการเมือง

“ที่คุรุสภายังไม่ดำเนินการฟ้องร้อง เพราะตนไม่อยากจะก้าวข้ามการตัดสินใจต่อบอร์ด คุรุสภา สำหรับมติบอร์ด คุรุสภาที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไง ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ ซึ่งตนก็จะดูมติที่ประชุมบอร์ด คุรุสภา 3 มิ.ย.นี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป” เลขาฯ คุรุสภา กล่าว

นายสุมนต์ กล่าวว่า แม้ สกอ.จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตอธิการบดีและเจ้าหน้าที่ของ มอส. แต่ตนก็ขอยืนยันว่า มอส.ยังดำเนินการเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนในปีการศึกษา 2554 ตามปกติ โดยจะเปิดรับจนถึงปลายเดือนมิถุนายนนี้

วันเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายชูเกียรติ ดวงผุย อายุ 25 ปี นักศึกษาป.บัณฑิต มหาวิทยาลัยอีสาน ได้เข้ายื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อประธานกรรมการคุรุสภา และประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีที่ กมว.มีมติเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพครูของป.บัณฑิต มหาวิทยาลัยอีสาน เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ส่งผลกระทบต่อการบรรจุครูผู้ช่วย

โดยนายชูเกียรติ กล่าวว่า ตนจบป.บัณฑิต จากศูนย์สว่างแดนดินซึงเป็นศูนย์นอกที่ตั้งของม.อีสาน ทั้งยังเป็น 1 ใน 4 ศูนย์นอกที่ตั้งของม.อีสานที่สกอ.รับทราบ และสอบบรรจุและแต่งตั้งตำแหน่งครูผู้ช่วยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)28 ศรีสะเกษ-ยโสธร ได้ขึ้นบัญชีเป็นลำดับที่ 1 ซึ่งสพม.ได้เรียกไปรายงานตัวเพื่อบรรจุเป็นครูผู้ช่วยที่โรงเรียนตระกูลประเทืองวิทยาคม อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร แต่กลับไม่ได้รับการบรรจุโดยสพม.ระบุว่าขาดคุณสมบัติ ไม่มีวุฒิการศึกษาและไม่มีใบอนุญาติประกอบวิชาชีพครู เนื่องจากถูกกมว.เพิกถอน จึงได้เดินทางมาร้องเรียนที่คุรุสภาก่อนหน้านี้ แต่ก็แจ้งให้กลับไปขอใบรับรองผลการศึกษาที่ม.อีสาน ซึ่งก็ได้ไปถึง 3 ครั้งแล้วก็ยังเพิกเฉยเพียงแจ้งว่าต้องรอสภามหาวิทยาลัยอนุมัติ

นายชูเกียรติกล่าวด้วยว่า ตนทำงานเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่โรงเรียนมาลีพิทักษ์สว่างแดนดิน และได้ลงทะเบียนเรียนป.บัณฑิตที่มอส.และฝึกสอนที่ร.ร.มาลีพิทักษ์สว่างแดนดิน ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด 33,000 บาท แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าการเรียนที่ศูนย์นอกที่ตั้งไม่เข้าเกณฑ์ ทำให้เสียสิทธิ์ทั้งที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้มอส.เร่งอนุมัติใบรับรองผลการเรียนเพื่อนำมาประกอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่คุรุสภา แต่หากยังไม่ได้การดูแลหรือทำให้ต้องเสียสิทธิ์ในการบรรจุครูผู้ช่วย ก็จะรวมกลุ่มเพื่อนๆ ที่เรียนร่วมรุ่นด้วยกันมาและสอบบรรจุได้เช่นกันกว่า 20 คนฟ้องร้องดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น