ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-“หลวงพ่อคูณ” อาการดีขึ้น รับอาหารทางสายยางได้เพิ่มขึ้น และอาการอ่อนเพลียน้อยลง พูดคุยโต้ตอบแพทย์ได้มากกว่าทุกวัน แต่ทีมแพทย์ยังไม่นิ่งนอนใจ เฝ้าติดตามอาการใกล้ชิดให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต 1 เดือนนี้ไปให้ได้ ชี้หากภาวะตับอักเสบดีขึ้นจะเปลี่ยนยาตัวใหม่ที่สามารถฆ่าเชื้อได้ดีกว่า แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะพ่อคูณมีโรคประจำตัวมาก
ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ ( 17 พ.ค. ) นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้นำคณะแพทย์รวม 5 คน เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณอีกครั้ง โดยวันนี้หลวงพ่อมีใบหน้าที่สดชื่นขึ้น จำลูกศิษย์ได้ทุกคน และสามารถพูดคุยโต้ตอบกับแพทย์ได้มากกว่าทุกวัน แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่เล็กน้อย และแพทย์ยังให้อาหารทางสายยางต่อเนื่อง
นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า โดยภาพรวมวันนี้หลวงพ่อดูดีขึ้นระดับหนึ่งแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ รับอาหารทางสายยางได้มากขึ้น และอาการเพลียน้อยลง ซึ่งคณะแพทย์ยังต้องเฝ้าติดตามดูอาการต่อไปอย่างใกล้ชิด หากพ้น 1 เดือนไปแล้วทีมแพทย์จึงจะสบายใจ สำหรับอาการที่ดีขึ้น ยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนยาตัวใหม่หรือไม่ เพราะยาตัวใหม่จะเห็นผลเมื่อให้ไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์
ส่วนผลการตรวจสภาพปอดของหลวงพ่อคูณล่าสุด พบว่ายังเหมือนเดิม คือ มีน้ำในเยื่อหุ้มปอดอยู่เช่นเดิม แต่ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงแรกของวัณโรคปอดมักจะเป็นเช่นนี้หรืออาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ หลังจากการเปลี่ยนยาสูตรใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพน้อยกว่าสูตรเดิม ทำให้ต้องยืดระยะเวลาการรักษาหลวงพ่อออกไปอีก และต้องเฝ้าติดตามผลข้างเคียงต่อเนื่องตลอดช่วง 30 วันระหว่างการให้ยา
ส่วนใหญ่คนไข้วัณโรคปอดมักจะมีอาการข้างเคียงทั้งตับอักเสบและเบื่ออาหาร ซึ่งเป็นธรรมดาของคนไข้โรคนี้และหลวงพ่อก็มีอาการเช่นนี้เหมือนกัน หากผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไปได้ทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่สิ่งที่แพทย์จะต้องระวังในการรักษาหลวงพ่อ คือ โรคประจำตัวของหลวงพ่อที่มีอยู่แล้ว ทั้งโรคความดัน เบาหวาน อาการทางสมองซึ่งท่านผ่านการผ่าตัดใหญ่มาและมีโรคหัวใจ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดให้มาก
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า อาการในช่วงนี้แม้ท่านจะดีขึ้นบ้างแต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางทีมแพทย์คงต้องเครียดกันไปอีกจนกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตในช่วง 1 เดือนนี้ โดยภาวะตับอักเสบ เป็นผลแค่ทางแล็บยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องแสดงอาการ และหลังจากเราได้งดให้ยาตัวเดิมตับก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ถ้าดีขึ้นแพทย์ก็จะมีการปรับเปลี่ยนยาขนานอื่นเพิ่มเติมเข้ามา เช่น สูตรยาที่ฆ่าเชื้อได้ดีกว่า ซึ่งคงต้องรอประเมินผลอีกประมาณ 5-7 วัน แต่ช่วงนี้คงจะต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางสายยางและหลอดเลือดดำไปก่อน ซึ่งการรักษาวัณโรคต้องใช้ระยะเวลายาวนาน หากดีขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นยากินทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการวัดบ้านไร่ นำโดย พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ พร้อมคณะกรรมการวัดบ้านไร่ เช่น นางเข็มทอง เรืองกฤติยา รองประธานฯ นายฉัตร เหิบขุนทด และ น.ส.จู ปริสุทธชาติ ได้เข้าเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณและเปิดแถลงข่าว กรณีที่ข่าวแพร่สะพัดว่าหลวงพ่อคูณมรณภาพ พร้อมกับได้นำหลวงพ่อคูณนั่งรถเข็นออกไปสูดอากาศหน้าห้องพักผู้ป่วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าหลวงพ่อยังมีสุขภาพที่แข็งแรงและยังไม่มรณภาพตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยหลวงพ่อคูณมีหน้าตาสดชื่นขึ้น โบกมือทักทายและพูดคุยกับลูกศิษย์ได้ และยังมีความจำที่ดีสามารถจดจำลูกศิษย์ใกล้ชิดได้ทุกคน